SCIB เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.5-6.5% ต่อปี

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 5, 2009 15:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารนครหลวงไทย เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิอายุ 10 ปี แก่นักลงทุนรายย่อยทั่วไปและประเภทสถาบัน เสนอผลตอบแทนในอัตราแบบก้าวหน้า จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย 6.0% ต่อปี ปีที่ 8-10 อัตราดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท ระหว่างวันที่ 15-18 มิ.ย. 2552 หวังสร้างความแข็งแกร่งให้กับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร และรองรับแผนการขยายการดำเนินธุรกิจ ในเชิงรุก นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารเสนอขาย “หุ้นกู้ด้อยสิทธิธนาคารนครหลวงไทยครั้งที่ 1/2552” ซึ่งเป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทด้อยสิทธิ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนวันครบกำหนด ภายหลังจาก ปีที่ 5 เป็นต้นไป แก่นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนประเภทสถาบัน อายุ 10 ปี อัตราผลตอบแทนเป็นแบบก้าวหน้า จ่ายอัตราดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยปีที่ 1-3 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 5.5% ต่อปี ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย 6.0% ต่อปี และปีที่ 8-10 อัตราดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท และทวีคูณของ 1 แสนบาท ทั้งนี้ ธนาคารจะเปิดขาย “หุ้นกู้ด้อยสิทธิธนาคารนครหลวงไทย” ระหว่างวันที่ 15-18 มิถุนายน 2552 ผ่านสาขาของธนาคารทั้ง 409 สาขาทั่วประเทศ โดยบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TRIS) จัดอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรในระดับ A ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้อยู่ที่ระดับ A- (A ลบ) ซึ่งเป็นระดับน่าลงทุน (Investment Grade) และมีแนวโน้มระดับเครดิตในระดับ คงที่ พร้อมทั้งมีบริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด เป็นผู้ขายหุ้นกู้ (underwriter) ส่วนธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นนายทะเบียน ขณะที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิเป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารเงินกองทุนหรือ Capital Management Plan ของธนาคาร ซึ่งต่อเนื่องมาจากผลการศึกษาโดยบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของธนาคาร คือ บริษัท ภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริล ลินช์ จำกัด ที่ให้ข้อสังเกตว่าแม้ธนาคารจะมีระดับเงินกองทุนที่เพียงพอ แต่ยังมีสัดส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 2 ไม่สูง และสามารถขยายเงินกองทุนขั้นที่ 2 ได้อีกมาก ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นของธนาคารเมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ธนาคารสามารถออกหุ้นกู้ในวงเงินทั้งหมดไม่เกิน 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึงหุ้นกู้ด้อยสิทธิ เพื่อใช้เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 ของธนาคารด้วย เมื่อพิจารณาจากฐานะปัจจุบันที่ธนาคารมีเงินกองทุน 33,484 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 10.51% แบ่งเป็นเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงขั้นที่ 1 เท่ากับ 9.8% ส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 2 เท่ากับ 0.71% ธนาคารจึงยังสามารถขยายส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 2 ได้อีก 3-4% ซึ่งเมื่อพิจารณาภาวะตลาดและอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะสมที่จะระดมเงินกองทุนขั้นที่ 2 เพราะจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการเพิ่มความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนของธนาคาร และเป็นทางเลือกหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่ผู้สนใจลงทุน “ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่น (Trust & Confidence) แก่ลูกค้าและนักลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจในเชิงรุกของธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเพิ่มฐานลูกค้ารายย่อยของธนาคาร ภายใต้แนวความคิด SCIB Family ที่เป็นการผนึกกำลังระหว่างธนาคารและบริษัทในเครือในการเสนอบริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่กลุ่มลูกค้า รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของระบบธนาคารพาณิชย์อีกด้วย” นายชัยวัฒน์ กล่าว สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ธนาคารนครหลวงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ และ SCIB Contact Center 0-2828-8000 และ www.scib.co.th ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนที่ควรจะศึกษาความเสี่ยงก่อนการลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ