ชีวาทัย เตรียมสะสมที่ดินรวม 300 ไร่ ทั่วกรุงเทพ มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท และวางรากฐานบริษัทรองรับการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2014

ข่าวอสังหา Friday June 5, 2009 17:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--เจซีแอนด์ โค พับลิครีเลชั่นส์ - ชีวาทัยเล็งสะสมที่ดินตลอดห้าปี ให้ครอบคลุมการพัฒนาโครงการฯ?มากกว่า 20 โครงการเมื่อเข้าตลาดฯ - เผยผู้ถือหุ้น ทั้งฝั่งใทยและสิงคโปร์ เห็นด้วยกับการเข้าตลาดเพื่อการพัฒนาบริษัท สู่ความยั่งยืน - ชีวาทัย ตั้งเป้าหมาย ให้บริษัทได้รับการบริหารงานจากบุคคลภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญ เฉพาะด้านเพื่อพัฒนาสู่ องค์กรแห่งความรู้ บริษัท ชีวาทัย จำกัด เผยเป้าหมายสู่ตลาดหลักทรัพย์ใน 5 ปี เพื่อพัฒนาองค์กรให้เป็นบริษัทพัฒนา อสังริมทรัพย์รายใหญ่ นอกจากวางเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง แล้วยังพิจารณาสะสมที่ดิน ทั่วกรุงเทพ และปริมณฑล ทั้งนี้รวมที่ดินที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาอยู่กว่า 300 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท โดยที่ดินดังกล่าวร้อยละ 90 เป็นที่ดินอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพสูง ที่เจ้าของไม่ได้เคยประกาศขาย แต่เป็นการติดต่อซื้อโดยความสัมพันธ์ของ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ฝั่งผู้ถือหุ้นไทย ที่เป็นนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทย โดยที่ดินทุกแปลงนั้นจะผ่านการวิเคราะห์?โอกาสในการพัฒนาสู่อสังหาริมทรัพย์ชนิดใดชนิดหนึ่ง ที่มีคุณภาพสามารถตอบ โจทย์ตลาดเป้าหมายได้ และได้ความคุ้มค่าในการลงทุน เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าตลอดระยะเวลาประมาณ 4 ปี ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์? ชีวาทัย จะสามารถมีที่ดินที่จะพัฒนาโครงการในมือต่อปี กว่า 10 โครงการ และกว่า 20 โครงการ เมื่อเข้าตลาดฯ?แล้ว มร. บุญ ชุน เกียรติ กรรมการบริหาร บริษัท ชีวาทัย จำกัด เปิดเผยว่า จากแรกเริ่มที่เข้ามา เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดประเทศไทย สิ่งที่น่าจับตามองเพราะเกิดจากการร่วมทุนจากนักธุรกิจตระกูลใหญ่ คุณชาติชาย พานิชชีวะ และบริษัทก่อสร้างมหาชนอันดับต้นๆ ของประเทศสิงคโปร์ ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมาย ในการบริหารจัดการในทิศทางเดียวกัน คือการมุ่งพัฒนาบริษัทสู่บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายสำคัญ ในตลาดหลักทรัพย์ ในประเทศไทย ที่สามารถพัฒนาโครงการฯ ป้อนสู่ความต้องการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ มากกว่า 20 โครงการ ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ ชีวาทัยสามารถเดินถึงเป้าหมาย คือการมีที่ดินที่มีศักยภาพในการลงทุนและสามารถตอบโจทย์ ของตลาดในภาวะเวลานั้นๆได้อย่างรวดเร็ว โดยในตอนนี้ บริษัทได้พิจารณา ซื้อที่ดินจำนวน กว่า 300 ไร่ ทั้งที่ มาจากการเสนอขายจากคนในแวดวงธุรกิจชั้นนำ ตัวแทนขายที่ดิน และจากการสำรวจที่ดินและติดต่อเสนอซื้อจากบริษัทเอง ซึ่งเม็ดเงินที่จะนำมาซื้อเพื่อสะสมที่ดิน หรือที่เรียกว่า Land Bank นั้น มีมูลค่าการลงทุนช่วงแรก กว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งล้วนเป็นเงินที่มาจากทุนสำรองของบริษัททั้งสิ้น สำหรับประเภทของ ที่ดินที่ ชีวาทัย ต้องการเพื่อพัฒนาโครงการใน อนาคต แบ่งเป็น 3 ประเภท หลักๆ คือที่ขนาดเล็กในใจกลางเมือง ที่ดินขนาดกลางในเขตพื้นที่แวดล้อมด้วยแหล่งความเจริญหลักๆ ของกรุงเทพฯ และพื้นที่ขนาดใหญ่ ในเขตรอบนอกกรุงเทพฯ ?และปริมณฑล ตั้งแต่ 200 ตารางวา จนถึงจำนวนหลายร้อยไร่ ซึ่งที่ดินที่กำลังพิจารณานั้น ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่ศักยภาพที่ไม่เคยได้เปิดขายให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น โดยที่ดินทั้ง 3 ประเภทนั้น คาดว่าจะได้รับการพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของตลาดในตอนนั้น โดยการพิจารณาซื้อที่ดินเราพิจารณาจาก โอกาสในการลงทุน และราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เพราะต้นทุนในการก่อสร้าง ของบริษัทฯ ของทุกโครงการนั้นมีมาตรฐานที่สูง เพราะชีวาทัย ไม่มีนโยบายในการซื้อที่ดินในราคาแพงและลดต้นทุนการบริหารจัดการด้านอื่นๆ นายชาติชาย พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชีวาทัย กล่าวเสริมว่า ตนเองถือว่ามีธุรกิจที่ต้องบริหาร หลายประเภท อาทิ ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจสิ่งทอ ธุรกิจรถเช่า ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท ตนเองจึงเห็นการเติบโตของหลายๆ ธุรกิจที่มีแนวทางในการเติบโต ต่างๆ กัน แต่สิ่งหนึ่ง ที่คาดว่าจะทำให้องค์กร ยั่งยืน คือองค์กรเป็นที่รู้จักของประชาชน บริหารโดยคนหมู่มาก และบริหารงานโดยผู้เชี่ยวชาญ?เฉพาะด้านนั้นๆ ดังนั้นตนเอง ในฐานะนักลงทุนจึงมีเพียงวิสัยทัศน์ เงินลงทุนและระบบการทำงานให้ แต่ทักษะและความรู้ความสามารถเฉพาะทางนั้น ต้องอาศัยบุคคลภายนอก มาเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกัน ซึ่งชีวาทัยเองหวังว่า จะสามารถพัฒนาสู่องค์กรผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์?ที่เป็นแหล่งรวมผู้เชียวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ในทุกๆด้านเข้าด้วยกัน หรือเป็นองค์กรแห่งองค์ความรู้ (Knowledge based organization) ตลอดจนยังเป็นองค์กรที่ทุกคนสามารถเข้ามาเป็นเจ้าของ ซึ่งนั่นคืออยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตนเองคิดว่านั่นคือเป้าหมายของทุกองค์กรที่ตนเองดู?แล และเป็นมุมมองการบริหารองค์กร ที่มีประสิทธิภาพสูงสูด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ เจซีแอนด์ โค พับลิครีเลชั่นส์ (JC&CO PUBLIC RELATIONS) ณภัทร กาญจนะจัย / ทิพย์สิริ เทวกุล ณ อยุธยา โทรศัพท์ 02.713.6652 Email: napatk@jcpr.co.th, thipsirid@jcpr.co.th http://www.jcpr.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ