กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — ราคาทองคำแท่งร่วงแรงในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ จากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ + การขายทำกำไรเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม วันนี้ราคาทองคำในตลาดโลกยังมีแนวโน้ม Rebound กลับมาบ้างจากการร่วงแรง (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source: Reuters Daily
Source: Reuters 30 Min
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Index บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นมีทิศทางขาลง, MACD 30 นาทีอยู่ในแดนบวกบอกถึงทิศทางขาขึ้น ทว่าเส้น MACD ได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างและ MACDF อยู่ในแดนบวก ทำให้ราคาอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงต้นของวัน, Fast Stochastic ดูลงเล็กน้อยในช่วงนี้, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 40.412 ถือเป็นระดับกลางๆและไม่มีสัญญาณ oversold หรือ overbought, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $944-$974 ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็นตลาด Sideways-down ระหว่างแนวรับแนวต้าน ส่วนค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿34.25-฿34.43
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - Directional Index ระดับวันบ่งบอกว่าทิศทางโดยรวมของราคาทองคำดูบวก, RSI อยู่ที่ระดับ 48.696 และยังถือเป็นระดับกลางๆและไม่มีสัญญาณ oversold หรือ overbought, MACD อยู่ในแดนบวกและยังคงทำให้มองราคาทองคำระยะกลางเป็นขาขึ้นอยู่ ทว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ที่ MACD ตัดเส้น Trigger, Fast Stochastic ระดับวันกำลังเคลื่อนตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า 20 และดูได้ว่าราคาอาจปรับตัวลงขึ้นในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นบวก โดยจะใช้แนวต้านเดิมที่ Fibo 61.8% ที่ $952 เป็นแนวรับที่สำคัญและแนวรับระดับกลางถัดไปอยู่ที่ $935 และแนวต้านราคาระยะกลางยังอยู่ที่ $1,000
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,800 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,570 หรือที่ $956.70) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 230 บาท ขณะที่ราคาของ GFM09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,860 บาท จะมีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 290 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFM09 แล้ว ซื้อ ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 290-230 = 60 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาทเท่านั้น จึงยังไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) ในการทำกำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
กลยุทธ์และคำแนะนำ หากนักลงทุนต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้สูงให้เล่น Short หวังทำกำไรจากการ Correction หากต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้เล่น Range Trading ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $944-$974 ทว่าหากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้สูงให้ท่านเล่น Long โดยคาดว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อไปจนถึง High เดิมที่ $1,000 โดยปรับฐานเพียงเล็กน้อย หากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้รอดูทิศทางตลาดหลังช่วง Consolidation อีกระยะหนึ่ง
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทปิดอ่อนค่าลงอีก 8 สต. มาอยู่ที่ 34.19 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 34.11 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า ตามสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียที่อ่อนค่าลงเช่นกัน ส่วนในเช้านี้เงินบาทยังคงอ่อนค่าลงอีก 5 สต. มาอยู่ที่ 34.24 บาทต่อดอลลาร์ โดยวันนี้มีแนวรับสำคัญที่ 34.10 บาทและ 34.01 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านในวันนี้จะอยู่ที่ 34.28 บาทและ 34.37 บาทตามลำดับ
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ — สหรัฐประกาศข้อมูลการจ้างงานที่ให้ภาพในเชิงขัดแย้ง อีกทั้งยังกลายเป็นเสมือนดาบสองคมต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ลดลงเพียง 345,000 คน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 530,000 คนมาก (ที่ซึ่งนักลงทุนให้ความสำคัญมากสุด) แต่อัตราการว่างงานกลับพุ่งขึ้นมาที่ระดับ 9.4% จากที่คาดไว้เพียง 9.2% และมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นมากกว่า 10% ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ในขณะที่ข้อมูลการให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคกลับลดลงถึง 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่าคาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 7 พันล้านดอลลาร์ หลังธนาคารเข้มงวดการปล่อยกู้มากขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ต้องการใช้จ่ายน้อยลงและต้องการออมมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงน้อยกว่าคาดมาก ทำให้นักลงทุนลังเลมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังมีการเทขายพันธบัตรระยะยาวออกมา
ตลาดเงิน (อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาว) — หลังการประกาศตัวเลขการจ้างงาน นักลงทุนเทขายพันธบัตรระยะยาวออกทันที ทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะ 10 ปี พุ่งขึ้นมากถึง 13 bsp จากวันก่อนหน้า มาที่ 3.83% ส่งสัญญาณต่อความวิตกต่อภาวะเงินเฟ้อที่คืบคลานเข้ามาเร็วขึ้น ซึ่งจะบั่นทอนผลตอบแทนจากการถือพัตรบัตรอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของการบริโภคมวลรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยและรถยนต์โดยรวมอีกด้วย
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นรวดเร็วและแรงทันทีเมื่อเทียบเงินยูโรอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ถึง -$0.0299 (-1.62%) มาที่ $1.3953 จากที่ปิด $1.4182 เมื่อวันก่อนหน้า โดยเป็นผลจากดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวที่พุ่งขึ้นเป็นสำคัญ และจะนำไปสู่เงินเฟ้อเร็วขึ้น จึงทำให้เชื่อว่า FED จะขยับดอกเบี้ยเร็วขึ้นเป็นภายในปีนี้แทน ขณะที่เช้านี้อ่อนค่าลงเล็กน้อย มาที่ $1.3969
ราคาน้ำมัน — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ค.ปิดร่วงลง -$0.37 มาที่ $68.44 ต่อบาร์เรล หลังขึ้นไปยืนเหนือ $70.32 เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนช่วงสั้นๆ ก่อนทรุดตัวลงด้วยผลกระทบจากค่าดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น 1.62% ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันยังคงร่วงลงต่อเนื่องมาที่ $68.12 ต่อบาร์เรล
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 5 มิ.ย.52 ลดลง -0.35 ตันจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,132.15 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36.4 ล้านออนซ์
ตลาดทอง นิวยอร์ก + ลอนดอน — ราคาทองคำร่วงลงรุนแรงหลังเปิดตลาดที่นิวยอร์ก ตามค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว + แรงขายทำกำไร หลังเกิดความไม่แน่นอนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคการเงินจากดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวที่พุ่งขึ้น
ตลาดทองเอเชียเช้านี้ (06:30 น.) — ล่าสุดราคาอยู่ที่ 956.70 แม้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังผันผวนทั้งบวกและลบสลับกัน จากที่ปิดในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนก่อนหน้า ตามการผันผวนของค่าเงินดอลลาร์
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ตลาดเงิน (อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาว) — ยังคงต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ว่า FED จะแก้ปัญหาอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรที่กำลังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร (ในเมื่อรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นได้) เพื่อกดดอกเบี้ยให้ต่ำลงในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง
สนใจลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ กับ วายแอลจี (YLG) สอบถามได้ที่ 0-2287-1155