กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--กฟผ.
กฟผ. เตรียมพร้อมป้องกันพื้นที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงไม่ให้ถูกน้ำท่วม ขณะที่ร่วมกับ 2 การไฟฟ้าเตรียมแผนฉุกเฉินเพื่อป้องกันไฟฟ้าดับ ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนขณะนี้รวมแล้วกว่า 1 ล้านบาท โดยกระจายไปในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ยืนยันทุกเขื่อนยังมีความมั่นคงแข็งแรง
นายจำนงค์ วงสว่าง รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงการดูแลระบบไฟฟ้าในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมว่า กฟผ. ได้เตรียมการป้องกันน้ำท่วมสถานีไฟฟ้าแรงสูงไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว โดยได้มีการสร้างกำแพงคอนกรีตล้อมสถานีไฟฟ้าฯ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่ออุปกรณ์และการจ่ายไฟฟ้าของ กฟผ. พร้อมกันนี้ในฐานะประธานคณะกรรมการปรับปรุงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ของ 3 การไฟฟ้า ได้มีการประสานความร่วมมือกับ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เตรียมแผนฉุกเฉินไว้พร้อมแล้ว เพื่อให้สามารถจ่ายไฟฟ้าให้แก่ประชาชนได้อย่างเป็นปกติ
ด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ นั้น นายอภิชาต ดิลกโศภณ รองผู้ว่าการบริหาร ในฐานะ โฆษก กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ได้ส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยแล้ว ได้แก่ จ.อ่างทอง จ.สิงหบุรี จ.จันทบุรี จ.นครสวรรค์ จ.พิจิตร จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.น่าน และ จ.เชียงใหม่ โดยได้นำถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค บริโภค น้ำดื่ม และยารักษาโรค รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ขณะเดียวกันยังได้จัดส่งเจ้าหน้าที่พร้อมยานพาหนะ ได้แก่ เรือท้องแบน เรือคะยัค ไปช่วยขนย้ายสิ่งของและลำเลียงประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วมตามจุดต่างๆ พร้อมสนับสนุนรถบรรทุกทรายเพื่อทำกระสอบทรายสำหรับแนวกั้นน้ำอีกด้วย
สำหรับสถานการณ์ของเขื่อนใหญ่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กฟผ. นายอภิชาต กล่าวว่า ขณะนี้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมาก แต่ยังไม่ถึงภาวะวิกฤต ยังไม่ต้องเปิดประตูระบายน้ำล้น เขื่อนยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 208.1 และ 121.09 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล.ลบ.ม.) ตามลำดับ โดยขณะนี้ยังสามารถบริหารจัดการการระบายน้ำได้ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อเกิดขึ้นทั้งด้านเหนือน้ำและท้ายน้ำของเขื่อน สำหรับการระบายน้ำผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าวันนี้ เขื่อนภูมิพล ระบายน้ำ 50 ล.ลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์ ระบายน้ำ 30 ล.ลบ.ม. ซึ่งเป็นปริมาณน้ำดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มน้ำปิงและลุ่มน้ำน่าน
“ยืนยันว่า ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนแต่อย่างใด” โฆษก กฟผ. กล่าวในตอนท้าย