กรุงเทพฯ--9 มิ.ย.--มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
รมว.คลัง “กรณ์ จาติกวณิช” เผยรัฐวิสาหกิจถือเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประเมินผลงานยังไม่เข้าตาแม้กระทรวงการคลังจะถือหุ้นใหญ่ แต่ไม่สามารถกำหนดนโยบายได้ มองการลดจำนวนรัฐวิสาหกิจลงถือเป็นนโยบายพัฒนาที่แท้จริง ด้านรองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุการแปรรูปรัฐวิสาหกิจยังเป็นสิ่งจำเป็น
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐวิสาหกิจถือเป็นหน่วยงาน และกลไกสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมจากมูลค่าทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจไทยที่รวมกันแล้วมีมากกว่า 2.5 ล้านล้านบาท
“เรื่องรัฐวิสาหกิจถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูจากมูลค่าทรัพย์สินโดยรวมแล้วประเมินไว้ว่า มีมากกว่า 2.5 ล้านล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนที่รัฐบาลได้รับทั้งในแง่ของรายได้ กำไรและบริการต่อพี่น้องประชาชนนั้น เราทุกคนล้วนเห็นตรงกันว่าปัจจุบันยังไม่อยู่ในระดับมาตรฐานเท่าที่ควร ดังนั้น การพัฒนารัฐวิสาหกิจจึงถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องดำเนินการ” นายกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ นายกรณ์กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาการพัฒนารัฐวิสาหกิจในประเทศไทยประสบกับปัญหามากมาย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะถูกจำกัดโดยปัญหาทางการเมืองจากแนววิธีและประเพณีปฏิบัติในการดูแลรัฐวิสาหกิจของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะถึงแม้กระทรวงการคลังจะอยู่ในฐานะถือหุ้นใหญ่ แต่การกำหนดนโยบายจะถูกกำหนดโดยเจ้ากระทรวงที่รัฐวิสาหกิจนั้นสังกัดอยู่ ทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนารัฐวิสาหกิจได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลที่ผ่านๆ มาก็เคยมีความพยายามที่จะรวบอำนาจจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเหมือนกับในประเทศมาเลเซีย ซึ่งถ้าทำได้จริงๆ ก็น่าจะเกิดประโยชน์ ทั้งนี้ สิ่งที่อยากจะฝากไว้ก็คือประเทศไหนที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมาก ก็จะเห็นว่าประเทศนั้นจะมีหน่วยงานที่เป็นรัฐวิสาหกิจน้อย และนโยบายใดที่สามารถลดจำนวนลงได้ก็น่าจะเป็นนโยบายพัฒนารัฐวิสาหกิจที่แท้จริง
“ตอนที่ผมเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ซึ่งคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในรัฐวิสาหกิจ ผมก็ได้เห็นปัญหา และข้อจำกัดในการพัฒนามากมาย ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ามาจากการเมือง เช่น กรณีของบมจ.การบินไทย ถึงแม้กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และดูแลเรื่องการเงินระดับหนึ่ง แต่การกำหนดนโยบายจะเป็นของกระทรวงคมนาคม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
ด้าน ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศ.) กล่าวว่า การพัฒนารัฐวิสาหกิจของไทยนั้นถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากรายได้ของภาครัฐส่วนสำคัญมาจากผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ แต่ที่ผ่านการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจไทยหลายแห่งยังประสบกับภาวะขาดทุน และขาดประสิทธิภาพในการแข่งขัน
“ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแบบนี้ รัฐบาลเองก็ต้องการเงินที่จะมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเป็นโจทย์ที่ภาครัฐจะต้องแก้ทั้งการเพิ่มศักยภาพให้กับภาคเอกชนให้มีอำนาจที่จะสามารถจ่ายภาษีได้ รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เป็นรายได้ของรัฐ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ปัจจุบันยังมีหลายแห่งที่ขาดทุนและรัฐก็ต้องเข้าไปอุ้มไว้” ดร.วรพล กล่าว
สำหรับการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้มีความเข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องรีบดำเนินการไม่ว่าจะเป็นการปล่อยให้เกิดการแข่งขันจริง การมีคณะกรรมการเข้าไปกำกับดูแล รวมไปถึงแนวทางการแปรูปรัฐวิสาหกิจเป็นมหาชนก็เป็นแนวทางที่ดี และเป็นสิ่งที่จำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ในนามศูนย์บริการวิชาธรรมาภิบาล สาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล
โครงการปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม : www.thaigoodgovernance.org
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ:
พิภพ ฆ้องวง (ท๊อป)
พงศกร แจ้งประภากร (ก้อง)
โทร.02-248-7967-8 ต่อ 118 , 119
โทรสาร. 02-248-7969