กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--พม.
พม. เปิดเวทีทบทวนแผนยุทธศาสตร์ ๕ ปี สร้างสวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ ๑ และแผนปฏิบัติการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมไทยเพื่อชีวิตมั่นคง พ.ศ. ๒๕๕๐ — ๒๕๕๔ หวังให้ระบบสวัสดิการสังคมของไทยมีความชัดเจนภายในปี ๒๕๕๔
วันนี้ (๑๐ มิ.ย.๕๒) เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่ รร.ปรินซ์ พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการทบทวนแผนยุทธศาสตร์ ๕ ปี สร้างสวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ ๑ และแผนปฏิบัติการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมไทยเพื่อชีวิตมั่นคง พ.ศ. ๒๕๕๐ — ๒๕๕๔ มีนักวิชาการ ผู้แทนส่วนราชการ องค์กรสาธารณประโยชน์ องค์กรสวัสดิการชุมชน คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมจังหวัดจากทั่วประเทศ จำนวน ๓๐๐ คน เข้าร่วมประชุม
นายอิสสระ สมชัย กล่าวว่า สวัสดิการสังคมที่ดีและครบถ้วน จะทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ไม่ว่าจะดำเนินการโดยรัฐ เอกชนหรือประชาชนเอง ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งรัดการดำเนินงานด้านสวัสดิการหลายเรื่อง เช่น การศึกษาขั้นพื้นฐานฟรี ๑๕ ปี การจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุ และมีแผนที่จะจ่ายเบี้ยยังชีพคนพิการทุกคนที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ การเพิ่มรายจ่ายต่อหัวให้แก่ประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพ และยังมีกระทรวงต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนางานสวัสดิการในเชิงระบบ เช่น การจัดตั้งกองทุนบำนาญแห่งชาติ การขยายระบบประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ แนวทางการสมทบกองทุนสวัสดิการชุมชน เพื่อให้กองทุนเป็นหลักประกันในการดูแลสวัสดิการของสมาชิก รวมทั้งข้อเสนอของกระทรวงการคลังในการจัดเก็บภาษีที่ดินและภาษีมรดก เพื่อนำรายได้มากระจายให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน เป็นต้น
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า งานสวัสดิการสังคมมีขอบเขตกว้างขวาง จำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องเข้ามามีส่วนร่วม คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๒ รับทราบในเรื่อง การกระจายรายได้ด้วยการสร้างสังคมสวัสดิการ และกำหนดให้ “การสร้างสังคมสวัสดิการ” เป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งการสร้างสังคมสวัสดิการจากภาคส่วนต่างๆ ของสังคมใน ๓ รูปแบบ ประกอบด้วย สวัสดิการโดยรัฐ การจัดสวัสดิการโดยภาคธุรกิจ และสวัสดิการโดยชุมชน โดยมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติใช้กลไกคณะกรรมการฯ เป็นกลไกหลักในการประสานงานนำข้อเสนอดังกล่าวไปดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป
“ในสังคมไทยและสังคมโลกยังมีทุนอยู่อีกมาก ทั้งทุนที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ การทำให้มีการใช้ทุนที่มีอยู่ให้เกิดคุณค่า และกระจายทุนกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างเป็นธรรม โดยสร้างระบบสวัสดิการด้วยการให้ประชาชนและทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม ถือได้ว่าจะเป็นการสร้างความมั่นคงให้สังคมไทยด้วยสังคมสวัสดิการอย่างแท้จริง ตามแผนยุทธศาสตร์ ๕ ปี สร้างสวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ ๑ ในยุทธศาสตร์ที่ ๕ ที่ระบุให้มีการเสริมสร้างการรวมพลังเพื่อเพิ่มเป็นทวีคูณ (Synergy) ในการจัดสวัสดิการสังคม โดยพัฒนาระบบ และแนวทางบูรณาการงานของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจ องค์กรภาคประชาชน และชุมชนเข้าด้วยกัน” นายอิสสระ กล่าว