กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--บีโอไอ
บีโอไอเผย ภาวการณ์ลงทุนในเดือนพฤษภาคมเริ่มดีขึ้น โดยมีคำขอรับส่งเสริมมากกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ น้อยกว่าปีที่แล้วไม่มากนัก ด้านบอร์ดบีโอไออนุมัติส่งเสริมลงทุน 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการขยายการลงทุน เพื่อให้บริการขนถ่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว รองรับโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรม
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ว่า บีโอไอได้สรุปภาวการณ์ลงทุนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม — พฤษภาคม) ซึ่งพบว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนเป็นจำนวน 84 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 29,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าการขอรับส่งเสริมในเดือนพฤษภาคมปี 2551 ที่มีจำนวน 58 โครงการ และมีมูลค่าเงินลงทุน 24,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการลงทุนในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ พบว่า มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน 377 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 166,600 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2551 (183,600 ล้าน) ประมาณร้อยละ 9
อุตสาหกรรมที่มีผู้สนใจขอรับการส่งเสริมลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค ตามด้วยอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร อุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่งตามลำดับ
สำหรับมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติในรอบ 5 เดือน ที่ผ่านมามีมูลค่า 43,461 ล้านบาท โดยนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 17,990 ล้านบาท ในกิจการผลิตชิ้นส่วน/อุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาคือประเทศยุโรป อเมริกาและสิงคโปร์ตามลำดับ
นายชาญชัย กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมมีมติให้การส่งเสริมการลงทุน 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 12,886.6 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. Mr. Gian LuiGi Cola ได้รับการส่งเสริมลงทุนผลิตถังบรรจุก๊าซ CNG ( CNG Cylinder ) มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 200,000 ถังต่อปี โครงการนี้เป็นการลงทุนร่วมระหว่าง Faber Industry จากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นผู้ผลิตถังบรรจุก๊าซ CNG รายใหญ่ของโลกกับ บริษัท Sumitomo Corporation ประเทศญี่ปุ่น ผลิตถังบรรจุก๊าซ CNG เพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 28 ต่างประเทศร้อยละ 72
2. นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับการส่งเสริมลงทุนผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ ได้แก่ ชิ้นส่วนของ CHASSIS กำลังการผลิต1,384,000 ชิ้นต่อปี และ REAE AXLE HOUSING กำลังการผลิต 547,000 ชุดต่อปี มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,480 ล้านบาท โครงการนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มไทยซัมมิท ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย และบริษัท เพรสโกเงียว จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะรถบรรทุกของประเทศญี่ปุ่น โดยสินค้าที่ผลิตได้จะจำหน่ายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทย 349 คน
3. บริษัท เอ็มทีพี เอชพีพีโอ แมนูเฟคเจอริ่ง จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการ ผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำใส น้ำปราศจากแร่ธาตุ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,127.1 ล้านบาทและบริการบำบัดน้ำเสีย เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,130.4 ล้านบาท รวม 2 โครงการมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,257.5 ล้านบาท โดยโครงการผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม กำลังการผลิตประมาณ 14,200,000 ตัน สำหรับโครงการบริการบำบัดน้ำเสีย จะบำบัดน้ำเสียประมาณ 2,190,000 ลูกบาศ์กเมตรต่อปี ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นการให้บริการแก่บริษัทฯ ในกลุ่ม Dow Chemical ที่ได้รับการส่งเสริมกิจการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
4. บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการ ขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเล โดยจะให้บริการขนถ่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว ประมาณ 720,000 ตันต่อปี มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,889.1 ล้านบาท โดยโครงการจะมีการปรับปรุงพื้นที่เดิมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อก่อสร้างถังบรรจุก๊าซแบบ LOW TEMP ขนาด 70,000 ลูกบาศ์กเมตร จำนวน 1 ใบ และติดตั้ง Loading Arm จากถังเก็บสินค้าไปเชื่อมกับปลายท่อของลูกค้า
5. บริษัท ระยอง เทอร์มินัล จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนในกิจการขนถ่ายสำหรับเรือเดินทะเล ให้บริการขนถ่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเหลว ประมาณ 3,200,000 ตันต่อปี มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 4,260 ล้านบาท ให้บริการนำเข้า — ส่งออก Propylene และ Propylene Oxide กับบริษัท เช่น Dow Chemicals Thailand Limited. , MTP HPPO Manufacturing Co., Ltd. เป็นต้น โดยโครงการนี้เป็นการพัฒนาท่าเทียบเรือขึ้นมาใหม่ เป็นการเสริมโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขยายตัวและเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมเคมีในภาพรวม