กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--โฟร์ฮันเดรท
ทราบหรือไม่ว่า ปัจจุบันคนเรามีความเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีมากกว่า 15,000 ชนิด ทั้งจากอาหาร น้ำดื่ม อากาศ สิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสารพิษ ทั้งพิษจากโลหะหนัก สารตะกั่ว พลาสติก กระบวนการปิโตรเคมี ภาชนะที่ใส่อาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยพิษภัยของสารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและสิ่งแวดล้อม ทำให้ร่างกายกลายเป็นแหล่งสะสมสารพิษ และส่งผลให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ อาทิ ออทิสติก หอบหืด ภูมิต้านทานบกพร่อง โรคระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท โรคผิวหนัง อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ รวมไปถึงโรคมะเร็ง ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการจากสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน อาหารออร์แกนิกจึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของคนรักสุขภาพ เพราะเป็นอาหารจากธรรมชาติเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
ปัจจุบัน ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าสิ่งแวดล้อมส่งผลต่อสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด โดยดูจากอัตราการเกิดโรคและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น เทียบกับ 20 ปีที่ผ่านมา เด็กอเมริกันทุกวันนี้เป็นโรคมะเร็ง ออทิสติก และหอบหืดเพิ่มมากขึ้น โดยอัตราส่วนของเด็กที่เป็นออทิสติกเพิ่มขึ้น จาก 1 : 2,000 คน เป็น 1 : 66 คน
จากตัวเลขดังกล่าวข้างต้นบอกได้ว่า พิษภัยของสารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและสิ่งแวดล้อม ทำให้ร่างกายเป็นแหล่งสะสมสารพิษ ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น และจนมาถึงช่วงของการตั้งครรภ์ ซึ่งถ้าหากคุณแม่มีสารพิษสะสมอยู่ในร่างกายและตามอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะมดลูก สารพิษเหล่านั้นก็ส่งผลต่อทารกในครรภ์ด้วยและการที่คุณแม่ได้รับสารพิษพวกนี้เข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากๆ ก็จะทำให้มีพิษในเลือดปริมาณที่สูง พิษเหล่านี้อาจไปทำปฏิกิริยาหรือส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ แต่หากคุณแม่มีการดูแลร่างกายตั้งแต่ก่อนและขณะตั้งครรภ์ โดยมีการล้างพิษออกจากร่างกาย ด้วยวิธีการที่ได้รับการรับรองจากการแพทย์ เพื่อกำจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกายเพื่อให้ร่างกายสะอาด ด้วยการรับประทานอาหารออร์แกนิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ความเสี่ยงต่อโรคทั้งหลาย เช่น ออทิสติก หอบหืด ภูมิต้านทานบกพร่อง มะเร็ง ที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อยก็จะลดน้อยลงและตัวคุณแม่ก็จะแข็งแรงด้วยเช่นกัน
สำหรับ Organic Food (อาหารออร์แกนิก) หรือ อาหารเกษตรอินทรีย์ คือ อาหารที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีกำจัดวัชพืช โดยจะต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการปลูกโดยวิธีธรรมชาติ คือ ต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยชุมชนชาวนาเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย ทุกขั้นตอนการปลูกและการแปรรูป อยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ นอกจากนี้ปัจจัยการผลิตอาหารต้องมีการอนุรักษ์ดินและแหล่งน้ำโดยวิธีการที่ยั่งยืนและปลอดภัย 100% เรียกได้ว่าเป็นพืชผักที่โตมาแบบวงจรธรรมชาติ ดังนั้นผลผลิตที่ได้จึงเป็นผลผลิตที่มาจากการเจริญเติบโตตามธรรมชาติอย่างแท้จริง มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ รสชาติดี มีวิตามินและเกลือแร่ครบถ้วน ส่วนปศุสัตว์แบบออร์แกนิกก็จะเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงสัตว์จะมีอิสระ วิ่งได้ตามธรรมชาติ อาหารที่ใช้ในการเลี้ยงจะไม่มีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงเจือปน และจะไม่มีการให้อาหารสำเร็จรูป
ผลิตภัณฑ์ของออร์แกนิกนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามสัดส่วนของวัตถุดิบและส่วนผสมซึ่งเกิดจากการเพาะปลูกด้วยกระบวนการออร์แกนิก นับตั้งแต่ 75-100 เปอร์เซ็นต์ โดยการควบคุมและตรวจสอบมาตรฐานขององค์กรออร์แกนิกที่ได้รับการยอมรับ จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกนั้นมีราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงและข้อจำกัดในการควบคุมคุณภาพ จึงไม่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกได้ในปริมาณมากเช่นเดียวกับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในสังคมปัจจุบัน
แต่ด้วยสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลพิษและสารพิษที่ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาหารออร์แกนิกเข้ามาเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ของคนไทยมากขึ้น ด้วยกระบวนการควบคุมคุณภาพอาหารที่มีความปลอดภัยเต็มที่ อาหารออร์แกนิกจึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ และจากผลการวิจัยจำนวน 41 ชิ้นโดย The Soil Association ประเทศอังกฤษ ในปี 2544 พบว่าพืชที่ปลูกโดยวิธีออร์แกนิกจะมีวิตามินซีที่มีสูงกว่าอาหารทั่วไปถึง 27% ธาตุเหล็กสูงกว่า 21 % และสารแมงกานีสสูงกว่าถึง 29 % เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์และเปรียบเทียบคุณค่าสารอาหาร ระหว่างอาหารออร์แกนิก (หรือพืชผักผลไม้ที่ปลูกตามธรรมชาติ) และอาหารในซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป ทดสอบโดยใช้ แอปเปิ้ล , มันฝรั่ง, ลูกแพร์, ข้าวสาลี, ข้าวโพด มีการใช้ตัวอย่างสำหรับการทดสอบในแต่ละครั้ง โดยใช้ตัวอย่างทดสอบกลุ่มละ 15 ผล (หรือชิ้น) วิเคราะห์และเปรียบเทียบ โดยวัดปริมาณแร่ธาตุสารอาหารเฉลี่ยต่อน้ำหนักพบว่าปริมาณแร่ธาตุในอาหารออร์แกนิกมีมากกว่าอาหารทั่วไปในซุปเปอร์มาเก็ต ดังนี้ แคลเซียมมากกว่า 63% โครเมียมมากกว่า 78% เหล็กมากกว่า 73% แม็กนีเซียมมากกว่า 118% โมลิบดีนัม มากกว่า 178% ฟอสฟอรัสมากกว่า 91% โปตัสเซียมมากกว่า 125% สังกะสีมากกว่า 60% และยังพบว่า สารปรอท ซึ่งเป็นสารพิษที่พบในอาหารทั่วไปในปริมาณที่ค่อนข้างสูง กลับพบในอาหารออร์แกนิกน้อยกว่าอาหารทั่วไปถึง 29%
อย่างไรก็ตาม อาหารออร์แกนิกมิใช่อาหารที่สะอาดบริสุทธิ์โดยปราศจากสิ่งเจือปน หรือสิ่งแปลกปลอมใด ๆ หากแต่มีสารเจือปนซึ่งเป็นธรรมชาติ อย่าง แบคทีเรีย แต่ไม่ใช่สารแปลกปลอมที่เกิดจากการสังเคราะห์โดยมนุษย์ เพราะสิ่งแปลกปลอมตามธรรมชาติจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ทำงานตามปกติในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย รวมทั้งแบคทีเรียบางประเภทยังช่วยให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเป็นไปอย่างสมดุล
ดังนั้น การรับประทานอาหารออร์แกนิก นอกจากจะเป็นอาหารที่ช่วยต้านโรคต่าง ๆ อาทิ มะเร็ง ภูมิแพ้ และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองแล้ว ยังทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีในปริมาณที่สูงกว่าอาหารทั่วไป เนื่องจากคุณค่าของอาหารยังคงความสมบูรณ์ และสดนานกว่าอาหารทั่วไป แม้ว่าทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคออร์แกนิกจะมีราคาสูง แต่หากการตัดสินใจของคุณอยู่บนพื้นฐานของการสร้างสุขภาพที่ดี และการคืนสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ให้กับธรรมชาติ อาหารออร์แกนิกจึงน่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัว และคุ้มค่าสำหรับคุณและครอบครัวของคุณได้เป็นอย่างดีทีเดียว ถ้าคุณอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องของอาหารออร์แกนิ สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท อาหารสุขภาพดี จำกัด โทร. 02- 258 1682, 089-456-1823