กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--ก.พลังงาน
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ว่า ขณะนี้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ออกประกาศ เรื่องการขอรับเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยภาระภาษีสรรพสามิตรถยนต์ FFV (Flexible Fuel Vehicle) อัตราร้อยละ 3 พ.ศ.2552 ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2552 และมีผลปฏิบัติแล้ว บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สามารถเข้าร่วมโครงการได้ทันที ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 1 พ.ค.52 ได้อนุมัติเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วงเงิน 357 ล้านบาท ชดเชยภาษีสรรพสามิต 3% เช่น ภาษีสรรพสามิต 25% กระทรวงพลังงานจะชดเชยให้ 3% ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ FFV รับภาระภาษีสรรพสามิตเหลือ 22% ทำให้ผู้บริโภคซื้อรถยนต์ FFV ถูกลงหลายหมื่นบาทจนถึงหลักแสนบาทต่อคันตามราคารถยนต์
ทั้งนี้ เป้าหมายในการส่งเสริม E85 ครั้งนี้ จะใช้เงินจำนวน 352.5 ล้านบาท สำหรับรถยนต์ FFV นำเข้าขนาดไม่เกิน 2,500 ซีซี จำนวน 2,000 คัน จนถึงสิ้นปี 2552 และรถยนต์ FFV ที่ผลิตในประเทศจำนวนไม่จำกัด จนถึงสิ้นปี 2553 ส่วนที่เหลือ 4.5 ล้านบาทจะเป็นงบในการบริหารงาน ในด้านการจ้างที่ปรึกษาเพื่อมาตรวจสอบ ประเมินผล ติดตามงานให้เกิดผลสำเร็จ นายพรชัย กล่าวต่อในด้านการทดสอบรถยนต์ เพื่อตรวจสอบหาสารมลพิษที่อาจเกิดจากการใช้รถยนต์ FFV นั้น จะทำการทดสอบโดยใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 หลังจากที่กระทรวงพลังงานได้หารือกับนักวิชาการและหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญแล้ว มีความเห็นตรงกันว่าการใช้น้ำมัน E85 มาทดสอบมลพิษกับรถยนต์ FFV เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว และสูงกว่ามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.)ในปัจจุบันแล้ว ที่ระบุให้ทดสอบกับน้ำมันเบนซินปกติหรือ E0 จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องทดสอบกับน้ำมันทุกชนิด เพราะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายและทำให้ราคารถสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้การส่งเสริมการใช้น้ำมัน E85 นอกจากกระทรวงพลังงานจะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมแล้วยังเป็นผลดีต่อเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง เนื่องจากพืชทั้งสองชนิดเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอลนั่นเอง
“กระทรวงพลังงาน ได้สนับสนุนแก๊สโซฮอล์ E85 โดยตั้งเป้าให้มีรถ FFV ในประเทศ 1 ล้านคันในปี 2561 ซึ่งแผนนี้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวมเป็นเงิน 447,377 ล้านบาท ทั้งยังช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกพืชพลังงานที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูง” นายพรชัยกล่าว