รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า วันที่ 12 ตุลาคม 2549 เวลา 20.00น.

ข่าวทั่วไป Friday October 13, 2006 09:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--ปภ.
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม — 12 ตุลาคม 2549)
1.1 ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 46 จังหวัด 290 อำเภอ 19 กิ่งอำเภอ 1,729 ตำบล 9,601 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,452,563 คน 638,966 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 47 คน จังหวัดเชียงใหม่ 7 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2 คน จังหวัดลำปาง 2 คน จังหวัดสุโขทัย 7 คน จังหวัดพิษณุโลก 6 คน จังหวัดนครสวรรค์ 1 คน จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 คน สิงห์บุรี 1 คน จังหวัดอ่างทอง 4 คน จังหวัดพิจิตร 1 คน จังหวัดปราจีนบุรี 5 คน จังหวัดจันทบุรี 4 คน จังหวัดปทุมธานี 2 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 คน จังหวัดชัยภูมิ 1 คน จังหวัดอุบลราชธานี 1 คน และจังหวัดพังงา 1 คน สูญหาย 2 คน (จังหวัดเชียงใหม่ 1 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 44 หลัง เสียหายบางส่วน 8,005 หลัง ถนน 3,347 สาย สะพาน 263 แห่ง ท่อระบายน้ำ 385 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 463 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตร 1,836,418 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 19,559 บ่อ วัด/โรงเรียน 466 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 305,289,193 บาท
2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 27 จังหวัด โดยทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย แจกจ่ายเครื่องอุปโภค บริโภค น้ำดื่ม การฟื้นฟูล้างทำความสะอาดถนนในเขตเทศบาล โรงเรียน สถานีอนามัย และการซ่อมแซมถนน สะพาน ที่ชำรุดเสียหายให้สามารถใช้การได้ในเบื้องต้นแล้ว
สถานการณ์ปัจจุบัน
3. พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 18 จังหวัด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านพื้นที่สูงกว่าตลิ่ง ได้แก่จังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี จันทบุรี และกรุงเทพมหานคร ดังนี้
3.1 จังหวัดลพบุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระดับต่ำกว่าน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำในพื้นที่ลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสักได้ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าวุ้ง อำเภอบ้านหมี่ อำเภอเมือง อำเภอชัยบาดาล อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง อำเภอลำสนธิ และ อำเภอโคกสำโรง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
การให้ความช่วยเหลือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ 72 เครื่อง เรือท้องแบน 35 ลำ และถุงยังชีพ 4,600 ชุด ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.2 จังหวัดสระบุรี น้ำจากแม่น้ำป่าสักเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 4 ตำบล อำเภอบ้านหมอ 3 ตำบล 1 เทศบาล อำเภอวิหารแดง 2 ตำบล อำเภอหนองแค 1 ตำบล และอำเภอเสาไห้ 4 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.60 ม. แนวโน้มระดับน้ำสูงขึ้น
การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการอพยพราษฎร จำนวน 40 ครัวเรือน 200 คน พร้อมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค 700 ชุด น้ำดื่ม 5,810 ขวด และยารักษาโรค 505 ชุด
3.3 จังหวัดจันทบุรี น้ำที่ท่วมในเขตเทศบาลเมืองลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 2 ตำบล ตำบลท่าช้าง และในเขตเทศบาลตำบล จันทนิมิต ระดับสูงประมาณ 0.10-0.30 ม. และ อำเภอมะขาม 3 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลมะขาม ตำบลวังแซ้ม ตำบลท่าหลวง และเทศบาลตำบลมะขาม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม. คาดว่าจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติในวันพรุ่งนี้
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัด กปช.จต. (กองเรือภาคที่ 2) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ/องค์กรการกุศล ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
3.4 จังหวัดกำแพงเพชร มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำปิง2 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองขลุง 4 ตำบล อำเภอขาณุวรลักษบุรี 3 ตำบล กิ่งอำเภอบึงสามัคคี 4 ตำบลระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดกำแพงเพชร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม จำนวน 9,500 ชุด กระสอบทราย 13,000 ถุง รถกู้ภัย 3 คัน เรือท้องแบน 9 ลำ และรถบรรทุก 1 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.5 จังหวัดในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน รวม 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ ริมแม่น้ำ และพื้นที่การเกษตรในที่ลุ่มที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้แก่
- จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ 10 ตำบล อำเภอพรหมพิราม 9 ตำบล อำเภอเมือง 3 ตำบล อำเภอวัดโบสถ์ 2 ตำบล
- จังหวัดสุโขทัย จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง 11 ตำบล อำเภอเมือง 6 ตำบล อำเภอกงไกรลาศ 11 ตำบล อำเภอคีรีมาศ 10 ตำบล อำเภอสวรรคโลก 3 ตำบล อำเภอศรีสัชนาลัย 8 ตำบล และอำเภอด่านลานหอย 7 ตำบล ระดับน้ำเฉลี่ยสูงประมาณ 0.50-1.50 ม.
- จังหวัดพิจิตร จำนวน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 11 ตำบล 1 เทศบาลตำบลท่าฬ่อ อำเภอสามง่าม 4 ตำบล อำเภอวชิรบารมี 4 ตำบล อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 7 ตำบล อำเภอโพทะเล 9 ตำบล อำเภอตะพานหิน 10 ตำบล 1 เทศบาล เทศบาลเมืองตะพานหิน อำเภอบึงนาราง 5 ตำบล และ อำเภอบางมูลนาก 9 ตำบล
- จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 16 ตำบล 1 เทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอชุมแสง 11 ตำบล 1 เทศบาลตำบลทับกฤช อำเภอเก้าเลี้ยว 5 ตำบล อำเภอโกรกพระ 8 ตำบล 2 เทศบาลตำบลโกรกพระ เทศบาลตำบลบางประมุง อำเภอพยุหะคีรี 7 ตำบล อำเภอบรรพตพิสัย 13 ตำบล 1 เทศบาลตำบลบรรพตพิสัย และอำเภอท่าตะโก 10 ตำบล
ส่วนการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ นั้น ทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่ฝายบางบ้า อำเภอบางระกำ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ต.ค.49 ระดับน้ำสูง 42.94 ม. (ระดับตลิ่ง 40.50 ม.) ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 2.44 ม.
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 12 ต.ค.49 ที่สถานี Y.33 อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 10.05 ม. (ระดับตลิ่ง 10.00 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.05 ม. ที่สถานี Y.4 อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 6.36 ม. (ระดับตลิ่ง 7.45 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 1.09 ม. และที่ฝายยางบ้านกง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 10.62 ม. (ระดับตลิ่ง 9.00 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 1.62 ม.
3.6 จังหวัดชัยนาท มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลธรรมามูล และตำบลเขาท่าพระ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.70 ม.
2) อำเภอสรรพยา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา 7 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลสรรพยา และ เทศบาลโพนางดำ ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.60 ม.
3) อำเภอหันคา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร ซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน เกือบทุกตำบล โดยเฉพาะตำบลหันคา มีราษฎรเดือดร้อน 200 ครัวเรือน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.20 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบถุงยังชีพ จำนวน 13,000 ชุด กระสอบทราย จำนวน 272,800 ใบ น้ำดื่ม ขนาด 1,000 ลิตร 150 ถัง เต็นท์ 170 หลัง น้ำประปา 984,000 ลิตร เครื่องสูบน้ำ จำนวน 45 เครื่อง เรือท้องแบน 3 ลำ ชุดเวชภัณฑ์ 6,487 ชุด
3.7 จังหวัดอุทัยธานี เกิดฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรังเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.และบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 10 ตำบล ได้แก่ ต.สะแกกรัง ตำบลท่าซุง ตำบลน้ำซึม ตำบลเกาะเทโพ ตำบลเนินแจก ตำบลหนองไผ่แบน ตำบลโนนเหล็ก ตำบลดอนขวาง ตำบลอุทัยใหม่ และตำบลหาดทนง ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.50 ม.
2) อำเภอหนองขาหย่าง น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้วและแม่น้ำสะแกกรัง เอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ตำบลหลุมเข้า ตำบลดงขวาง ตำบลหนองไผ่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.60 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดอุทัยธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบถุงยัง 6,000 ชุด เรือท้องแบน 18 ลำ เต็นท์ 200 หลัง รวมทั้ง นพค.15 สนับสนุนกำลังพล 30 นาย
3.8 จังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นทำให้เอ่อล้นคันกั้นน้ำ ทำให้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภออินทร์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลอินทร์บุรี ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.50 ม.
2) อำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองสิงห์บุรี ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.80 ม.
* พนังกั้นน้ำคลองชลประทานของตำบลบางกระบือแตก จำนวน 3 จุด ความยาวจุดละ 3-4 ม. และ 8-9 ม. และพนังกันน้ำคลองชลประทานของตำบลต้นโพธิ์ (หมู่ที่ 1) แตกจำนวน 1 จุด ความยาว 8-9 ม.แนวเศรษฐกิจในเขตเทศบาลพนังกันน้ำเลียบถนนวิไลจิตรเริ่มมีรอยร้าว และมีน้ำซึมกว่า 20 จุด เริ่มไหลเข้าท่วมชุมชนตลาดเป็นบริเวณกว้าง
3) อำเภอพรหมบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลพรหมบุรี (หมู่ที่ 1,3,4,5) ตำบลบ้านหม้อ (หมู่ที่ 3-4) ตำบลโรงช้าง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลพระงาม (หมู่ที่ 3,6) ตำบลบางน้ำเชี่ยว (หมู่ที่ 2,3,4,6) และตำบลบ้านแป้ง (หมู่ที่ 2,3,4) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.50 ม.
4) อำเภอท่าช้าง น้ำจากแม่น้ำน้อยเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลถอนสมอ (หมูที่3,4) ตำบลพิกุลทอง (หมู่ที่ 1,2) และตำบลวิหารขาว (หมู่ที่ 1,2,3,5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดสิงห์บุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นและได้เสริมแนวกั้นน้ำรอบตัวเมืองในพื้นที่เศรษฐกิจ
- กำลังพลทหารหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ 70 นาย กองพัน 20 รอ. 85 นาย ศูนย์การทหารปืนใหญ่ 130 นาย และศูนย์การบินทหารบก 33 นาย ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.9 จังหวัดอ่างทอง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยมีระดับสูงขึ้น ท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรที่อยู่ริมน้ำซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 10 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองอ่างทอง ตำบลตลาดหลวง ตำบลบ้านชี ตำบลบางแก้ว ตำบลบ้านอิฐ (หมู่ที่ 3,5-10,11) ตำบลจำปาหล่อ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลตลาดกรวด (หมู่ที่ 1-6) ตำบลย่านซื่อ (หมู่ที่ 1-5) ตำบลบ้านแห (หมู่ที่ 4-6) ตำบลโพสะ (หมู่ที่ 1,2,7,8) และตำบลศาลาแดง (หมู่ที่ 4,6) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-2.00
2) อำเภอป่าโมก มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลโผงเผง (หมู่ที่ 1-10) ตำบลบางปลากด (หมู่ที่ 6) ตำบลบางเสด็จ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลโรงช้าง (หมู่ที่ 1-3,6-8) ตำบลสายทอง (หมู่ที่ 3-5,7-8) ตำบลนรสิงห์ (หมู่ที่ 1-7) เทศบาลตำบลป่าโมก (ชุมชนที่ 1-2,8-10) และตำบลเอกราช (หมู่ที่ 4,5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-1.20 ม. สำหรับบริเวณที่ว่าการอำเภอป่าโมก ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 1.00-2.00 ม.
3) อำเภอไชโย มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลจรเข้ร้อง (หมู่ที่ 2,4,7) เทศบาลตำบลเกษไชโย (หมู่ที่ 1-9) ตำบลตรีณรงค์ (หมู่ที่ 1-3) ตำบลชัยฤทธิ์(หมู่ที่ 1-3,6) ตำบลหลักฟ้า (หมู่ที่ 1,2) ตำบลไชยภูมิ (หมู่ที่ 1,2,6,8) ตำบลเทวราช (หมู่ที่ 1-7) และตำบลราชสถิตย์ (หมู่ที่ 1-7) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม. ส่วนตำบลซะไว (หมู่ที่ 1-3) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.50 ม.
4) อำเภอแสวงหา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านพราน (หมู่ที่ 1-10) ตำบลจำลอง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลแสวงหา (หมู่ที่ 1,2,5,6,7,9,12,13,14) ตำบลสีบัวทอง (หมู่ที่ 1-4,7,10) และตำบลห้วยไผ่ (หมู่ที่ 1-4) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
5) อำเภอวิเศษชัยชาญ มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 12 ตำบล ได้แก่ ตำบลม่วงเตี้ย (หมู่ที่ 1-6) ตำบลไผ่จำศีล (หมู่ที่ 1-7) ตำบลศาลเจ้าโรงทอง (หมู่ที่ 1-12) ตำบลท่าช้าง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลสี่ร้อย (หมู่ที่ 1-7) ตำบลบางจัก (หมู่ที่ 1-14) ตำบลคลองขนาก (หมู่ที่ 1-5,9) ตำบลหลักแก้ว (หมู่ที่ 1-3)ตำบลห้วยคันแหลน (หมู่ที่ 6) ตำบลสาวร้องไห้ ตำบลไผ่ดำพัฒนา (หมู่ที่ 1-8) ตำบลยี่ล้น และตำบลไผ่วง (หมู่ที่ 1-7) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-0.90 ม.
6) อำเภอโพธิ์ทอง น้ำจากแม่น้ำน้อยไหลเข้าท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามง่าม (หมู่ที่ 1,2) ตำบลบ่อแร่ (หมู่ที่ 1-3) และตำบลโพธิ์รังนก (หมู่ที่ 1,2) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.90 ม.
7) อำเภอสามโก้ มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรและสิ่งสาธารณประโยชน์ ในพื้นที่ 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามโก้ (หมู่ที่ 4, 9-10) ตำบลราษฎรพัฒนา (หมู่ที่ 1-6) ตำบลมงคลธรรมนิมิต (หมู่ที่ 1,3,5,8) ตำบลลอบทม (หมู่ที่ 1,3,4) และตำบลโพธิ์ม่วงพันธ์ (หมู่ที่ 1,2,7) ระดับสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่งเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 8 ลำ รถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ 1 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว 120 หลัง น้ำดื่ม 120,000 ขวด และถุงยังชีพ 30,000 ชุด
- หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษจังหวัดลพบุรีและมณฑลทหารบกที่ 13 จังหวัดลพบุรี พล ป.(ป.พัน 721) กองบิน 2 ช.พัน 1 รอ.(พล.1 รอ.) จัดส่งกำลังพลพร้อมเครื่องจักรกล ระดมเครื่องมือเรือท้องแบน พร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 863 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง (อ.เมือง 603 นาย อ.ป่าโมก 160 นาย อ.ไชโย 100 นาย)
- โครงการชลประทานอ่างทอง สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 16 เครื่อง ติดตั้งในเขตเทศบาลเมืองอ่างทอง
3.10 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยมีระดับสูงขึ้นเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่มริมฝั่งบางจุดใน 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลภูเขาทอง และตำบลบ้านใหม่ ซึ่งอยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม ระดับน้ำสูง 0.90-1.20 ม.
2) อำเภอบางบาล น้ำในแม่น้ำน้อยได้เอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎรริมน้ำ และพื้นที่การเกษตร 16 ตำบล ได้แก่ ตำบลน้ำเต้า (หมู่ที่ 1-8) ตำบลทางช้าง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลวัดตะกู (หมู่ที่ 1-9) ตำบลกบเจ้า(หมู่ที่ 1-9) ตำบลบางหลวง (หมู่ที่ 1-5) ตำบลไทรน้อย (หมู่ที่ 1-10) ตำบลบ้านกุ่ม (หมู่ที่ 1-9) ตำบลบางบาล (หมู่ที่ 1-9) ตำบลวัดยม (หมู่ที่ 1-4) ตำบลสะพานไทย (หมู่ที่ 1-5) ตำบลพระขาว (หมู่ที่ 1-7) ตำบลบางหัก (หมู่ที่ 1-8) ตำบลบางหลวงโดด (หมู่ที่ 1-4) ตำบลบางชะนี (หมู่ที่ 1-5) ตำบลบ้านคลัง (หมู่ที่ 1-7) และตำบลมหาพราหมณ์ (หมู่ที่ 1-10) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.30 ม.
3) อำเภอบางไทร น้ำในแม่น้ำน้อยได้เอ่อท่วมในพื้นที่บ้านเรือนราษฎรริมน้ำ และพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลกระแชง (หมู่ที่ 1,2,3,5) และตำบลช้างน้อย (หมู่ที่ 1-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.20 ม.
4) อำเภอผักไห่ ระดับน้ำในแม่น้ำน้อยเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลผักไห่ (หมู่ที่ 2,3,4,11,12) ตำบลท่าดินแดง (หมู่ที่ 1-8) ตำบลบ้านใหญ่ (หมู่ที่ 5,6) และ ตำบลกุฎี (หมู่ที่ 12) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.50 ม.
5) อำเภอเสนา น้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรใน 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองเสนา ตำบลรางจระเข้ (หมู่ที่ 5,6,7) ตำบลบ้านกระทุ่ม (หมู่ที่ 1-9) ตำบลสามกอ (หมู่ที่ 1,2) ตำบลหัวเวียง (หมู่ที่ 1-11) ตำบลบ้านโพธิ์ (หมู่ที่ 1-9) ตำบลบ้านแพน (หมู่ที่ 1-9) และตำบลบางนมโค (หมู่ที่ 1-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.00 ม.
6) อำเภอมหาราช ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านนา ตำบลท่าตอ ตำบลบ้านขวาง ตำบลบ้านใหม่ และตำบลหัวไผ่
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน่วยทหาร อำเภอ เทศบาล องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย มอบถุงยังชีพ ยาและเวชภัณฑ์ เรือท้องแบน 30 ลำ รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.11 จังหวัดสุพรรณบุรี มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำท่าจีน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 12 ตำบล อำเภอบางปลาม้า 14 ตำบล และอำเภอสองพี่น้อง 8 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัด กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มอบกระสอบทราย 200,000 ถุง เครื่องสูบน้ำ จำนวน 144 เครื่อง เรือท้องแบน จำนวน 4 ลำ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.12 จังหวัดปทุมธานี แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง มีน้ำท่วมพื้นที่ 8 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านกระแชง ตำบลบ้านกลาง ตำบลบางพูน ตำบลบางขะแยง ตำบลบางคูวัด ตำบลสวนพริกไทย ตำบลบางพูด และตำบลบางกระดี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.40 ม.
2) อำเภอสามโคก มีน้ำท่วมพื้นที่ 10 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบางกระบือ ตำบลกระแซง ตำบลคลองควาย ตำบลท้ายเกาะ ตำบลเชียงรากใหญ่ ตำบล เชียงรากน้อย ตำบลบ้านงิ้ว ตำบลบางโพธิ์เหนือ และตำบลบ้านปทุม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
3) อำเภอคลองหลวง มีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล ได้แก่ ตำบลคลองหนึ่ง ถึง ตำบลคลองเจ็ด ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.70 ม.
4) อำเภอธัญบุรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 1 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองรังสิต บริเวณ หมู่บ้านสร้างบุญ ตลาดสุชาติรังสิต และหมู่บ้านรัตนโกสินทร์สองร้อยปี เทศบาลตำบลธัญบุรี มีน้ำท่วมขังภายในชุมชนคลองขวาง ชุมชนเคหะรังสิตคลอง 6 และชุมชนคลองหก และตำบลบึงยี่โถ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม.
5) อำเภอลำลูกกา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 8 ตำบล 3 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองคูคต เทศบาลตำบลลำลูกกา เทศบาลตำบลลำไทร ตำบลคูคต ตำบลลาดสวาย ตำบลบึงคำพร้อย ตำบลลำลูกกา ตำบลบึงทองหลาง ตำบลลำไทร ตำบลบึงคอไห และตำบลพืชอุดม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม.
6) อำเภอลาดหลุมแก้ว มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลระแหง ตำบลระแหง ตำบลบ่อเงิน ตำบลลาดหลุมแก้ว ตำบลคลองพระอุดม ตำบลหน้าไม้ และตำบลคูขวาง
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดปทุมธานี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี อำเภอ/กิ่งอำเภอ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และหน่วยงานในพื้นที่ได้วางกระสอบทราย ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
3.13 จังหวัดนนทบุรี แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้นประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนจึงทำให้น้ำเอ่อล้นไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มและบ้านเรือนราษฎรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งลำคลองสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมือง อำเภอบางบัวทอง อำเภอไทรน้อย อำเภอบางใหญ่ และ อำเภอบางกรวย
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำกระสอบทรายและทราย ไปมอบให้กับอำเภอต่าง ๆ เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ราษฎรในพื้นที่ที่ประสบภัย 250,000 กระสอบ ทราย 8,000 คิว และถุงยังชีพ 8,000 ชุด รวมทั้งช่วยเหลือด้านยารักษาโรค
3.14 จังหวัดปราจีนบุรี น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรี เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร จำนวน 5 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอกบินทร์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังใน 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลกบินทร์ ตำบลวังตะเคียน ตำบลวังดาล ตำบลหนองกี่ ตำบลนาแขม ตำบลกบินทร์บุรี ตำบลหาดนางแก้ว และตำบลย่านรี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
2) อำเภอศรีมหาโพธิ ยังคงมีน้ำท่วมขัง 9 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลศรีมหาโพธิ ตำบลศรีมหาโพธิ ตำบลหาดยาง ตำบลบ้านทาม ตำบลท่าตูม ตำบลสัมพันธ์ ตำบลบางกุ้ง ตำบลดงกระทงยาง ตำบลหัวหว้า และตำบลหนองโพรง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.20 ม.
3) อำเภอศรีมโหสถ มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลโคกปีบ ตำบลโคกไทย) ตำบลไผ่ชะเลือด และตำบลคู้ลำพัน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
4) อำเภอเมือง เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลบางบริบูรณ์ ตำบลดงท่างาม ตำบลบางเดชะ ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลรอบเมือง ตำบลดงพระราม และเทศบาลตำบลโคกมะกอก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.60 ม. เนื่องจากรับน้ำจากอำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอศรีมหาโพธิ
5) อำเภอประจันตะคาม เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ตำบลประจันตะคาม ตำบลหนองแสง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 17 ลำ เครื่องสูบน้ำ 17 เครื่อง รถแบ็คโฮ 2 คัน รถยนต์บรรทุก 11 คัน รถยก 1 คัน รถกระเช้า 1 คัน ถุงยังชีพ น้ำดื่ม และยาสามัญประจำบ้าน 5,022 ชุด พร้อมกำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.15 กรุงเทพมหานคร ได้เกิดฝนตกต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 10-11 ต.ค.49 และน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ระบายเข้าทุ่งฝั่งตะวันออกมีปริมาณมาก ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ ดังนี้
- เขตลาดกระบัง มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 37 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
- เขตมีนบุรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 13 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.50 ม.
- เขตหนองจอก มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 21 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
- เขตลาดพร้าว มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม.
- เขตลาดคันนายาว มีน้ำท่วมขังในพื้นที่วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม.
- เขตลาดประเวศ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ถนนสุขาภิบาล 2 ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ได้เสริมกระสอบทรายเป็นแนวกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้สามารถกันน้ำได้ที่ระดับ + 2.50 ม.รทก. พร้อมใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
- กรุงเทพมหานคร และกองบัญชาการทหารสูงสุด ได้จัดส่งกำลังพลพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักรกล ดำเนินการขุดลอกคูคลองตามแนวเหนือใต้ของถนนบางนา-ตราด และถนนมอเตอร์เวย์ ประมาณ 20 คลอง เพื่อเปิดทางน้ำไหลให้ระบายน้ำลงอ่าวไทยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
๐เมื่อ 11 ต.ค.49 เวลา 19.30 น. เกิดฝนตกหนักเป็นเหตุให้เกิดน้ำป่าไหลหลากที่ลำห้วยขุนห้วยเดื่อ บ้านห้วยเสือเฒ่า หมู่ทื่ 8 ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้น้ำป่าพัดรถจักรยานยนต์พ่วงสามล้อถูกน้ำพัดพาไป ขณะเดินทางกลับบ้านเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ได้แก่ นายรวย มูลนำชัย อายุ 37 ปี เด็กหญิงฟ้าประทาน มูลนำชัย อายุ 2 ขวบ และสูญหาย 1 คน ได้แก่ นางสาวสมศรี จิตนภาสุริยะกุล อายุ 29 ปี
การให้ความช่วยเหลือ
- ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มอบเงินค่าจัดการศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตแล้ว รวมทั้งเร่งดำเนินการค้นหาผู้สูญหาย
4. สิ่งของพระราชทาน
1) ในวันที่ 11-13 ต.ค.49 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการนำของ รองเลขาธิการ (นายดิสธร วัชโรทัย) และคณะฯ มอบถุงยังชีพพระราชทาน 4,000 ชุด โดยมอบที่จังหวัดอ่างทอง 2,000 ชุด และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2,000 ชุด จังหวัดนครสวรรค์ 2,000 ชุด
2) ในวันนี้ 12 ต.ค.49 สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย นำถุงยังชีพพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 200 ชุด และชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทย ช่วยผู้ประสบภัย จำนวน 750 ชุด มอบให้แก่ ตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง และตำบลบ้านแป้ง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
3) ในวันที่ 13 ต.ค.49 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทยมีพระราชเสาวนีย์ให้สภากาดชาดไทย โดยนายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย และ พลโทนายแพทย์ อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย จัดชุดธารน้ำใจ สภากาชาดไทย ไปมอบให้ผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี จำนวน 1,500 ชุด
4) ในวันที่ 11-12 ต.ค.49 จังหวัดปทุมธานีได้รับมอบถุงยังชีพพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ ศูนย์ชุมชนเด็กเล็ก เทศบาลบางกระดี จำนวน 800 ชุด
5) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชุดของขวัญพระราชทาน จำนวน 500 ชุด ให้จังหวัดพิจิตรเพื่อมอบผู้ประสบภัยในพื้นที่
5. การตรวจสถานการณ์อุทกภัย
- ในวันนี้ (12 ต.ค.49) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอารีย์ วงศ์อารยะ) รองปลัด กระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค เดินทางไปตรวจการการระบายน้ำและฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ ณ เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท และเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์ ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์พร้อมกับมอบสิ่งของช่วยเหลือ จำนวน 1,000 ชุด จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมพร้อมมอบสิ่งของให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยที่อพยพมาอยู่บริเวณ บึงบอระเพ็ด จำนวน 100 ชุด
ในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและแนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัย รวมทั้งได้กล่าวให้กำลังใจแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัย ว่าทุกพื้นที่ทุกครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยจะได้รับการดูแลช่วยเหลือจากทางราชการ โดยจะต้องไม่มีพื้นที่ที่ไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือ
6. การสนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัยของหน่วยงาน
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ระดมกำลังเครื่องจักรกล ยานพาหนะ เครื่องมืออุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯเขตต่าง ๆ เข้าไปช่วยเหลืองและฟื้นฟูบูรณะในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ดังนี้
1.1 ประเภทและจำนวนเครื่องจักรกล
- เครื่องจักรกล ยานพาหนะ และเครื่องมืออุปกรณ์ 91 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 154 ลำ เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว 177 หลัง
1.2 ด้านเจ้าหน้าที่ 560 คน
1.3 แจกจ่ายถุงยังชีพ 63,500 ชุด
1.4 ได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ทั้ง 46 จังหวัด ให้ประสานสถานศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยการอาชีพในพื้นที่ จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ช่วยเหลือซ่อมแซม เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องมืออุปกรณ์การเกษตร รถจักรยานยนต์ รถยนต์ รวมทั้งบ้านที่ได้รับความเสียหาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย
2) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้ประสานงานให้ นขต.ศบภ.ทบ. จัดกำลังพล 2,088 นาย รถบรรทุก 130 คัน และเรือท้องแบน 20 ลำ ดำเนินการให้การช่วยเหลือในพื้นที่ประสบอุทกภัยทุกพื้นที่
3) สื่อมวลชนทุกแขนง (วิทยุ,โทรทัศน์,สื่อสิ่งพิมพ์) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ แก่ประชาชน
7. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 07.00 น วันที่ 11 ต.ค.49 ถึง 07.00 น วันที่ 12 ต.ค.49 วัดได้ดังนี้
จังหวัดสุโขทัย (อ.บ้านด่านลานหอย) 82.1 มม. จังหวัดตาก (อ.พบพระ) 56.7 มม.
จังหวัดแพร่ (อ.ลอง) 50.0 มม. จังหวัดเชียงใหม่ (อ.ฮอด) 40.1 มม.
จังหวัดนครราชสีมา (อ.วังน้ำเขียว) 35.0 มม. จังหวัดนครสวรรค์ (อ.พยุหะคีรี) 70.9 มม.
จังหวัดชัยนาท (อ.หันคา) 45.8 มม. จังหวัดปราจีนบุรี (อ.ศรีมหาโพธิ)40.2 มม.
จังหวัดชุมพร(อ.ท่าแซะ) 55.0 มม. จังหวัดปัตตานี(อ.แม่ลาน) 40.5 มม.
จังหวัดระนอง อ.เมือง) 14.8 มม. กรุงเทพมหานคร(เขตบางรัก) 59.5 มม.
8. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 12 ต.ค. 49)
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,238 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 224 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 98 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง 9,368 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 142 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ปริมาตรน้ำ 567 ล้าน ลบ.ม. (รับน้ำได้อีก 143 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุ มีการระบายน้ำ จำนวน 104.00 ลบ.ม./วินาที และระบายน้ำโดยวิธีกาลักน้ำได้ 3.30 ลบ.ม./วินาที (วางท่อ 10 แถว) รวมระบายน้ำทั้งหมด 107.30 ลบ.ม./วินาที เพื่อพร่องน้ำในอ่างฯไว้รอรับน้ำหลากในช่วงฝนชุก
9. สภาพน้ำเจ้าพระยา
9.1 วันที่ 12 ต.ค.49 มีปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ จำนวน 5,300 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จำนวน 3,244 ลบ.ม./วินาที และมีปริมาณน้ำระบายจากเขื่อนพระรามหก จำนวน 656 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีจำนวน 3,900 ลบ.ม./วินาที ทำให้เกิดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ (กรณีปริมาณน้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที จะทำให้น้ำท่วม อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สองฝั่งเจ้าพระยาของ จ.สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล)
๐ สถิติการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท เมื่อคราวเกิดอุทกภัยเมือปี 2538 และปี 2545
- 5 ต.ค.2538 ระบายน้ำสูงสุด 4,557 ลบ.ม./วินาที
- 10 ต.ค.2545 ระบายน้ำสูงสุด 3,950 ลบ.ม./วินาที
9.2 ในพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างได้มีการระบายน้ำและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายก วันละ 1.22 ล้าน ลบ.ม. ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกง วันละ 6.38 ล้าน ลบ.ม. ระบายและสูบออกทะเล วันละ 23.91 ล้าน ลบ.ม. และในพื้นที่ทุ่งฝั่งตะวันตกมีการระบายน้ำและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนวันละ 12.48 ล้าน ลบ.ม.ระบายน้ำและสูบผ่านคลองมหาชัย 0.31 ล้าน ลบ.ม. ส่วนในแม่น้ำเจ้าพระยามีโครงการคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้มีการเปิด-ปิดบานโดยการระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเปิดบานระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลลง และปิดบานระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลขึ้น โดยวันนี้ (12 ต.ค.49) สามารถระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ลงแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จำนวน 13.15 ชั่วโมง โดยมีปริมาณน้ำผ่านสูงสุด ประมาณ 23.40 ล้าน ลบ.ม.
10. จากการตรวจสอบสภาวะฝนจากสถานีเรดาร์อุตุนิยมวิทยา ในวันนี้ (12 ต.ค.49) เวลา 18.30 น. พบ กลุ่มฝนกำลังอ่อน ปกคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดลำปาง แพร่ ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ ลพบุรี หนองคาย นครพนม มหาสารคาม สมุทรปราการ ชลบุรี จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง และกระบี่
11. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 12 ตุลาคม 2549 เวลา 17.00 น.
ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำในอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนหนาแน่นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ลุ่มบริเวณจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา
และภูเก็ต ระมัดระวังภัยจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีฝนลดลง
12. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1-12 และรวมทั้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่คาดว่าจะเกิดภัยให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับ อำเภอ กิ่งอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
13. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Disasterthailand@yahoo.com หรือ โทรสาร 0-2241-7450-6
กลุ่มงานปฏิบัติการ ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ