กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--กู๊ด เน็ตเวิร์ค
สัมมากร มั่นใจหลังพรีเซลล์ โครงการ “สัมมากรราชพฤกษ์” ยอดขายพุ่งกว่า 80% ในเฟสแรก สนองตอบลูกค้าระดับกลางในพื้นที่โซนถนน ราชพฤกษ์ตัดใหม่ได้ดี เด่นที่คุณภาพโครงการ ไม่หวั่นกำลังซื้อชะลอตัว รวมทั้งภาวะต้นทุนวัสดุก่อสร้างสูง ทิศทางดอกเบี้ยแบงก์ ขาขึ้น เพราะระบบการจัดการดี ต้นทุนแลนด์แบงก์ต่ำ จึงรับมือกับสถานการณ์ได้ แถมศักยภาพโครงการสามารถรองรับตลาดระยะยาวได้ถึง 5 ปี เผยเตรียมพร้อมพัฒนาพื้นที่ด้านหน้า 10 ไร่ เพื่อการพาณิชย์ในเฟสต่อไป รองรับการขยายตัวของเมืองเป็นชุมชนเกิดใหม่
สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “โครงการสัมมากร ราชพฤกษ์” ในปลายเดือนพฤษภาคม 2549 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 79 ไร่ ติดถนนราชพฤกษ์ใหม่ พื้นที่โดยรอบโครงการยังเป็นธรรมชาติเขียวชะอุ่ม โดยแบ่งพื้นที่การพัฒนา ออกเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนแรกประมาณ 69 ไร่ พัฒนาเป็นที่อยู่ ประเภทบ้านเดี่ยวขนาด 50 — 70 ตารางวา โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,142 ล้านบาททั้งหมดประมาณ 300 แปลง ส่วนที่สอง 10 ไร่ ซึ่งอยู่ด้านหน้าติดถนนหน้ากว้าง 200 เมตร คาดว่าจะนำมาจัดเป็นพื้นที่ธุรกิจการค้าที่สร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกบ้านในโครงการสัมมากรราชพฤกษ์ เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาคาร และร้านค้าให้บริการต่างๆ
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงนโยบายการขายของโครงการสัมมากร ราชพฤกษ์ว่า จะแบ่งพื้นที่ขายออกเป็นเฟส โดยเฟสแรกเปิดขายในช่วงพรีเซลล์กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา จำนวนประมาณ 30 หลัง ปัจจุบันขายได้กว่า 80% แล้ว ในเฟสแรกนี้มีบ้านสั่งสร้างและบ้านสร้างก่อนขายอย่างละ 50% สำหรับความต้องการของลูกค้านั้นยังต้องการบ้านสร้างก่อนขายมากกว่าบ้านสั่งสร้างเพียงเล็กน้อย
โดยการขายในขณะนี้ที่เป็นไปตามเป้าหมาย กล่าวคือ สามารถขายบ้านพร้อมที่ดินก่อนเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการได้แล้วจำนวนกว่า 20 หลัง จากการเปิดขายโซนแรกทั้งหมด 30 หลัง เป็นลูกค้ามาจากทางย่านปิ่นเกล้า รัตนาธิเบศร์ และสัมมากรนครอินทร์ บ้านแต่ละหลังกำลังทยอยก่อสร้าง หลังแรกเริ่มทยอยเสร็จตั้งแต่เดือนกรกฏาคมศกนี้ เฉลี่ยบ้านที่จัดสร้างมีทั้งแบบสร้างเสร็จพร้อมขาย และสั่งสร้างตามแบบที่กำหนดไว้ ในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง
“ การวางแผนการขายโครงการ สัมมากร ราชพฤกษ์ กำหนดกลุ่มเป้าหมายเพื่อสนองตอบความต้องการของของลูกค้าที่ต้องการบ้านระดับราคา 3-5 ล้าน ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด และกลุ่มลูกค้าของโครงการสัมมากร นครอินทร์ ซึ่งพบว่า มีกลุ่มที่มีความต้องการบ้านในระดับราคาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามจะต้องคอยติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่า เป็นไปในทิศทางใด โดยบริษัทฯ จะยึดนโยบายที่ให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด มีความระมัดระวังในด้านสต็อกมากขึ้น และวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดในทุกๆ ด้านอย่างใกล้ชิดละเอียดรอบคอบอย่างมาก ” นายกิตติพล กล่าว
ส่วนราคาขายของ “ สัมมากร ราชพฤกษ์” ได้ขยับขึ้นหลังเปิดโครงการฯ อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมศกนี้ ประมาณ 5% จากราคาขายก่อนเปิดตัวโครงการ สำหรับโปรโมชั่นพิเศษในช่วง แกรนด์โอเพนนิ่งนี้ โดยลูกค้าที่จองในช่วงเวลานี้ จะได้รับส่วนลดค่าที่ดินตาราวาละ 3,000 บาท พร้อมแถมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลัง
จุดเด่นของโครงการสัมมากร ราชพฤกษ์ นอกจากทำเลที่ติดถนนราชพฤกษ์แล้ว แบบบ้านก็ได้ออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าทั้ง 4 กลุ่มคือ กลุ่มครอบครัวเริ่มต้น ที่มีความต้องการบ้านขนาดเล็ก ประมาณ 120 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่จอดรถเพียง 1 คัน กลุ่มครอบครัวขนาดเล็ก ที่ต้องการบ้านไม่ใหญ่นัก ประมาณ 140-157 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน กลุ่มครอบครัวขนาดกลาง ประมาณ 160-180 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องทำงาน 2 ที่จอดรถ เป็นกลุ่มที่อาจมีญาติผู้ใหญ่มาอาศัยอยู่ด้วยจึงต้องการห้องชั้นล่างอีก 1 ห้อง ซึ่งอาจจะเป็นห้องทำงานหรือดัดแปลงเป็นห้องนอนก็ได้ และห้องน้ำชั้นล่างออกแบบมาให้มีที่นั่งอาบน้ำได้ เพื่อความสะดวกของผู้สูงอายุ และกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มครอบครัวใหญ่ ประมาณ 215 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องทำงาน 1 ห้องพักผ่อนสำหรับครอบครัว 2 ที่จอดรถ ในการออกแบบบ้านของสัมมากรนั้นให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการอยู่อาศัยของลูกค้ามาก ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัวคนไทย รวมถึงบรรยากาศความเป็นอยู่ บ้านต้องออกแบบให้อยู่อาศัยสบายมีแสงส่องสว่างอย่างเพียงพอ และสามารถระบายอากาศที่ดี
สำหรับโครงการใหม่ “สัมมากร ราชพฤกษ์” นี้ วิเคราะห์แล้วว่า สามารถรองรับตลาดได้อีก 5 ปีข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งทั้งรายใหญ่และรายใหม่เกิดขึ้น ทำให้ภาวการณ์แข่งขันในย่านถนน ราชพฤกษ์ตัดใหม่เข็มข้นขึ้นก็ตาม ซึ่งถือเป็นย่านทำเลใหม่ด้านอสังหาฯ ที่ต่อเนื่องและเชื่อมโยงมาจาก ย่านปิ่นเกล้า รัตนาธิเบศก์ ราชพฤกษ์เก่า และฝั่งกรุงเทพฯ ย่านนนทบุรี ปากเกร็ด อีกทั้งขณะนี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่และท้องถิ่นรายเล็กเริ่มทยอยขึ้นโครงการใหม่หลายแห่ง และเมื่อย่านทำเลนี้เติบโตขึ้น ทางโครงการฯ ได้เตรียมพื้นที่ 10 ไร่ขึ้นมาไว้รองรับการเติบโตของชุมชนนี้ ที่พร้อมจะพัฒนาขึ้นมาได้ทัน
นายกิตติพล กล่าวเพิ่มถึงนโยบายการขาย “ สัมมากร ราชพฤกษ์ ” ด้วยว่า จะแบ่งพื้นที่ขายในแต่ละโซนและทยอยเปิดขาย เพื่อป้องกันและไม่ให้เกิดความเสี่ยงมากเกินไป ในสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจทั่วไปในขณะนี้และต่อไปข้างหน้า เพื่อทำให้การดูแล ควบคุม การจัดการ ด้านต่างๆ ทุกด้าน รวมถึงการก่อสร้างหน้างานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ เน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ราคาตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท ในเขต กทม.และปริมณฑล
“ หากว่าแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดีขึ้น ทั้ง 7 โครงการที่มีอยู่ก็ยังทำให้บริษัทเติบโตต่อเนื่องไปได้อย่างมีเสถียรภาพ เพราะในแต่ละโครงการยังมีพื้นที่เฟสใหม่ที่จะทยอยออกขายได้ไปเรื่อยๆ และก็ยังมีแลนด์แบงก์ที่อยู่ในมืออีกประมาณ 700 ไร่ที่จะสามารถนำออกมาพัฒนาได้อีก เมื่อสถานการณ์ต่างๆเหมาะสมและเอื้ออำนวย ส่วนโครงการใหม่ในปี 2550 ในขณะนี้ยังไม่มีแผนดำเนินการ เนื่องจากเพิ่งเปิดโครงการใหม่ และยังรอดูสถานการณ์โดยรวมอีกด้วย” นายกิตติพล กล่าวเสริม
ปัจจุบันโครงการสัมมากรมีทั้งหมด 8 โครงการ ได้แก่ สัมมากรบางกะปิ สัมมากรมีนบุรี1 สัมมากรมีนบุรี 2 สัมมากรนิมิตใหม่ สัมมากรรังสิตคลอง 3 สัมมากรรังสิตคลอง 7 สัมมากร นครอินทร์ และล่าสุด สัมมากรราชพฤกษ์ ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายบ้านและที่ดินประมาณ 680 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายการเติบโตในปี 2549 ตั้งไว้ 10-15 % ซึ่งใกล้เคียงกับการเติบโตเมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา
ด้านสถานการณ์การแข่งขัน นายกิตติพล กล่าวว่า ทำเลรอบๆ สัมมากรราชพฤกษ์ปัจจุบันยังถือว่ามีผู้ประกอบการรายอื่นไม่มากนัก และทำเลนี้ยังเป็นทำเลใหม่ ยังมีความต้องการอยู่ การมีผู้ประกอบการรายอื่นก็เหมือนมีคนมาช่วยสร้างตลาด สร้างความเจริญ ทำให้ทำเลมีศักยภาพมากขึ้น และราคาก็มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย ส่วนทำเลอื่นๆ การแข่งขันค่อนข้างสูงแม้ว่า โดยรวมจำนวนโครงการที่เปิดใหม่ในไตรมาส 1 ปี 2549 นี้จะลดลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2548 และกำลังซื้อก็ลดลงด้วยเนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
“แม้ว่าปัจจัยต่างๆและสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมขณะนี้ จึงทำให้บริษัทฯ มีความระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจสูง ยึดนโยบายหลักการบริหารงานที่ดำเนินการมาโดยตลอด กล่าวคือ เน้นคุณภาพเป็นปัจจัยหลัก ในอัตราต้นทุนที่ไม่สูงเกินไป ซึ่งด้วยต้นทุนเดิมของบริษัทถือเป็นต้นทุนถูก มีเงินปันผลที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ถ้าจำเป็นต้องใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินจะมีสัดส่วนไม่เกิน 5% ของต้นทุนโครงการ ขณะที่ปัจจุบันต้นทุนด้านเงินกู้ใช้น้อยเพียงแค่ 3% นอกจากนั้นในด้านการบริหารงานปี 2549 นี้ บริษัทฯ จะเน้นที่การบริการจัดการให้ดี บริการดี รวดเร็วขึ้น”
โครงการ สัมมากร ราชพฤกษ์ นี้ มีมูลค่าโครงการกว่า 1,142 ล้านบาท ราคาขายตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท สนใจสอบถามข้อมูลโครงการฯ เพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายขาย โครงการสัมมากร ราชพฤกษ์ โทร 0-2924-3668
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : คุณภาวินี โทร.0-9770-2659
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net