กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
อารมณ์ขันบันลือโลก
ก่อนการมาถึงของ หลวงพี่เท่ง, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม หรือ แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า, ภาพยนตร์ตลกของไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานของตัวมันเอง
ความเป็นมาของการแสดงตลกในประเทศไทยอาจย้อนไปไกลถึงการสวดคฤหัสถ์ในงานศพ ,การเล่นจำอวด และตัวตลกตามพระในการแสดงลิเก อารมณ์ขันทางภาษาและกิริยาท่าทางเรียกเสียงหัวเราะได้จากผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชั้น เป็นมหรสพราคาถูกที่ผ่อนคลายความเครียดหลังจากตรากตรำทำงานมาตลอดทั้งวัน
ดอกดิน กัญญามาลย์ มือเขียนบทและผู้กำกับเจ้าของรางวัลนราธิป จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย และปรมาจารย์ภาพยนตร์ตลกไทย เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า “คนไทยไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบาก เพราะคนไทยหัวเราะเก่ง และทำชีวิตให้สนุกสนานตลอดเวลา”
นั่นคงเป็นข้อพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่า เหตุใดภาพยนตร์ตลก จึงเป็นตระกูลภาพยนตร์ที่มักจะได้การตอบรับที่ดีจากผู้ชมเสมอมา
โครงการวีคแห่งสยาม ขอนำเสนอบางส่วนเสี้ยวสำคัญของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ตลกไทย เพื่อเป็นบทบันทึกอารมณ์ขันแห่งยุคสมัย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมอย่างล้นหลาม
ไอ้แปดนิ้ว (ดอกดิน กัญญามาลย์, พ.ศ.2521)
ดอกดิน กัญญามาลย์ทำ ไอ้แปดนิ้ว เป็นหนังแอ๊คชั่นเรียกเสียงหัวเราะ โดยมีน้ำเสียงล้อเลียนหนังบู๊จากต่างประเทศที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมในยุคนั้น
จ่าเบ๊ (สรพงษ์ ชาตรี) เป็นตำรวจหน่วยสืบราชการลับของไทย ที่เอาแต่สร้างเรื่องวุ่นวายให้กับคนรอบข้างไม่หยุดหย่อน อาวุธประจำตัวของเขา คือปืนแม็กนั่ม .357 ลำกล้องยาว 8 นิ้ว และไม่ย่อถอยต่อโจรผู้ร้ายทุกประเภท ระหว่างเดินทางไปสืบราชการลับที่นครราชสีมา จ่าเบ๊ได้ไปพบรักกับอบเชย (มยุรา ธนะบุตร) สาวปากดีและแสนจะขี้งอน จนเกิดเรื่องราวโอละพ่อตามมา
ไม่มีคำว่าผิดหวัง สำหรับแฟนหนังของดอกดิน หนังเรื่องนี้มีครบทุกรส ฉากบู๊แปลกตา ฉากรักกินใจ และฉากตลกสุดฮา พร้อมเรื่องราวอลหม่านพัลวันที่จะคลี่คลายได้อย่างเหลือเชื่อ
สืบยัดไส้ (กลุ่มซูโม่, พ.ศ.2521)
หน่วยสืบราชการลับ ได้ถูกคนร้ายช่วงชิงของสำคัญของทางราชการไป ผู้ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการตามหาสิ่งสำคัญของหน่วยสืบราชการลับมีฉายาว่า “เปรต” คู่หูของเปรตคือ โย ที่คอยเป็นมือปืนคุ้มครองเปรตจากอันตราย และยังมีผีเสื้อคอยรายงานข่าวให้ทราบเป็นระยะๆ เมื่อเปรตและโยเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ทั้งคู้รู้สึกว่าไม่ใช่คดีขโมยของธรรมดาเสียแล้ว หลายครั้งที่เปรตและโย เกือบถูกฆ่าแทบเอาชีวิตไม่รอด เปรตจึงค้นหาความจริงด้วยวิธีของตัวเอง เพื่อที่จะรักษาชีวิตของตนเองและโยไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สืบยัดไส้ สมัยนั้นสื่อจะเรียกว่า "หนังตลกหอคอยงาช้าง" คือ ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า หนังต้องการจะเสียดสีอะไรกันแน่ ระหว่างการเมือง สังคม หรือวงการหนัง จนเจ้าของหนังโฆษณาว่า "มัน สนุก เพราะดูไม่รู้เรื่อง" หรือ "ใครไวกว่าหัวเราะมากกว่า"
เป็นหนังที่ดีที่มาเร็วกว่ายุคสมัย แต่ความจริง ถ้าสร้างสมัยนี้ก็อาจไม่ได้เงินเหมือนเดิม ทั้งที่พล็อตนั้นเข้าใจง่ายและน่าติดตามพอสมควร นักแสดงในเรื่องก็เน้นไปทางกลุ่ม ซูโม่สำอาง ที่ต่อมาโด่งดังมากจาก “รายการเพชฌฆาตความเครียด”
รักทะเล้น (สุรพล วิรุฬห์รักษ์, พ.ศ.2521)
จากบทประพันธ์ชื่อดังของ ศุภักษร ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้อ่านวัยรุ่นในยุคนั้น กลายมาเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนชีวิตของ “ปัญญาชน” ที่ใช้ชีวิตอยู่ระหว่างความเปลี่ยนแปลงของสังคมหลังยุคแห่งการเรียกร้องประชาธิปไตยได้จบสิ้นลง
แท่น กบ แอ๊ว ซ้ง จืด และเล็ก เป็นหนุ่มสาวที่มาจากต่างคณะ จากต่างรั้วมหาวิทยาลัย แต่ได้มาทำความรู้จักกันเพราะการจัดทริปของชมรมถ่ายภาพระหว่างสถาบัน ก่อให้เกิดเรื่องราวสนุกสนาน ครื้นเครง และแสดงให้เห็นมุมมองแบบอุดมคติของวัยเยาว์
นอกจากเป็นหนังที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น รักทะเล้นยังเป็นการแผ้งถางหนังรัก-ตลกสำหรับวัยรุ่นที่เคลื่อนตัวตามมาอีกเป็นขบวนในช่วงทศวรรษนั้น
ปริญญาครึ่งใบ (ศุภักษร, พ.ศ.2522)
ในสังคมที่ขาดความพอดีนั้น คนรุ่นใหม่ที่มักจะถือในสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้มาและเชื่อว่าด้วยความรู้ระดับปริญญานั้นสามารถจะช่วยให้ดำรงชีวิตอยู่รอดในสังคมได้ ในขณะที่คนรุ่นเก่านั้นได้ผ่านชีวิตมา มองเห็นด้วยประสบการณ์ที่มากกว่า แต่ก็ไม่พยายามที่จะทำให้คนรุ่นใหม่เข้าใจ ความไม่เข้าใจกันของคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าจึงมีอยู่เรื่อย ๆ และนี่เองเป็นแรงบันดาลใจของเรื่อง “ปริญญาครึ่งใบ”
เล็ก กบ ซ้ง แอ๊ว กอล์ฟ เป็นบัณฑิตที่จบใหม่ ๆ หลังจากที่จบการศึกษาตามแต่ละสถาบันแล้วก็ออกหางานทำแข่งกับบัณฑิตอักหลายพันคน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องพบกับความไม่พอดีของสังคมที่ขาด ๆ เกิน ๆ งานมีน้อยแต่คนทำมีมาก และแต่ละคนต่างก็เชื่อในปริญญาที่ตนอุตสาหะร่ำเรียนมา ความขัดแย้งจึงมีให้เราเห็นอยู่ทุกวัน
“ปริญญาครึ่งใบ” เป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นว่าการจะมีชีวิตอยู่ในสังคมได้นั้น เพียงแค่ปริญญาอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยปัจจัยอีกหลายอย่างเข้ามาช่วย ความรู้ หรือวิชาที่เรียนมานั้นนำออกมาใช้ได้เพียงครึ่งเดียวในมหาวิทยาลัยชีวิตและนี่คือความหมายของคำว่า “ปริญญาครึ่งใบ”
หมอซ้ง (ศุภักษร, พ.ศ.2522)
หมอซ้ง แพทย์มือหนึ่งแห่งโรงพยาบาล "สู่สุขคติ" คนไข้ที่ผ่านมือหมอซ้ง ไม่มีรายไหนที่ไม่หาย ด้วยความยียวน กวนประสาท และความเป็นกันเอง ทำให้หมอซ้งเป็นที่รักใคร่ของคนไข้ รวมทั้งพยาบาล แต่มาวันหนึ่งโรงพยาบาลคู่แข่งหาหลักฐานเรื่องใบประกอบวิชาแพทย์ปลอมของหมอซ้งได้ และนำเรื่องนี้แจ้งความเพื่อจับหมอซ้ง ในขณะที่หมอซ้งกำลังพยายามยื้อชีวิตเด็กที่โดนรถชนอาการสาหัส
ผลงานลำดับที่ 2 ของศุภักษร ที่นำเอาคาแรคเตอร์ของ ซ้ง (ทรงวิทย์ จิรโศภิณ) ซึ่งเป็นที่รักของผู้ชมจาก รักทะเล้น และ ปริญญาครึ่งใบ มาสานต่อ กลายเป็นหนังตลก ใสบริสุทธิ์ ที่ยังคงเรียกเสียงหัวเราได้เป็นอย่างดี
อีก 10 วันโลกจะแตก (ชวนะ ภวกานนท์, พ.ศ.2530)
ผลงานภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียวของ ผศ.ชวนะ ภากานนท์ นักโฆษณาหนังชื่อดังของวงการ และ “อีก 10 วันโลกจะแตก” ก็สะท้อนบุคลิกและอารมณ์ขันอันเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวของเขาออกมาได้อย่างชัดเจนตรงไปตรงมา จนคนดูหลายคนต้องรู้สึก “เหวอ”!
เรื่องราวในหนังก็เป็นอย่างที่ชื่อเรื่องบอกไว้ เมื่อนักดาราศาสตร์เห็นวิถีโคจรของดาวหางมาดอนน่า(?)พุ่งตรงมายังโลกมนุษย์ และโลกจะต้องแหลกเป็นจุณภายใน 10 วัน เขาประกาศให้คนทั้งประเทศได้รู้ และหลังจากนั้นตัวละครทุกตัวก็พยายามทำให้ 10 วันที่เหลือ เป็นวันที่ไร้สติและยิ่งอลหม่าน แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากคำทำนายนั้นดันผิดพลาด ผ่านไป 10 วันยังไร้วี่แววของความหายนะ ?
แม้จะดูเป็นหนังตลกที่หลุดโลกและเพี้ยน แต่ “อีก 10 วันโลกจะแตก” กลับมีแง่มุมสะท้อนความนึกคิดของมนุษย์ได้อย่างน่าสนใจ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
0-2641-5177-8
www.houserama.com