กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--เอ.พี.ฮอนด้า
ตลาดรถจักรยานยนต์เดือน พ.ค. ส่งสัญญาณคึกคัก แม้ดัชนีต่างๆ ที่ชี้วัดสภาพเศรษฐกิจจะยังไม่บ่งทิศทางชัดเจนนักก็ตาม โดยยอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นมีจำนวนกว่า 1.35 แสนคัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าแล้ว มีอัตราการหดตัวลดลงน้อยที่สุดในปีนี้ คือเพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากการมุ่งให้ความสำคัญกับประเด็นเศรษฐกิจของทางภาครัฐ ได้ก่อให้เกิดกระแสความตื่นตัวและเพิ่มความเชื่อมั่นในการบริโภค นอกจากนั้นจากปัจจัยความนิยมรถแบบเครื่องยนต์หัวฉีดที่พุ่งแรง ซึ่งล่าสุดนี้มีอัตราเติบโตสูงขึ้นถึงกว่าเท่าตัว ยังส่งผลผลักดันให้ค่ายผู้นำตลาดคือฮอนด้า ที่รุกกลยุทธ์รถหัวฉีดอย่างต่อเนื่องนั้น ครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นจากตั้งแต่ต้นปีมาโดยตลอด ทั้งส่วนแบ่งในตลาดรวมและส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มรถแบบ เอ.ที. หรือเกียร์อัตโนมัติ
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาว่า สภาพตลาดเริ่มมีความคึกคักเพิ่มมากขึ้น โดยปริมาณยอดจดทะเบียนป้ายวงกลมของรถจักรยานยนต์โดยรวมทั้งสิ้น มีจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา แม้ว่าดัชนีต่างๆ ที่ชี้วัดสภาพเศรษฐกิจ จะยังไม่ส่งสัญญาณและบ่งทิศทางที่ชัดเจนมากนักก็ตาม แต่ทั้งนี้จากการมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับประเด็นด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมากของทางภาครัฐบาลนั้น ได้ก่อให้เกิดกระแสความตื่นตัว รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในการบริโภค ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมายังตลาด
สำหรับปริมาณยอดจดทะเบียนในเดือน พ.ค. มีทั้งสิ้น 135,369 คัน ซึ่งไม่เพียงเป็นจำนวนสูงที่สุดในปีนี้เท่านั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าแล้ว ปรากฎว่ามีอัตราการหดตัวของตลาดเพียง 10% อันนับเป็นการหดตัวลดลงน้อยที่สุดภายในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้นับตั้งแต่เดือน ม.ค. — เม.ย. เป็นต้นมา อัตราการหดตัวของตลาดมีมากถึง 23% , 15% , 12% และ 19% ตามลำดับ
นอกจากนั้นในด้านรายละเอียดของยอดการจดทะเบียน พบว่ารถจักรยานยนต์แบบเครื่องยนต์ระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงกระแสความนิยมและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจหันเปลี่ยนมาใช้รถที่ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่แบบเครื่องยนต์หัวฉีด ทั้งนี้เนื่องด้วยคุณสมบัติโดดเด่นในด้านความประหยัด ด้านสมรรถนะ และความทนทานในการใช้งาน โดยล่าสุดนี้รถแบบเครื่องยนต์หัวฉีดมีสัดส่วนจากตลาดโดยรวมสูงขึ้นเป็น 45% อันนับเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัวจากเมื่อเดือน ม.ค. ของปีนี้ที่มีสัดส่วน 22%
จากกระแสความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นของรถแบบเครื่องยนต์หัวฉีด เป็นผลให้ค่ายผู้นำตลาดคือฮอนด้า ซึ่งเป็นค่ายผู้บุกเบิกการขับขี่เข้าสู่ยุคเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) นั้น มีอัตราครองตลาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี โดยเมื่อเดือน ม.ค. มีอัตราครองตลาด 64% และล่าสุดเดือน พ.ค. มีอัตราครองตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 68% ในขณะที่ค่ายผู้ผลิตรายอื่นๆ มีอัตราครองตลาดลดลงมาโดยตลอด
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดของกลุ่มรถแบบ เอ.ที. (Automatic Transmission) หรือแบบเกียร์อัตโนมัติ อันเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งทางฮอนด้าได้เร่งกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการขายรถในกลุ่มนี้แบบเครื่องยนต์หัวฉีด พร้อมทั้งมุ่งเน้นไปยังรถยอดนิยมรุ่น คลิก-ไอ (Click-i) ส่งผลให้ฮอนด้ามีส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มรถแบบ เอ.ที. เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จากเดือน ม.ค. ที่มีส่วนแบ่งตลาด 38% เพิ่มขึ้นเป็น 44% เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ในขณะค่ายผู้ผลิตอื่นๆ มีสัดส่วนลดน้อยลงเรื่อยมา และที่สำคัญรถฮอนด้าหัวฉีดแบบ เอ.ที. รุ่น คลิก-ไอ ยังเป็นรถยอดนิยมที่มีปริมาณจดทะเบียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สูงที่สุดต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นมา
ในส่วนของยอดจดทะเบียนโดยรวมประจำเดือน พ.ค. นั้น ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 66,314 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% , รถแบบ เอ.ที. 63,659 คัน สัดส่วนตลาด 47% , รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 3,325 คัน สัดส่วนตลาด 2 % , รถแบบสปอร์ต 951 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 1,120 คัน
สำหรับยอดจดทะเบียนสะสมในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ คือ เดือน ม.ค. — พ.ค. นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 591,751 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดือนกันของปีก่อนหน้าแล้ว มีอัตราการเติบโตลดลง 17%