กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--บีโอไอ
นิปปอน สตีล ได้ยื่นแผนต้นแบบในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน สำหรับโครงการเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในไทยให้กับบีโอไอแล้ว โดยจะยึดแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่ใช้กับโรงเหล็กในเมืองโออิตะ
รายงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ แจ้งว่า บริษัท นิปปอน สตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่น หนึ่งในบริษัทที่แสดงความต้องการจะเข้ามาลงทุนผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในประเทศไทย ได้ยื่นแผนการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนให้กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอไปแล้ว โดยมีบริษัท เจ เอฟ อี สตีล จากญี่ปุ่น บริษัท บาว สตีล จากประเทศจีน และบริษัท อาร์ซิลอมิตัล จากเนเธอร์แลนด์ แสดงความสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยเช่นกัน
โดยบริษัทนิปปอน สตีลได้นำแผนบริหารจัดการของโครงการผลิตเหล็กคุณภาพสูงในเมืองโออิตะ มาเป็นแผนต้นแบบการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนในประเทศไทย ซึ่งโรงงานผลิตเหล็กของนิปปอน สตีล ในเมืองโออิตะ ถือเป็นโรงงานที่มีระบบการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยมากที่สุดในญี่ปุ่น และได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 และมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างยั่งยืนด้วย
ปัจจุบัน ประเทศไทยอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม และที่ตั้งของโครงการผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูง เพื่อให้โครงการสามารถพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหากประเทศไทยสามารถเลือกที่ตั้งโครงการได้ นิปปอน สตีล ก็พร้อมที่จะนำแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนในโออิตะมาใช้กับโครงการเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในไทยด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ จากการที่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบีโอไอ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมกิจการผลิตเหล็กของนิปปอน สตีล ที่เมืองโออิตะ พบว่า นิปปอน สตีล ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และมีระบบการสื่อสารที่ดีเยี่ยม โดยเปิดโอกาสให้สังคมสามารถตรวจสอบการดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมง
นิปปอน สตีล มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนและถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจ เช่น การสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อน การรีไซเคิลเหล็กและของเสียจากการผลิต การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงาน และการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนการดำเนินธุรกิจของนิปปอน สตีล ก็สามารถบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้ผสมกลมกลืนกับสังคม อาทิ โครงการปลูกป่าเพื่อรักษาวิถีชีวิตทางธรรมชาติของพื้นที่รอบๆ โครงการ และการนำผลพลอยได้จากการผลิตเหล็กมาช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ทางทะเล ซึ่งจากผลงานดังกล่าว ทำให้นิปปอน สตีล ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ โครงการผลิตเหล็กของนิปปอน สตีล ในเมืองโออิตะ ยังสามารถช่วยพัฒนาด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ตั้งโครงการ ได้แก่ ช่วยให้คนในพื้นที่มีงานทำเพิ่มมากขึ้น จากร้อยละ 16 ในปี 2515 มาเป็นร้อยละ 80 ในปี 2550 และช่วยให้เกิดการทำธุรกิจกับบริษัทในท้องถิ่นจำนวนมาก