วอนรัฐบาลเร่งเดินหน้าโครงการ Thailand Elite Card

ข่าวทั่วไป Friday December 22, 2006 17:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--DEK
กลุ่มตัวแทนการตลาด และ การจำหน่ายบัตรสมาชิก Thailand Elite Card ระดับภูมิภาคทั่วโลก วอนรัฐบาลชุดปัจจุบัน เร่งให้ความชัดเจนโครงการฯ เชื่อมั่นเป็นโครงการที่ดีที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศหลายหมื่นล้านซึ่ง ควรจะสานต่อ และน่าเสียดายหากรัฐบาลชุดปัจจุบันยกเลิก
นางสุนทรี จันทร์ประสิทธิ์ ประธานบริษัท แอคทีฟ จำกัด บริษัทซึ่งได้รับการคัดเลือก และแต่งตั้งจากรัฐบาล โดย บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด จำกัด ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายในประเทศ และเป็นผู้จัดหาผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศ รวมทั้งเครือข่ายต่างๆ เพื่อที่จะสนับสนุนและชักชวนให้ชาวต่างประเทศสมัครเป็นสมาชิกบัตรไทยแลนด์อิลิทคาร์ด พูดถึงถึงวัตถุประสงค์ของการจัดแถลงข่าวในครั้งนี้ว่ากลุ่มตัวแทนการตลาด และ การจำหน่ายบัตรสมาชิก Thailand Elite Card ระดับภูมิภาคทั่วโลก รู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และวิตกว่าจะลุกลามบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศหากยังไม่มีความชัดเจนออกมาจากรัฐบาล
ทั้งนี้นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โครงการ Thailand Elite Card ก็เป็นหนึ่งในโครงการที่รัฐบาล ชุดปัจจุบันนำกลับมาทบทวน และกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปหรือไม่อย่างไร สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อโครงการเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางอ้อม หรือทางตรง ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถที่จะชี้แจงให้ผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศ และเครือข่ายได้รับทราบนโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนของรัฐบาลไทย
ประการสำคัญก็คือสมาชิกที่เป็นนักธุรกิจรายใหญ่และนักลงทุนที่เข้ามาดำเนินการแล้วในประเทศไทย ต่างชะลอโครงการต่าง ๆ ที่จะดำเนินการโดยเฉพาะโครงการที่ได้เริ่มทำไปแล้วและกำลังจะเริ่มดำเนินการ ทำให้ ไม่สามารถกำหนดทิศทางในการดำเนินการต่อไปได้
“ตั้งแต่มีการเปลี่ยนรัฐบาล และมีกระแสข่าวว่าจะยกเลิกโครงการ ปรากฏว่า 4 เดือนที่ผ่านมาประเทศไทยสูญเสียรายได้เข้าประเทศ 121 ล้านบาท เพราะไม่สามารถเก็บเงินสมาชิกบางส่วนได้จากความไม่ชัดเจนของกระแสข่าวดังกล่าว ขณะที่สมาชิกนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งได้เข้าดำเนินการลงทุนในประเทศไทยไปแล้วนั้น บางโครงการ ใช้เงินเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ 5-200 ล้านบาท และบางโครงการในระยะยาวต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ตอนนี้หยุดชะงักกันหมดเพราะไม่มั่นใจต่อความชัดเจนของรัฐบาล เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่ากระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศอย่างมากเพราะสมาชิกนักลงทุนเหล่านี้จะเป็นผู้พานักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเราด้วย ทั้งที่หากดำเนินการต่อเนื่องตามแผนงาน ในอีก 5-8 ปีข้างหน้าโครงการนี้จะสร้างรายได้เข้าประเทศถึง 14,840 ล้านบาททีเดียว” นางสุนทรี กล่าวก่อนเสริมว่า
คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง หากโครงการดังกล่าวซึ่งเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติจะต้องถูกยกเลิกไป หรือไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ สิ่งเหล่านี้ย่อมจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเชิงลบของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แทนจำหน่ายในประเทศ และต่างประเทศที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลจะสูญเสีย ความเชื่อมั่นในหมู่สมาชิก Thailand Elite Card และหุ้นส่วนทางธุรกิจของสมาชิกที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว ประการที่สำคัญก็คือ การฟ้องร้องของสมาชิกที่จะมีต่อ บริษัท ไทยแลนด์พริวิเลจการ์ด จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทยย่อมจะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผลที่ตามมาจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ความเชื่อมั่น และเครดิตทางการค้าของรัฐบาลไทยมากน้อยเพียงไร รวมทั้งความเชื่อมั่นต่าง ๆ ของผู้แทนจำหน่ายในประเทศที่ร่วมกันก่อสร้างมานับแต่เริ่มโครงการก็ย่อมจะเกิดผลกระทบในเชิงลบตามมา สิ่งเหล่านี้ย่อมจะสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม มีฐานะร่ำรวย และเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ อาทิ ผู้บริหารระดับสูงบริษัทรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ชั้นนำ เช่น โตโยต้า , ฮอนด้า , มิตซูบิชิ , แดวู , ยามาฮ่า รวมถึงผู้บริหารระดับสูงบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ อาทิ ฮิตาชิ , แอลจี , มิตซูบิชิอิเล็กทริกส์ ฯลฯ และนักการทูตระดับสูงในประเทศต่างๆ ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจ และพักผ่อนในประเทศไทย แทบทั้งสิ้น
“อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวแทนการตลาด และการจำหน่ายบัตรสมาชิก เราก็ยังมีความเชื่อมั่น และมั่นใจว่า โครงการ Thailand Elite Card จะได้รับการพิจารณาทบทวนจากรัฐบาลชุดปัจจุบันอย่างรอบคอบ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และความรับผิดชอบที่มีต่อรัฐบาล และสมาชิก Thailand Elite Card จะได้รับการคลี่คลายไปในทางที่ดี เพื่อที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลให้ยั่งยืน โดยเฉพาะการลงทุนในประเทศจะเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนจากต่างประเทศเช่นเดียวกัน และไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะยกเลิกโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และควรเร่งให้โครงการฯ นี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันหลังจากการ ปรับโครงสร้างภายในของบริษัท ไทยแลนด์ พรีวิเลจการ์ด ที่มีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ประกอบด้วย นางไพฑูรย์ พงษ์เกษร รองอธิบดีกรมสรรพากร ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร, นายทนงศักดิ์ หุตานุวัตร กรรมการบริหาร และนายระพี ม่วงนนท์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ นั้นได้กำหนดนโยบายการตลาด ที่ชัดเจน พร้อมให้ตรวจสอบ สามารถวัดผล และประเมินผลได้ว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ และสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศชาติอย่างแท้จริง และที่สำคัญช่วยแก้ไขปัญหาให้กับตัวแทนจำหน่าย และสมาชิกได้เป็นอย่างดี” นางสุนทรี กล่าวในที่สุด
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีกลุ่มตัวแทนการตลาด และการจำหน่ายบัตรสมาชิกไทยแลนด์อีลิทคาร์ด จำนวน 18 แห่ง จาก 4 ภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งตามแผนงานที่วางไว้หากโครงการดำเนินงานต่อเนื่อง ภายใน 2 ปีข้างหน้า จะมีตัวแทนจำหน่ายบัตรเพิ่มขึ้นอีก 31 แห่ง รวมเป็น 49 แห่ง ใน 25 ประเทศทั่วโลก
ส่วนยอดขายสมาชิกที่ บริษัท แอคทีฟ จำกัด จำหน่ายบัตรตั้งแต่เริ่มโครงการปี 2547 มีสมาชิกบัตรจำนวน 224 ราย ปี 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 430 ราย และปัจจุบันเพิ่มขึ้นสูงถึง 650 ราย ซึ่งเท่ากับยอดขาย 2 ปี รวมกัน โดยปัจจุบันมียอดสมาชิกทั้งสิ้น 1,333 ราย จาก 42 ประเทศทั่วโลก ก่อให้เกิดรายได้การท่องเที่ยว และ การลงทุนแล้ว 1,750 ล้านบาท และคาดว่าอีก 3 ปี ข้างหน้าจะมีสมาชิกเพิ่ม 3,000 ราย นอกจากรายได้ ที่ได้มาจากการจำหน่ายบัตรสมาชิกยังคาดว่าประเทศไทยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในโครงการต่างๆ ภายใน 5-8 ปี ถึง 14,405 ล้านบาท ไม่นับรวมโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาอีกในอนาคต
นางนีน่า เตชะสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีลิท อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย) กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ เพิ่งดำเนินงาน เมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่ผ่านมา ได้จัดตั้งออฟฟิศตัวแทนจำหน่ายบัตร ไปแล้วจำนวน 4 แห่ง โดยรับผิดชอบ 12 ประเทศ ประกอบด้วย อินเดีย , กัมพูชา , เวียดนาม , บังคลาเทศ , เนปาล , พม่า , ศรีลังกา , ปากีสถาน , ลาว , ฟิลิปปินส์ , อินโดนีเซีย และบรูไน ปัจจุบันมีสมาชิก 10 ราย จ่ายเงินแล้ว 4 ราย ในปี 2550 คาดว่าจะมีสมาชิกทั้งหมด 291 ราย โดยมีลูกค้ารายสำคัญ ได้แก่ ประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบันได้ชะลอโครงการการท่องเที่ยว และการลงทุน เนื่องจากลูกค้าไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
นายศุภฤกษ์ ชมชาญ กรรมการบริหาร บริษัท อีลิท อินเตอร์เนชั่นแนล (ยุโรป) กล่าวต่อว่า บริษัท ฯ อยากให้รัฐบาลพิจารณาโครงการฯ ให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้สร้างความมั่นใจ และมีผลดีต่อประเทศ ซึ่งเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะให้ดำเนินโครงการต่อไป เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ที่เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก และเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยให้มากยิ่งกว่าเดิม อันจะเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้กับประชาชนและธุรกิจในประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ เพิ่งดำเนินงานเมื่อเดือน กันยายน 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เริ่มจัดตั้งออฟฟิศตัวแทนจำหน่ายบัตรไปแล้ว 4 แห่ง โดยรับผิดชอบ 15 ประเทศ ประกอบด้วย อังกฤษ , รัสเซีย , ฝรั่งเศส , เยอรมัน, สวิตเซอร์แลนด์, อิตาลี , สวีเดน , นอร์เวย์ , ฟินแลนด์ , เดนมาร์ก , เบลเยี่ยม , สเปน , โปรตุเกส , เนเธอร์แลนด์ และไอร์แลนด์ ปัจจุบันมีสมาชิก 17 ราย จ่ายเงินแล้ว 8 ราย คาดว่าปี 2550 จะมีสมาชิกเพิ่มรวมจำนวน 488 ราย
นายจักรกริช ธุวโขวินิช ผู้อำนวยการภูมิภาค บริษัท อีลิท อินเตอร์เนชั่นแนล (ตะวันออกกลาง) กล่าวเสริมว่า จากการชะลอโครงการฯ ส่งผลให้ลูกค้าต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่น จึงไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ จึงขอฝากให้รัฐบาลพิจารณาโครงการฯ อย่างรอบคอบ เนื่องจากมีต่างชาติมีแนวโน้มตอบรับสูง และมั่นใจในศักยภาพของคนไทย โดยจะรับผิดชอบ 13 ประเทศ ประกอบด้วย สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ , ซาอุดิอาระเบีย, บาร์เรน , คูเวต , กาตาร์ , อิสราเอล และอียิปต์ ฯลฯ
ข้อมูลโครงการ Thailand Elite Card
โครงการ Thailand Elite Card เป็นโครงการหนึ่ง ในหลาย ๆ โครงการที่รัฐบาลชุดที่แล้ว ได้เริ่มดำเนินการ มาตั้งแต่ปี 2547 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ที่เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก และเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยให้มากยิ่งกว่าเดิม อันจะเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้กับประชาชน และธุรกิจในประเทศไทย
ประการสำคัญคือการส่งเสริมการลงทุนในประเทศจากการที่สมาชิกจะนำธุรกิจและเงินลงทุนจำนวนมหาศาลมาลงทุนในประเทศไทย
จากวัตถุประสงค์ดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยในด้านการลงทุนที่จะได้รับจากโครงการนี้ เพื่อการดำเนินการดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลรัฐบาลชุดที่แล้วจึงได้จัดตั้ง บริษัท ไทยแลนด์พริวิเลจการ์ด จำกัด เป็น ผู้ดำเนินโครงการโดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการโครงการดังกล่าวข้างต้นบรรลุตามวัตถุประสงค์ และเจตนารมณ์ของรัฐบาล บริษัทไทยแลนด์พริวิเลจการ์ด จำกัด จึงได้เริ่มดำเนินการจัดหาผู้แทนจำหน่ายในประเทศขึ้นในปี 2547 เพื่อที่จะดำเนินการด้านการตลาดเพื่อจำหน่ายบัตร Thailand Elite Card ให้แก่ชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศเป็นประจำ รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่รักประเทศไทย โดยเน้นที่นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศ และจะเข้ามาลงทุนในประเทศ
บริษัท แอคทีฟ จำกัด เป็นบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกและแต่งตั้งจากรัฐบาล โดย บริษัทไทยแลนด์พริวิเลจการ์ด จำกัด ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายในประเทศ และเป็นผู้จัดหาผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศ รวมทั้งเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อที่จะสนับสนุน และชักชวนให้ชาวต่างประเทศสมัครเป็นสมาชิกบัตรไทยแลนด์อิลิทคาร์ด
บริษัท แอคทีฟ จำกัด ได้เริ่มดำนินการจำหน่ายบัตรให้แก่สมาชิก 42 ประเทศนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาโดยมีสมาชิกที่ชำระเงินจำนวน 224 ราย ในปีแรก และมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 430 ราย ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2549 นี้ จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยมีอัตรายอดขายเท่ากับการจำหน่าย บัตร 2 ปีรวมกัน คือ 650 ราย โดยรวมยอดที่ชำระเงินทั้งสิ้นจนถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 19 ธันวาคม) จำนวนทั้งสิ้น 1,333ล้านบาท ผลงานดังกล่าวข้างต้นนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่รัฐบาลในฐานะที่เป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของรัฐบาลไทยมีผลงานและประสบความสำเร็จด้วยดีมาตลอด
ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการในทุกวิธีทางในการจัดหาผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศ โดยในปัจจุบันได้มีการจัดตั้งออฟฟิศตัวแทนจำหน่ายบัตรแล้วจำนวน 9 แห่ง ซึ่งได้แก่ เกาหลี , ญี่ปุ่น , ไต้หวัน , ฮ่องกง, มาเก๊า, ออสเตรเลีย , มาเลเซีย , สิงคโปร์ และจีน และอยู่ในระหว่างการหาตัวแทนในประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2550

แท็ก thailand  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ