กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--กทม.
แนะจัดโครงการแลกเปลี่ยนครูระหว่างประเทศกับประเทศบ้านพี่เมืองน้อง แก้ปัญหาขาดครูสอนภาษาต่างประเทศ และเสนอเขตฯ แบ่งเบาภารกิจด้านวัฒนธรรม ศูนย์เยาวชน และห้องสมุดประชาชน หลังได้รับโอนภารกิจจากสำนักฯ
นายธนะกฤช พุกรักษา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบึงกุ่ม ในฐานะประธานคณะกรรมการการศึกษาและวัฒนธรรม สภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการประชุมและตรวจสอบผลการดำเนินงานของสำนักการศึกษา และสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. เกี่ยวกับการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา สามารถสรุปประเด็นสำคัญๆ ที่ทำการตรวจสอบได้ดังนี้ ในส่วนของสำนักการศึกษาได้ประชุมติดตามเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายเรียนฟรี เรียนดี อย่างมีคุณภาพ การจ้างเหมาเอกชนประกอบอาหารตามโครงการอาหารกลางวัน การจัดสรรบุคลากรครูให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียนและครูประจำวิชาต่างๆ และการสอนหลักสูตรอิสลามศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งคณะกรรมการฯ มีความเห็นว่าในประเด็นปัญหาดังกล่าว สำนักการศึกษาควรดำเนินการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาดังนี้ การส่งเสริมโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการปลูกพืชผักทางการเกษตร และสามารถนำพืชผักมาประกอบอาหารในโครงการอาหารกลางวันได้ สำหรับการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศนั้น อาจจัดทำโครงการจ้างนักศึกษาที่จบการศึกษาด้านภาษาต่างประเทศและยังไม่มีงานทำ ให้สอนภาษาต่างประเทศโดยทำสัญญาจ้างเป็นรายปี และควรจัดทำโครงการแลกเปลี่ยนครูระหว่างประเทศร่วมกับประเทศในโครงการบ้านพี่เมืองน้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ครูได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนครูสอนภาษาต่างประเทศในเบื้องต้นด้วย
ในส่วนของการดำเนินงานของสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวนั้น ได้หารือเกี่ยวกับการตั้งฝ่ายวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวในสำนักงานเขต ร่วมกับสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทมหานคร(ก.ก.) เนื่องจากได้มีโอนภารกิจงานด้านวัฒนธรรม ศูนย์เยาวชน และห้องสมุดประชาชนของสำนัก ให้อยู่ในความดูแลฝ่ายพัฒนาชุมชนของสำนักงานเขตแทน แต่ไม่มีการเพิ่มอัตรากำลังให้ประกอบกับภารกิจของเขตฯ ที่มีอยู่แล้ว ทำให้การทำงานของฝ่ายพัฒนาชุมชนฯ ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร คณะกรรมการฯ จึงเห็นว่าควรมีการจัดตั้งฝ่ายวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวในระดับเขตขึ้นมาเพื่อแบ่งเบาภาระดังกล่าว ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ก. ได้พิจารณาแล้วแต่พบว่าข้อมูลสนับสนุนไม่เพียงพอและไม่ชัดเจน เช่น ภารกิจ ปริมาณงาน จึงยังไม่ได้รับการพิจารณากรอบอัตรากำลัง ดังนั้นในเบื้องต้นจึงเห็นว่าเขตฯ ต้องทำหน้าที่เชื่อมโยงภารกิจต่างๆ ไปก่อนเพื่อให้การดำเนินงานของฝ่ายฯ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น