กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--สวทช.
จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปสัตว์ประหลาด งูหัวคน พบใบหน้ามีลักษณะคล้ายคนแก่ผิวหนังเหี่ยวย่น ผมยาวสีทอง มีแขน 2 ข้าง นิ้วมือเหมือนมนุษย์ ส่วนลำตัวคล้ายงู ยาวประมาณ 3 เมตร และมีเกล็ดคล้ายงูเหลือมนั้น ได้สร้างความประหลาดใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก อีกทั้งล่าสุดพบคลิปดังกล่าวเคยเผยแพร่ในประเทศอินโดนีเซีย แล้วเข้ามาที่เวียดนาม กัมพูชา และประเทศไทย โดยขณะนี้ก็ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจริงหรือไม่ รศ.ดร.สมโภชน์ ศรีโกสามาตร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. กล่าวว่า จากที่เห็นภาพงูหัวคนในหลายๆแหล่งที่มา พบว่าในส่วนของแขนมีการวางตำแหน่งต่างกัน แต่โดยรวมเชื่อว่าเป็นตัวเดียวกัน และเป็นการนำชิ้นส่วนของซากสิ่งมีชีวิตอย่างน้อยสองชนิดมาประกอบกัน
“โดยในส่วนหัวที่เชื่อว่าเหมือนคน สันนิษฐานเบื้องต้นว่ามาจากกลุ่มลิง เพราะลิงเป็นสัตว์กลุ่มเดียวกับคน มีหน้าตาคล้ายคนเพราะส่วนของเบ้าตาเข้ามาประกบชิดกัน ทำให้มองเห็นภาพเป็นสามมิติ ต่างจากสัตว์ทั่วไปที่เบ้าตาจะห่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้เมื่อดูในส่วนของจมูกของสัตว์ในภาพ จะเห็นว่ามีลักษณะยื่นเล็กน้อยเหมือนสัตว์ดมกลิ่นเช่นลิง ไม่เหมือนของคน
ส่วนซากของลิงที่นำมาตัดต่อได้นั้น น่าจะเป็นลิงขนาดเล็ก ได้แก่ กลุ่มลิงทามาริน หรือมาโมเซ็ต เนื่องจากเป็นลิงขนาดเล็กคล้ายกระรอก มีขนยาวคล้ายผม และบางชนิดมีขนบริเวณปากมองดูเหมือนหนวดเครา และเมื่อพิจารณาจากสัตว์ประหลาดในภาพที่มีผมยาวสีทอง หากไม่มีการย้อมสี ก็อาจจะเป็นลิงทามารินหน้าสิงโตสีทอง (Golden Lion Tamarin) ที่มีขนฟูยาวสีทอง คล้ายสิงโต ซึ่งเมื่อตายก็อาจจะกลายเป็นซากสิ่งมีชีวิตที่เหมือนสัตว์ประหลาดดังกล่าวได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ด้วยลิงทามารินหน้าสิงโตสีทอง เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และหายาก จึงเชื่อว่าซากที่นำมาใช้น่าจะเป็นลิงทามารินชนิดอื่นๆหรือกลุ่มลิงมาโมเซ็ตมากกว่า”
รศ.ดร.สมโภชน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าลิงทามาริน และลิงมาโมเซ็ต เป็นลิงจากอเมริกาใต้ แต่มักจะมีการส่งมาเลี้ยงตามสวนสัตว์ต่างๆในหลายประเทศ ซึ่งประเทศไทยสามารถดูได้ในสวนสัตว์บางแห่ง อีกทั้งในบางพื้นที่ที่มีการลักลอบค้าสัตว์ป่าก็สามารถพบสัตว์กลุ่มนี้ได้เช่นกัน ทั้งนี้เป็นการคาดเดาเบื้องต้นเท่านั้น เพราะยังไม่เห็นตัวจริงๆ แต่หากมีการแสดงของจริงยืนยัน ทีมนักวิชาการเองก็พร้อมที่จะเข้าไปตรวจสอบว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด โดยหากเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่จริงก็คงเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก แต่จากความรู้ที่มีอยู่ในปัจจุบันคงยืนยันได้ว่าไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตลักษณะเช่นนี้ได้
ด้าน ดร.วราวุธ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซากดึกดำบรรพ์และพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช.กล่าวว่า น่าจะเป็นการนำซากสิ่งมีชีวิตหลายชนิดมาปนกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะคล้ายๆกันนี้มาแล้ว โดยสมัยก่อนก็มีการอ้างว่าพบ ช้างน้ำขนาดเล็ก ที่มีลักษณะเหมือนช้างทุกส่วน มีเนื้อ มีหนัง มีขน มีตา มีงา บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี แต่เมื่อมีการตรวจสอบก็พบว่า เป็นการนำซากสิ่งมีชีวิตหลายๆชนิดมาประกอบตกแต่งขึ้น ซึ่งกรณีตัวประหลาดนี้ก็อาจเป็นไปได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งตั้งข้อสังเกตต่อคำร่ำลือเกี่ยวกับบริเวณที่พบว่ามักจะเป็นสถานที่ลึกลับเข้าถึงยาก ทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยากเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดีประชาชนที่ได้รับข่าวสาร เมื่อดูแล้วก็ต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณาว่าสิ่งใดจริงหรือไม่จริง