กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
- ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — ราคาทองคำวันนี้ มีแนวโน้มปิดลดลงเล็กน้อย จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันที่ร่วงลงแรง หลัง World Bank ลดอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลกจาก -1.7% เป็น -2.9% (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
- กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Daily
30 Min
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Index บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นบวกอยู่เล็กน้อย, MACD 30 นาทีอยู่ในแดนลบแต่กำลังเคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคาดูขึ้นอยู่เล็กน้อย, MACDF อยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้นและทำให้ราคาดูบวกในช่วงต้นของวัน, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 56.351 ถือเป็นระดับ Neutral และไม่บ่งบอกถึงทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็นตลาด Sideways ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $915-$932 ส่วนค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿34.04-฿34.24
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - ADX < 20 บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 31.277 ถือเป็นระดับ Oversold และราคายังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, MACD เคลื่อนตัวเข้าสู่แดนลบและดูได้เป็นสัญญาณการกลับตัวสู่ขาลง, MACDF อยู่ในแดนลบและทำให้ดูราคาเป็นขาลง, Fast Stochastic ระดับวันเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 20 และดูได้ว่าราคาอาจปรับตัวขึ้นในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $912
ตาราง 3: แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,050 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 14,960 หรือที่ $921.80) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 90 บาท ขณะที่ราคาของ GFM09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,100 บาท จะมีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 140 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFM09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 140-90 = 50 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
- ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทปิดอ่อนค่าลง +2 สต. มาอยู่ที่ 34.11 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 34. 09 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า โดยเป็นการอ่อนค่าจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้เงินบาทได้อ่อนค่าลงมาอีก +3 สต. มาที่ 34.14 บาทต่อดอลลาร์ โดยวันนี้มีแนวรับสำคัญที่ 34.08 บาทและ 34.04 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.18 บาทและ 34.24 บาท
- ภาวะเศรษฐกิจเขตยุโรป — ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจของเยอรมันล่าสุดพุ่งขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน มาอยู่ที่ 85.9 จาก 84.3 ในเดือน พ.ค. บ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเยอรมันมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว แม้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยังไม่สิ้นสุดก็ตาม ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1% ไปจนถึงปีหน้า แต่พร้อมที่จะลดดอกเบี้ยลงอีก หากจำเป็น
- OPEC - นายโฮเซ โบเตลยู เดอ วาสคอนเซโลส ประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวว่า เป้าหมายคือการทำให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 75 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสิ้นปี 2009 ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของซาอุดิอาระเบียที่ว่า ระดับ 75 ดอลลาร์เป็นระดับที่เป็นไปได้ และเศรษฐกิจโลกพร้อมที่จะยอมรับราคาน้ำมันที่ระดับนี้
ปัจจัยลบ
- ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ — สืบเนื่องจากจีนทุ่มกวาดซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบพื้นฐานของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งน้ำมันดิบ ทองแดง ถ่านหิน และวัตถุดิบสำคัญๆ เพื่อเตรียมตัวรับเศรษฐกิจฟื้นตัว ตั้งแต่ไตรมาส 4/08 ซึ่งในตอนนั้นราคาถูกมาก แต่กระแสการกว้านซื้อดังกล่าวมีแนวโน้มชะลอตัวตัวลง เนื่องจากขณะนี้คลังสำรองสินค้าของจีนแทบไม่เหลือที่ว่างแล้ว แต่กลับยังไม่เห็นจุดจบของวิกฤตการเงินโลก ด้วยเหตุนี้ กลุ่มนักวิเคราะห์จึงออกโรงคาดการณ์ว่า การปรับขึ้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ใกล้จบสิ้นแล้ว นอกจากนี้ มูดี้ส์ ก็ชี้ถึงแนวโน้มที่ไม่สดใสสำหรับกลุ่มโลหะพื้นฐาน อุตสาหกรรมเหล็ก และเหมืองแร่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกระหว่างช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า โดยชี้ว่าการซื้อได้ขยายตัวนำหน้าความต้องการแล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขล่าสุดของจีนกลับบ่งบอกถึงอุปสงค์น้ำมันในจีนเพิ่มขึ้น 6% ต่อปีในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2008 โดยจีนใช้น้ำมัน 7.77 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ค. หรือเพิ่มขึ้น 2.4% จากเดือนเม.ย.
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) — ตลาดรอดูผลการซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 ปีครั้งแรกของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพุธนี้ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ภาคธนาคารปล่อยกู้อีกครั้ง และปรับลดต้นทุนในการกู้ยืมสำหรับภาคธนาคาร ภาคเอกชน และผู้บริโภค ส่วนพันธบัตรอายุที่เหลือไม่เกิน 5 ปี จะมีการซื้อคืนราว 6 หมื่นล้านยูโร (8.4 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนหน้า
- ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0081 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.3859 จากที่ปิด $1.3940 เมื่อวันก่อนหน้า หลัง World Bank ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะหดตัว -2.9% มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าที่ -1.7% เมื่อเดือนมีนาคม ได้ปลุกกระแสให้นักลงทุนหันกลับเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งนอกจากเงินดอลลาร์แล้ว ยังรวมไปถึงการเข้าถือเงินเยนและการเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐอีกด้วย ทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นราว -0.3% อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีร่วงลง -0.08% นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบที่ยูโรจะได้รับจากปฏิบัติการซื้อคืนพันธบัตรของ ECB โดยเฉพาะในเรื่องของปริมาณสภาพคล่องและผลกระทบที่มีต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน + ความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของเยอรมนี สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งอาจเกิน 1 แสนล้านยูโร จะกลายเป็นข้ออ้างในการขายยูโร + ECB ยังกังวลกับระบบธนาคารของยูโรโซนอาจเผชิญวิกฤตอีกรอบในปี 2010 ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย -$0.0004 มาที่ $1.3855
- ราคาน้ำมัน — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค.ปิดร่วงลง -$2.52 มาปิดที่ $67.50 ต่อบาร์เรล จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น + World Bank ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ + จีนลดการเข้าซื้อ + คาด EIA ประกาศปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบจะลดลงในคืนวันพุธนี้ ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค.ร่วงลงต่ออีก -$0.08 มาปิดที่ $67.42 ต่อบาร์เรล หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีกในเช้านี้
- กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 22 มิ.ย.52 ลดลง 0.91 ตันจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,131.24 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36.37 ล้านออนซ์
- ตลาดทองคำ นิวยอร์ก + ลอนดอน — ราคาทองที่ตลาดสหรัฐร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงและการแข็งค่าของดอลลาร์ ทำให้แรงซื้อทองของกองทุนในฐานะการประกันความเสี่ยงลดลง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอ่อนตัวในวงกว้างทั่วภาคสินค้าโภคภัณฑ์
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) — นักลงทุนกำลังรอดูการประชุมของ FED ในคืนนี้
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source: Bloomberg
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอในรายงานดังกล่าว นี้เป็นเพียงความคิดเห็นซึ่งนำเสนอโดย บริษัท YLG Bullion International จำกัด โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ จากความเสียหายที่เกิดจากการใช้รายงานหรือข้อความจากรายงานฉบับนี้ ทั้งนี้ เนื้อหาในรายงานฉบับนี้ไม่ว่าจะเป็นบางส่วนหรือทั้งหมดไม่สามารถนำไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท YLG Bullion International จำกัด
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com