กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--บล.กสิกรไทย
บล.กสิกรไทยประกาศแนวทางการดำเนินงานจนถึงสิ้นปี พร้อมเดินหน้าลุยงานธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนอย่างครบวงจร เน้นการทำแบรนดิ้งที่ชัดเจนพร้อมสร้างความต่างด้วย “KS..more” แคมเปญทางการตลาดเพื่อสร้าง Brand experience ให้กับลูกค้า หวังดันมาร์เก็ตแชร์พุ่งกว่าเท่าตัว และอาศัยจุดแข็งจากเครือธนาคารกสิกรไทยด้วยบริการทางการเงินที่เป็นเลิศและครบวงจรเป็นที่ไว้วางใจมาอย่างยาวนาน
พหลโยธิน - นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS เปิดเผยว่า ในช่วง 4 ปีที่ได้ก่อตั้งบล.กสิกรไทยมา ได้มีการพัฒนาโครงสร้างองค์กรและคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการให้บริการอันหลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นความสำเร็จจากการยอมรับด้วยรางวัลจากสถาบันต่างๆ อาทิ Best Securities Company Awards 2008 จาก SET Awards 2008 และรางวัล Best Domestic Investment Bank จาก The Asset รวมถึงรางวัล Best Analyst / Best Strategist จาก SAA และเพื่อสร้างความสำเร็จอันแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เราจึงได้จัดโครงสร้างการทำงานใหม่ เพื่อให้มีความพร้อมในการรุกและรับในทุกส่วนงานสำคัญ ที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ โดยได้มือดีในวงการเข้ามานั่งแท่นบริหารกันอย่างคับคั่ง เริ่มจาก สายงานวาณิชธนกิจ มีนายวรวัจน์ สุวคนธ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ นายสุชีล นารูลา ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการดูแลสายงานวิเคราห์หลักทรัพย์ นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานจัดการเงินทุนบุคคล และผู้ที่มาดูแลเรื่องแบรนดิ้ง ของบริษัทฯ คือ นายประสงค์ รุ่งสมัยทอง ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการสายงานกลยุทธ์องค์กร
โดยในธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นธุรกิจหลักได้รับการพัฒนาอย่างมากและต่อเนื่อง เพื่อรองรับลูกค้าบุคคลจากฐานลูกค้าธนาคารกสิกรไทย โดยปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 9,000 บัญชีในสัดส่วนที่เป็นลูกค้ารายย่อย (Retail) และลูกค้าสถาบัน (Institution) ในอัตรา 70: 30 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ บริษัทได้วางแผนที่จะเพิ่มผู้จัดการเงินทุนส่วนบุคคลจาก 70 เป็น 150 คนภายในสิ้นปีนี้เพื่อให้บริการกับลูกค้าของบริษัทได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพภายใต้นโยบายการให้บริการทางการเงินที่เป็นเลิศของเครือธนาคารกสิกรไทย
“ ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมาทำให้เรามีความพร้อมที่จะแข่งขันในทุกสถานการณ์ เราพร้อมสำหรับการเปิดเสรีของธุรกิจหลักทรัพย์ และเราให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการพัฒนาระบบและบุคลากร ที่จำเป็นต้องพัฒนาควบคู่กันเพื่อไปสู่เป้าหมายเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำ 1 ใน 3 ของประเทศภายใน 2 ปี โดยอาศัยจุดแข็งจากเครือธนาคารกสิกรไทยทั้งฐานลูกค้า ผลิตภัณฑ์การเงินที่หลากหาย การขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านสาขาของธนาคารเราจึงมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน ” นางสาวณัฐรินทร์กล่าว
นางสาวณัฐรินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีแรก แม้ไตรมาสแรกจะประสบภาวะขาดทุนบ้าง แต่ในไตรมาสที่ 2 ที่ภาวะการณ์ซื้อขายของตลาดกลับมาคึกคักโดยมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่มีปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางเฉลี่ยเพียงวันละ 8.8 พันล้านบาทเท่านั้น ทำให้ผลประกอบการดีขี้นประกอบกับรับรู้รายได้จากธุรกิจด้าน Investment Banking (IB) จึงทำให้บริษัทฯพลิกกลับมามีกำไรในครึ่งปีแรกได้
สำหรับในปัจจุบันบริษัทฯมีส่วนแบ่งทางการตลาดในเดือนพ.ค.อยู่ที่ 2.40% ทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 2.11 % โดยเพิ่มจากปีที่ผ่านมา 1.47% หรือเติบโตกว่า 43 % ถือเป็นบริษัทอันดับที่ 16 จากทั้งหมด 37 บริษัท โดยจะเน้นขยายฐานลูกค้าบุคคลพิเศษ และนักลงทุนต่างประเทศโดยจะมีการ Road show รวมกับ Bloomberg ในเดือน ก.ค. จึงมั่นใจได้ว่าบริษัทฯจะเติบโตและมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 4 % ตามที่ตั้งเป้าไว้เมื่อต้นปี
“เรามองภาวะตลาดในปีนี้ว่าการซื้อขายน่าจะกลับมาคึกคักต่อเนื่องมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน โดยมองว่าในไตรมาสที่ 4 ภาวะตลาดน่าจะฟื้นตัวเนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งแผนระยะที่ 2 และ 3 ที่มีเม็ดเงินหลายแสนล้านบาทฉีดเข้าไปในระบบ” นางสาวณัฐรินทร์กล่าวทิ้งท้าย