ศิลปิน Lee Hom Wang (หวังลี่หง)

ข่าวทั่วไป Thursday January 26, 2006 13:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--โซนี่ บีเอ็มจี มิวสิค
ชื่ออังกฤษ :. Lee Hom Wang (หวังลี่หง)
ชื่อคริสเตียน :. อเล็กซานเดอร์ (อเล็กซ์)
ชื่อญี่ปุ่น :. โอริกิ ฮิโรชิ
เกิดวันที่ :. 17 พฤษภาคม 1976
สัญชาติ :. อเมริกัน
เกิดที่ :. โรเชสเตอร์ ใน นิวยอร์ค
เลือดกรุ๊ป :. O
สูง :.180 ซ.ม.
หนัก :. 68 ก.ก.
ครอบครัว :. คุณพ่อเป็นหมอ คุณแม่ของเขานอกจากจะเป็นบรรณารักษ์แล้ว ก็ยังเป็นนักร้องโอเปร่าสมัครเล่นอีกด้วย เขาพี่ชายแก่กว่า 3 ปีชื่อ ลีโอ เรียนจบแพทย์จากมหาวิทยาลัย เยลปัจจุบันเป็นหมออยู่ในชิคาโก้ น้องชายชื่อ ลี ไคอ่อนกว่าเขา 9 ปี
การศึกษา :. โรงเรียนพิทส์ฟอร์ด ซัทเธอร์แลนด์ มิดเดิ้ล สคูล (1990)
จบปริญญาตรีเกียรตินิยมจากวิลเลียมส์ คอลเลจเมื่อปี 1998 เอกสาขาดนตรี โทสาขาเอเซียศึกษา
ปริญญาโทจากวิทยาลัยดนตรี เบิร์คลีย์
วิชาที่ชอบ :. แจ๊ซ เปียโน
วิชาที่เบื่อ :. ประวัติศาสตร์ เพราะเขาเกลียดการท่องจำ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะทำคะแนนวิชานี้ไม่ดี เพียงแต่เขาจะไม่จำเนื้อหาเป็นเวลานาน สอบเสร็จแป๊บเดียวก็ลืม
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ :. สุนัข
สีโปรด :. ฟ้า
ความสามารถ :. แต่งเพลง/ทำนอง, เล่นเปียโน, ไวโอลิน, กีต้าร์
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ :. สุนัข
สไตล์การแต่งตัว :. เสื้อยืด กางเกงยีนส์
ศิลปินที่ชื่นชอบ :. สตีวี่ วอนเดอร์ (Stevie Wonder)
อาหารที่ชอบ :. เป็ดปักกิ่ง, พิซซ่า
กีฬาที่โปรดปราน :. เบสบอล
ความฝันวัยเยาว์ :. อยากเป็นตำรวจหรือไม่ก็คาวบอย
ศิลปินโปรด :. สตราวินสกี้, บาร์ท็อค, เลินนาร์ด เบิร์นสไตน์, สตีวี่ วันเดอร์, เอลตัน จอห์น, พริ้นซ์, จอร์จ ไมเคิล, สติง, ฮาร์เลม หยู ฯลฯ
ภาษาที่พูดได้ :. อังกฤษ, กวางตุ้ง, จีนกลาง, ฝรั่งเศส กับ ภาษาญี่ปุ่นเล็กน้อย
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ :. กีตาร์, เปียโน, ไวโอลิน, กลอง, ไวบราโฟน, แอ็คคอร์เดียน, เออร์หู (เครื่องดนตรีจีนโบราณ) ฯลฯ
งานที่เคยทำ :.ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่อายุแปดขวบ เคยเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ กับพี่ชาย อยู่ถึงเจ็ดปี
สิ่งบันเทิงที่ชอบ :. เบสบอล(หัดเล่นตั้งแต่ 7 ขวบ), ซิมโฟนี่ ออเคสตร้า และ คอนเสิร์ต
เหตุการณ์ที่จะไม่มีวันลืม :. ตอนอายุ 21 ได้เขียนสคริปต์ และแต่ง เพลงประกอบละครเพลงของโรงเรียนชื่อเรื่อง The Bite That Burns เขาใช้โปรเจ็กต์นี้เป็นวิทยานิพนธ์ด้วย
รางวัลและเกียรติคุณ ทางการศึกษา
- Model Student High Honours Award (1989)
- Model Student High Honours Award (1990)
- Phenomenal Freshman Award (1991)
- Most Musical Student Award (1991)
- Character Development Award (1991)
- รางวัลจากภาพเขียน Eagle (1993)
- National Merit Scholar รางวัลสูงสุดของการศึกษา ระดับไฮสคูลของอเมริกา(1994)
- Monroe Country Council Award (1994)
- Pittsford Musical Inc. Musical Scholarship Award (1994)
ผลงานอัลบั้ม
- ธ.ค. 1995 Love Rival Beethoven เด็คคา
- ส.ค. 1996 If You Heard My Song เด็คคา
- ธ.ค. 1996 Thinking Of You เด็คคา
- ก.ค. 1997 Whitepaper เด็คคา
- ส.ค. 1998 Revolution โซนี่ มิวสิค
- มิ.ย. 1999 Impossible To Miss You โซนี่ มิวสิค
- มิ.ย. 2000 Forever First Day โซนี่ มิวสิค
- ก.ย. 2001 The One And Only โซนี่ มิวสิค
- ต.ค. 2002 Evolution โซนี่ มิวสิค
- ก.ย. 2003 The only one โซนี่ มิวสิค
- ธ.ค. 2003 Unbelievable โซนี่ มิวสิค
- มิ.ย.. 2004 HERE MY VOICE โซนี่ มิวสิค ญี่ปุ่น
- ธ.ค. 2004 Shangri-La โซนี่ บีเอ็มจี มิวสิค
- ธ.ค. 2005 Heroes Of Earth โซนี่ บีเอ็มจี มิวสิค
ผลงานภาพยนตร์
- The Iron Giant (1999)
- China Strike Force (2000)
- From Ashes To Ashes
- ภาพยนตร์สั้นรณรงค์การสูบบุหรี่กำกับโดย เลสลี่ จาง นำแสดงโดย หวังลี่หง, ม่อเหมินเว่ย และ
เหม่ยเยี่ยนฟาง (2001)
- The Avenging Fist (2001)
- Moon Child (2003)
หวังลี่หง ไม่ใช่แค่นักร้องหนุ่มเสียงบาริโทนหน้าตาดี แต่เขายังแต่งเนื้อร้องทำนองเพลงเองด้วย แถมยังเล่นเครื่องดนตรีได้เพียบได้อีกต่างหาก นอกจากนี้เขายังเป็นศิลปินของเอเซียเพียงไม่กี่คน ที่เสนอผลงานหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ R&B, ฟั้งค์, ร็อค, กอสเปล, แจ๊ซ และ คลาสสิค
หวังลี่หง เชื้อสายไต้หวันที่เกิดในอเมริกา เป็นลูกคนกลางที่ไม่ได้ชอบเล่นหมากรุกหรือคณิตศาสตร์เหมือนคนอื่น ๆ ในครอบครัว สนใจเรื่องดนตรีทั้งที่ผลการเรียนเขาอยู่ในระดับแถวหน้า ตั้งแต่วันที่คุณแม่เขาพาพี่ชายไปเรียนไวโอลิน พอเห็นไวโอลินเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก และอยากเรียน แต่ตอนนั้นอายุแค่ 3 ขวบคุณครูบอกให้เขารอจนให้โตกว่านี้ก่อน พอเขาอายุ6 ขวบที่บ้านก็พาไปเรียนไวโอลิน ที่โรงเรียนดนตรีหรูระดับอีสต์แมน สคูลในโรเชสเตอร์ 8 ขวบเรียนเปียโนแต่ตอนนั้นเขารู้สึกว่าชอบไวโอลินมากกว่า เพราะคิดว่าการเล่นเปียโนกับการพิมพ์ดีดไม่ต่างกันเท่าไหร่เลย (แต่ปัจจุบันเขาค้นพบเทคนิคการเล่น ก็หลงเสน่ห์เปียโนอย่างจัง จนยกให้วิชาเปียโนแจ๊ซเป็นวิชาโปรดที่สุด)
พออายุ 13 ขวบ หวังลี่หง ก็เป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุด ของวงโรเชสเตอร์ ฟิลฮาร์โมนิก้า ยูธ ออเคสตร้าในฐานะนักเล่นไวโอลิน และรับเล่นละครดนตรีของโรงเรียนเป็นครั้งแรกเรื่อง Once Upon A Mattress 15 ขวบเริ่มแต่งเนื้อร้องกับทำนองเพลง พอถึงวันเกิดเพื่อน ๆ เขาก็จะแต่งเพลงให้เป็นของขวัญวันเกิด เวลามีแขกมาบ้านก็ชอบเล่นไวโอลินโชว์
ปี 1994 หลังจากผ่านการทดสอบไวโอลินจากอีสต์แมน มิวสิค สคูล หวังลี่หง ก็มีสิทธิเข้าเรียนดนตรีต่อที่วิลเลียมส์ คอลเลจในแมสซาจูเซ็ตส์ ที่บ้านเขายกเว้นคุณแม่ต่าง ไม่เห็นด้วยกับการที่เขาจะยึดดนตรีเป็นอาชีพ เพราะเกรดเขาดีขนาดเข้าเรียนที่ปรินซ์ตัน หรือเยลได้สบาย ๆ ทุกคนลงความเห็นว่าดนตรีเหมาะเป็นงานอดิเรกเท่านั้น แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของเขา ทุกคนก็ยอมรับและเข้าใจในที่สุด
ระหว่างเรียนที่วิลเลียมส์ คอลเลจ หวังลี่หง เข้าร่วมกิจกรรมมากมาย ชอบขึ้นเวทีแจมกับเพื่อน ๆ ในงานมหาวิทยาลัยอยู่บ่อย ๆ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งชมรมดนตรีวิลเลียมส์ กราสรูทส์ มิวสิค ในขณะเดียวกันก็ลงเรียนภาษาจีนกลางไปพลาง ๆ ด้วย
หวังลี่หง มีโอกาสเข้าวงการดนตรีในไต้หวันตอนอายุ 19 ปี ตอนนั้นเขายังเรียนอยู่ปีสอง ทางโรงเรียนมีโปรเจ็กต์ให้ทำ ระหว่างปิดเทอมฤดูหนาว หัวข้อรายงานชื่อ Demographics of the Pop Music Phonomenon เขาจึงถือโอกาสบินกลับไต้หวันหาข้อมูล รวมทั้งไปเยี่ยมคุณยายที่ยังคงอยู่ที่นั่น แถมยังได้เอาผลงานของตัวเอง อัดลงวิดีโอส่งให้สังกัดแผ่นเสียง ที่ไต้หวันหลายแห่งพิจารณา นั่นเป็นการเดินทางไปไต้หวันครั้งแรกของเขา เมื่อไปถึงเขายังได้เข้าร่วมการแข่งขันร้องเพลง เขาเลือกร้องเพลง Too Silly ของ เอริค มู่ กับเพลง Mong Ching Shui ของ หลิวเต๋อหัว ผ่านเข้ารอบสุดท้ายแต่ก็ไม่ได้คว้าตำแหน่งวินเนอร์ โชคดีที่การแสดงบนเวทีของเขาประทับใจหลาย ๆ คน ปรากฏว่าบริษัทริโอ มิวสิค โปรดักชันในเครือเด็คคา เร็คคอร์ดส์สนใจเซ็นสัญญาเขาเข้าสังกัดทันที
ผลงานชิ้นแรกของ หวังลี่หง เป็นอัลบั้มภาษาจีนกลางชื่อ Beethoven, My Rival วางขายเดือนธันวาคมปี 1995 มีเพลงที่เขาแต่งทำนองเองรวมอยู่สามเพลงคือ Listen To The Rain, Last Night และ Hate To Say Goodbye เป็นที่สนใจในหมู่นักวิจารณ์อย่างมาก แต่เสียดายที่เขาไม่มีโอกาสทำกิจกรรมโปรโมตอัลบั้มได้ เพราะยังเรียนหนังสืออยู่ ทำให้ยังไม่ดังเท่าที่ควร
กรกฎาคม 1996 มีอัลบั้ม If You Ever Heard My Song ออกมาเป็นผลงานชุดที่สอง ชุดนี้นอกจาก หวังลี่หง จะได้แต่งทำนองเพลงที่เป็นไตเติ้ลแทร็คแล้ว ยังได้แต่งทำนองให้เพลง Headline Rock, Better Off Alone ฯลฯ ด้วย ธันวาคมปีเดียวกันมีอัลบั้มตามออกมาอีกชุด Missing You ชุดนี้มีเพลงที่เขาแต่งอยู่สองเพลง An Appointment For Your Love กับ Noah จากนั้นก็ออกคอนเสิร์ตแสดงสดเป็นครั้งแรกที่ K K Disco
หลังจากออกอัลบั้มที่สี่ White Paper ซึ่งเริ่มทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในไต้หวันเมื่อปี 1997 หวังลี่หง ก็กลับไปอเมริกาและรับตำแหน่ง Music Director ของ Spring Streeters วงอาคาเปลล่าของวิลเลียมส์ คอลเลจ เมษายนปีถัดไปเขาเขียนเนื้อเพลงและทำนองให้ The Bite That Burns ซึ่งเป็นวิทยานิพนธ์ในปีสุดท้ายของเขาด้วย พล็อตละครเวทีเรื่องนี้เกี่ยวกับแวมไพร์ ซึ่งเขาแต่งสกอร์ไว้ถึงกว่า 570 หน้า
ต่อมาในเดือนสิงหาคม 1998 หวังลี่หง ก็ออกอัลบั้มที่ห้า แต่เป็นอัลบั้มชุดแรกกับสังกัดโซนี่ ฮ่องกง Revolution ครึ่งหนึ่งเป็นเพลงที่เขาเขียนและโปรดิวซ์เอง ขายได้ถึงหนึ่งแสนแผ่นในหนึ่งสัปดาห์ อัลบั้มชุดนี้ซึ่งมีเพลง Frozen Dream ที่เขาแต่งให้เด็กกำพร้าในไต้หวัน ทำให้เขาคว้ารางวัล Best Producer และ Best Male Singer จากงานแจกรางวัล Golden Melody Awards ของไต้หวัน
ในปี 1999 หวังลี่หง เข้าเรียนการร้องเพลงและดนตรีแจ๊ซที่ เบิร์คลีย์ มิวสิค สคูล มิถุนายนปีนั้นเขาออกอัลบั้มมาอีกชุดคือ Impossible To Miss You มีเพลงฮิตมาก ๆ คือ Julia เพลงที่เขาบอกว่าแต่งเสร็จเร็วมาก ๆ ใช้เวลาแค่ห้านาทีระหว่างตัดผม ระหว่างทำอัลบั้มชุดนี้มีข่าวว่า ทีมงานโปรดักชันคนหนึ่งถึงกับเป็นลมที่ร้านแม็คโดนัลด์ เพราะ หวังลี่หง ติดนิสัยทำงานชนิดไม่หลับไม่นอน ทำให้ทีมงานต้องลากสังขารไปด้วย อัลบั้มชุดนี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของในเอเซียมากขึ้น ทำให้เขาครองรางวัล Best Producer Award จากงานแจกรางวัล Singapore Hit Awards และรางวัล Most Promising Newcomer จากงานแจกรางวัล RTHK ครั้งที่ 22 ของฮ่องกงได้สำเร็จ หวังลี่หง ดร็อปเรียนหนึ่งเทอมเพื่อเทรนการร้องกับ วิลเลียม ไรลีย์ ครูดนตรีที่ทางโซนี่แนะนำมา วิลเลียมส เคยโค้ชเสียงให้ ไมเคิล โบลตัน, ไบรอัน อดัมส์ และ สตีวี่ วันเดอร์ มาแล้ว ในปี 1999 เช่นกันที่เขาพากย์เสียงการ์ตูนเป็นครั้งแรก ให้กับเรื่อง Iron Giant รวมทั้งแต่งทำนองเพลง ให้ศิลปินรายอื่นร้องเป็นครั้งแรก กับเพลง Love Will Never Disappear ที่ จางฮุ่ยเหม่ย (A-Mei) ร้องรวมไว้ในอัลบั้มรวมเพลงฮิตของเธอ ซึ่งวางขายในเดือนธันวาคมปี 1999
เมื่อเรียนจบปริญญาโทจากเบิร์คลีในปี 1999 หวังลี่หง ก็เริ่มรับงานแสดงเรื่องแรกคือ The Iron Giant ตามมาด้วย China Strike Force ของ สแตนลีย์ ทง ในปี 2000 เรื่องนี้เขายังได้ร่วมโปรดิวซ์อัลบั้มซาวด์แทร็ค ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้กับ คูลิโอ แร็พเปอร์ชาวอเมริกันด้วย ปีเดียวกันนี้เขายังได้ออกอัลบั้มชุดที่เจ็ด Forever's First Day ออกมาด้วย เขาใช้เวลาปีกว่าในการทำงาน ทั้งแต่งและเรียบเรียงเอง 11 เพลง ในอัลบั้มมีการหยิบเอา Descendent Of The Dragon มาร้องใหม่เป็นเพลงแด๊นซ์ เป็นเพลงเก่าของ เฮอเต๋อเจียนเมื่อต้นยุค 80 แต่คนที่ร้องจนเพลงนี้ฮิตได้คือคุณลุงแท้ ๆ ของเขา หลีเจี้ยนฟู เขาบอกว่าที่เลือกคัฟเวอร์เพลงนี้ เพราะเหตุผลส่วนตัวหลายอย่าง นอกจากว่าเป็นเพลงเก่าของคุณลุงแล้ว ก็ยังเพราะช่วงนั้นเป็นปี 2000 ปีมังกร แล้วเขาเองก็เป็นหนุ่มราศีมังกรอีกด้วย
อัลบั้มชุดที่เจ็ด Forever's First Day ออกขายในเดือนมิถุนายนปี 2000 หวังลี่หง แต่งทำนองเอง 10 เพลงจากทั้งหมด 11 เพลง เขียนเนื้อเพลงเองห้าเพลง โปรดิวซ์และเรียบเรียงเองทุกเพลง งานชุดนี้เขาพยายามผสมผสานดนตรีทั้งแร็พ ฮิพฮ็อป แจ๊ซ R&B หรือแม้แต่ดนตรีคลาสสิค เนื้อเพลงก็มีทั้งกวางตุ้งและจีนกลาง
หลังจากลุยงานมาโดยตลอด ไม่ได้หยุดแม้แต่วันเดียวเกือบสองปีเต็ม ช่วงเดือนสิงหาคม 2001 หวังลี่หง ก็ได้ฤกษ์ไปพักผ่อนกับครอบครัว ที่เกาะไมโคโนสประเทศกรีซ บรรยากาศสบาย ๆ ที่นั่นเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงได้อย่างดี ผลงานที่ได้จากการไปเที่ยวครั้งนั้นกลายเป็นอัลบั้ม The One And Only อัลบั้มที่ทำให้หวังลี่หงคว้ารางวัล Producer Of The Year, Composer Of The Year กับ Song Of The Year (จากเพลง THe One And Only)
ต่อมา หวังลี่หง ได้ออกอัลบั้มตามมาหลายชุดอย่าง Unbelievable, Shangri-la จนประสบความสำเร็จ ไม่แพ้ F4 หรือ Jay Chou ร่วมสังกัดคือ SONY BMG และยังได้ถ่ายโฆษณาสินค้าในเมืองไทย กับศิลปินหญิงอันดับ 1 ของเมืองไทย อย่าง ทาทา ยัง อีกด้วย นอกจากนี้ เพลงฮิตของเขายังเข้าตาศิลปิน Jazz Kenny G จนนำไป Arrange ใหม่และรวมไว้ในอัลบั้มใหม่ของเขาอีกด้วย
ล่าสุด หวังลี่หง ออกอัลบั้มใหม่ล่าสุด กับ 10 เพลงใหม่ เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรก Hua Tian Cuo และจะตามมาด้วยเพลงซึ้งอย่าง Kiss Goodbye นอกจากนี้ ยังมี ศิลปินรับเชิญสุดฮ็อตอย่าง RAIN และ Lim Jeonghee จากเกาหลีอีกด้วย
ทราบหรือไม่ ?
- หวังลี่หง เป็นคนถนัดซ้าย
- ชุดแรกที่ หวังลี่หง ได้ฟังเป็นอัลบั้ม Forgettable Waters ของ หลิวเต๋อหัว ตอนนั้น หวังลี่หง อายุ 17 ปี
- เพื่อนสนิทของ หวังลี่หง ในวงการเพลงมี เดวิด ถาว (หรือ Tao Gertz ศิลปินจีนที่มาจากคานาดา), Shunza, โคโค่ ลี, อีสัน, เจฟฟ์ ชาง, เมวิส แฟน, วิลเลียม โซ, ปีเตอร์ โฮ และ วิเวียน ฉู่
- หวังลี่หง มีนิสัยการทำงานประหลาด ๆ อยู่บ้าง ก่อนบันทึกเสียงเขาจะต้องแปรงฟันทุกครั้ง แล้วก็จะต้องติดเนื้อเพลงตัวหนังสือใหญ่ ๆ ไว้ทั่วผนังสตูดิโอ
- หวังลี่หง ชอบใส่รองเท้าโดยไม่ใส่ถุงเท้า
- หวังลี่หง มีสตูดิโอเป็นของตัวเองอยู่ที่นิวยอร์คชื่อโฮมบอย สตูดิโอ
- รักครั้งแรกของ หวังลี่หง เกิดขึ้นตอนที่เขาอายุ 13 ครั้งที่สองอายุ 15 แต่ทั้งสองครั้งเป็นความรักแบบเด็ก ๆ
- เขามีความรักจริงจังตอนอายุ 17 เขาถือว่าคนนั้นเป็นแฟนคนแรก ปัจจุบันถึงเลิกกันไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เธอยังมาช่วยร้องประสานเสียงให้เขาด้วยในเพลง I Want เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม....ปี 02
- หวังลี่หง เคยร้องดูเอ็ตคู่กับศิลปินหญิงมากมาย อาทิ Cass Phang ในเพลง Let Me Have Some Warmth ในอัลบั้ม Passionate Love ของ Cass เมื่อปี 1999 รวมทั้งกับ ลาร่า ฟาเบียง ศิลปินสาวจากเบลเยียมในเพลง Light Of My Life จากอัลบั้ม Lara Fabian ซึ่งออกขายเมื่อปี 2000
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ