กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--โพลีพลัส พีอาร์
รศ.ดร.จีรเดช อู่สวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการบริหารนโยบาย กล่าวถึง ปรัชญาของปัญญาสมาพันธ์ฯ (แสดงความอิสระทางวิชาการของงานวิจัยจากการสนับสนุนทางการเงิน) การได้รับการสนับสนุนจาก ซีพี ออลล์และภาพรวมของการดำเนินงาน และความคืบหน้าของผลงานในปี 2552
ปัญญาสมาพันธ์เพื่อการวิจัยความเห็นสาธารณะแห่งประเทศไทย คือการรวมตัวของนักวิชาการจากสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศ ในนามของ “ปัญญาสมาพันธ์เพื่อการวิจัยความเห็นสาธารณะแห่งประเทศไทย” ในการที่จะร่วมมือกันศึกษาวิจัย และสำรวจความคิดเห็นของประชาชนไทยที่มุ่งเน้นการนำไปขยายผลเพื่อการสร้างสรรค์สังคมไทย
ปัจจุบันระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวตามสถานการณ์ภายนอกและภายในระบบฯ อย่างรวดเร็ว และเป็นการยากที่จะคาดเดาได้ว่า การเปลี่ยนแปลงของการปรับตัวไปในทิศทางใด ด้วยขนาดและผลกระทบมากน้อยเพียงใด
ในสังคมสมัยใหม่การประเมินผลกระทบของเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถตรวจสอบได้จากการสำรวจทัศนคติของประชาชน ในการนี้ การใช้หลักวิชาการทางสถิติก้าวหน้ามากถึงขั้นที่มีความแม่นยำต่อการคาดการณ์อนาคตสั้นๆ ว่า ประชาชนมีทัศนคติต่อเหตุการณ์ต่างๆ และมีทางเลือก (choice) อย่างไรบ้าง
ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์คณะบุคคล ที่ประกอบด้วยนักวิจัย และนักวิชาการจากหลากหลายสถาบันอุดมศึกษา ได้เห็นพ้องต้องกัน ในอันที่จะช่วยวางระบบการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่สามารถรองรับการทำวิจัยความเห็นสาธารณะในยุคข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว มีความถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำตามหลักวิชาการและหลักสถิติ
ปัญญาสมาพันธ์ฯ จึงมีภารกิจหลัก คือ
1. สร้างสรรค์ผลการศึกษาวิจัยที่จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
2. แก้ไขข้อจำกัดสำคัญๆ ในการทำวิจัยความเห็นสาธารณะที่สำคัญๆ คือ
กลุ่มตัวอย่างต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ในเวลาที่รวดเร็ว
การกระจายของกลุ่มตัวอย่างได้ทั่วถึง
3. ทำการสำรวจภายใต้หลักวิชาการที่แท้จริงและมีความเป็นกลาง
โดยมีหลักการสำคัญ 3 ประการคือ
1. มีหลักวิชาการที่แท้จริงในเชิงสถิติ และในการประยุกต์ใช้ทฤษฎีข้อมูลข่าวสาร
2. วางแนวทางการสำรวจ การประมวลผล การวิเคราะห์ การออกรายงาน และเผยแพร่ผลการศึกษาอย่างถูกต้อง
ตามหลักวิชา และดำรงตนเป็นกลางอย่างแท้จริง
สิ่งที่คาดหวัง
1. เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ที่สะท้อนถึงความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนไทยอย่างแท้จริงเพื่อให้ผู้ใช้ข้อมูลสามารถเข้าถึงข้อเท็จจริงในแหล่งที่มาของข้อมูล และมีความมั่นใจในการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิงในประเด็นที่สอดคล้อง
2. เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาการทำวิจัยความเห็นสาธารณะร่วมกันของนักวิชาการ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมทางด้านการทำวิจัยความคิดเห็นของประชาชนไทย
โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศาสตร์ทางด้านการสำรวจความเห็นสาธารณะสำหรับประเทศไทยในด้านต่างๆ เพื่อสร้างฐานข้อมูลทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนในการนำไปเป็นแนวทางในการการวางแผน หรือกำหนดนโยบาย
ปัจจุบันปัญญาสมาพันธ์ฯ ประกอบด้วย สถาบันอุดมศึกษา 10 แห่ง
1. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
2. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
4. สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์
5. มหาวิทยาลัยรังสิต
6. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
7. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
8. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
9. มหาวิทยาลัยมหิดล
10. มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ทั้งนี้ ปัญญาสมาพันธ์ฯ ได้รับการสนับสนุนจาก บมจ. ซีพี ออลล์ โดยไม่มีเงื่อนไข และไม่มีส่วนในการกำหนดแนวทางนโยบาย เพื่อให้ปัญญาสมาพันธ์ฯ มีการทำงานอย่างเป็นอิสระ โดยมีรูปแบบของการสนับสนุน ดังนี้
1. สนับสนุนการศึกษาและวิจัยความคิดเห็นของประชาชนไทยที่มีต่อประเด็นต่างๆ
2. อนุเคราะห์ให้ใช้สถานที่บริเวณหน้าร้านสาขาในการเก็บข้อมูลการศึกษาวิจัยความคิดเห็นของประชาขน
3. สนับสนุนการเผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยความคิดเห็นของประชาชนไทย โดยมุ่งเน้นประโยชน์ต่อสาธารณชนเป็นสำคัญ
ด้วยภารกิจและเป้าหมายดังกล่าว การดำเนินการของปัญญาสมาพันธ์ฯ ไม่อาจจะสำเร็จลุล่วงได้หากขาดการสนับสนุนจากบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและที่สำคัญคือสื่อมวลชน ในการสนับสนุนด้านต่างๆ อาทิ ทุนสนับสนุน และการช่วยประชาสัมพันธ์ให้เกิดความร่วมมือในการบรรลุเป้าหมายของปัญญาสมาพันธ์ฯ ต่อไป