กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มปิดเพิ่มขึ้น จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง + ราคาน้ำมันก็ Rebound กลับขึ้นมาพอสมควร หลังตัวเลขเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐและยูโรโซนออกมาเมื่อคืนนี้ กระตุ้นให้นักลงทุนเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — ADX < 20 บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD 30 นาทีอยู่ในแดนบวกแต่กำลังเคลื่อนตัวลง ทำให้ราคาดูลงอยู่เล็กน้อย, MACDF อยู่ใกล้ 0 ทำให้ดูเป็นตลาด Sideways, Fast Stochastic กำลังเคลื่อนตัวลงและทำให้ราคาดูลงอยู่เล็กน้อยในช่วงต้นของวัน, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 59.638 ถือเป็นระดับ Neutral และไม่บ่งบอกถึงทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็นตลาด Sideways ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $916-$930 ส่วนค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿34.08-฿34.21
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - Directional Index บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นขาลง, RSI อยู่ที่ระดับ 36.045 ถือเป็นระดับ Oversold และราคายังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, MACD เคลื่อนตัวเข้าสู่แดนลบและดูได้เป็นสัญญาณการกลับตัวสู่ขาลง, MACDF อยู่ในแดนลบและทำให้ดูราคาเป็นขาลง, Fast Stochastic ระดับวันเคลื่อนขึ้นจากระดับ 20 และดูได้ว่าราคาอาจปรับตัวขึ้นในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาดขาลง โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $912
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,000 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,010 หรือที่ $924.85) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 10 บาท ขณะที่ราคาของ GFM09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 14,980 บาท จะมีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 30 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะซื้อ (Long) GFM09 แล้ว ขาย (Short) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 30-10 = 20 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
Moody’s — ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของสหรัฐไว้ที่ Aaa โดยให้เหตุผลว่าตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ยังคงต้องจับตามองในเรื่องของการก่อหนี้ภาครัฐและอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินดอลลาร์ต่อไป
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0214 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4073 จากที่ปิด $1.3859 เมื่อวันก่อนหน้า หลังตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของยุโรปดีขึ้นกว่าเดือนที่แล้ว แม้น้อยกว่าคาดเล็กน้อย แต่ในภาคบริการกลับแย่ลงกว่าเดือนก่อนหน้าและแย่กว่าคาดด้วย ส่วนตัวเลขยอดสินเชื่อบ้านของอังกฤษปรับเพิ่มสูงขึ้น 3.1 หมื่นล้านปอนด์ มากกว่าที่คาดไว้ที่ 2.9 หมื่นล้านปอนด์และมากกว่าเดือนที่แล้วที่อยู่ที่ 2.77 หมื่นล้านปอนด์ ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย -$0.0001 มาที่ $1.4074
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทปิดอ่อนค่าลง +2 สต. มาอยู่ที่ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 34.11 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า โดยเป็นการแข็งค่ากลับขึ้นมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ในช่วงค่ำ ขณะที่เช้านี้เงินบาทได้อ่อนค่าลงมาอีก +2 สต. มาที่ 34.15 บาทต่อดอลลาร์ โดยวันนี้มีแนวรับสำคัญที่ 34.08 บาทและ 34.04 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.21 บาทและ 34.30 บาท
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — ยอดค้าปลีกสหรัฐไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 0% แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า พบว่าลดลง -0.9% ลดลงน้อยกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ลดลง -1.5% YoY ส่วนยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงที่ 2.4% มาที่ 4.77 ล้านหน่วย จาก 4.68 ล้านหน่วย ในเดือนก่อนหน้า
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) — เจ้าหน้าที่ระดับสูง ECB ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ECB ไม่เหลือช่องว่างให้ลดดอกเบี้ยนโยบายได้อีก ขณะเดียวกันก็จะไม่มีมาตรการเพิ่มเติมในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน แต่จะใช้การบริหารปริมาณเงินในระบบแทน
ปัจจัยลบ
ราคาน้ำมัน — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค. Rebound ขึ้นมาปิดเพิ่มขึ้น +$1.90 มาปิดที่ $69.24 ต่อบาร์เรล จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังร่วงมาแรงในวันก่อนหน้า ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค.ร่วงลงราว -$0.58 มาอยู่ที่ $68.66 ต่อบาร์เรล หลังคาดว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบจะลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ในคืนนี้
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) — รายงานสัปดาห์ล่าสุด บ่งบอกถึงการถือทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง 20 ล้านยูโร
TARP’s - มีธนาคารขนาดเล็ก 3 แห่งที่ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่รัฐบาลสหรัฐตามโครงการปล่อยกู้เพื่อฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินของสหรัฐ โดยมีกำหนดชำระเป็นรายไตรมาส
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 23 มิ.ย.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,131.24 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36.37 ล้านออนซ์
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) — นักลงทุนกำลังรอฟังผลการประชุมของ FED ในคืนนี้ คาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% ต่อไป
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) — ตลาดรอดูผลการซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 ปีครั้งแรกของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันคืนนี้ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ภาคธนาคารปล่อยกู้อีกครั้ง และปรับลดต้นทุนในการกู้ยืมสำหรับภาคธนาคาร ภาคเอกชน และผู้บริโภค ส่วนพันธบัตรอายุที่เหลือไม่เกิน 5 ปี จะมีการซื้อคืนราว 6 หมื่นล้านยูโร (8.4 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนหน้า
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com