1.5 ล้านผู้โดยสารแห่ใช้รถไฟฟ้าส่วนขยายสีลม พบปัญหาระบบอาณัติสัญญาณไม่เชื่อมกัน

ข่าวทั่วไป Thursday June 25, 2009 10:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--กทม. รถไฟฟ้า กทม.ส่วนต่อขยายสีลมจาก 15 พ.ค.ที่เปิดให้บริการผู้โดยสารแห่ใช้กว่า 1.5 ล้านคน ปัญหาหลักคือระบบอาณัติสัญญาณที่ต้องเชื่อมระบบเก่าและใหม่ แต่อนาคตไม่มีปัญหาเนื่องจากเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ทั้งหมด ส่วนคอขวดที่สถานีตากสินแก้ไขด้วยการวิ่งรถเปล่ารับผู้โดยสาร และสิ้นปีนี้เพิ่มรถไฟฟ้าอีก 12 ขบวน ส่วนระยะยาวกำลังจ้างที่ปรึกษาหาแนวทางขยายคอขวดดังกล่าวเพิ่มความถี่และรองรับส่วนขยายบางหว้า 24 มิ.ย.52 เวลา 10.30 น. ณ บ.กรุงเทพธนาคม จำกัด อาคารต้นสนทาวเวอร์ ถ.เพลินจิต มีการแถลงข่าว 3 ฝ่าย คือ กรุงเทพมหานครโดยสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด และบริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด เรื่อง สรุปปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขการเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม 2.2 กิโลเมตร ตั้งแต่เปิดเดินรถเมื่อ 15 พ.ค.52 จนถึงปัจจุบัน ผู้โดยสารรวมนับจาก 15 พ.ค.52 กว่า 1.5 ล้านคน นายจุมพล สำเภอพล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง เปิดเผยถึงผลการเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม 2.2 กิโลเมตร ตั้งแต่เปิดเดินรถเมื่อ 15 พ.ค.-22 มิ.ย.52 มีผู้โดยสารใช้บริการรวม 1,547,651 ราย แบ่งเป็นสถานีกรุงธนบุรี S7 จำนวน 532,668 คน สถานีวงเวียนใหญ่ S8 จำนวน 1,014,983 เฉลี่ยต่อวันในวันจันทร์-ศุกร์ รวม 44,799 ราย วันเสาร์-อาทิตย์ รวม 28,173 คน ระยะเวลาเข้าออกสถานีของขบวนรถไฟฟ้าช่วงเวลาเร่งด่วน เฉลี่ย 4 นาที ช่วงเวลาปกติ 4.50 นาที โดยพบว่าผู้ที่เคยใช้บริการเรือข้ามฟากเข้ามาอยู่ในระบบของกรุงเทพมหานครกว่า 10,000 คน ปัญหาอุปสรรคหลักๆ คือระบบอาณัติสัญญาณไม่เชื่อมโยง ปัญหาอุปสรรคหลักของการเปิดเดินรถคือระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่งรถไฟฟ้าบีทีเอสเดิมใช้อาณัติสัญญาณของซีเมนต์ แต่รถไฟฟ้าใหม่ใช้ระบบของบอมบาร์ดิเอร์ ทำให้ต้องเสียเวลาในการเปลี่ยนระบบที่สถานีสุรศักดิ์ 1 นาที อีกทั้งระบบอาณัติสัญญาณบอมบาร์ดิเอร์อยู่ระหว่างทดสอบ ส่งผลให้การเดินรถไม่เป็นไปตามตารางเวลาที่กำหนด ทำให้ผู้โดยสารสะสมที่สถานีสยาม สถานีศาลาแดง และสถานีสุรศักดิ์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น แต่ทั้งนี้ในอนาคตอันใกล้ทางรถไฟฟ้าบีทีเอสเดิมก็จะเปลี่ยนระบบใหม่เป็นบอมบาร์ดิเอร์ทั้งหมด ทำให้ระบบสามารถเชื่อมต่อกันได้ไม่ต้องเปลี่ยนระบบ และมั่นใจได้ว่าภายในเดือน ส.ค.52 ระบบต่างๆ ก็จะเข้าที่และสมบูรณ์ จากนั้นจะเริ่มเก็บค่าโดยสารในระยะทางที่ต่อขยายต่อไป จัดรถเปล่าวิ่งรับผู้โดยสารช่วงเวลาเร่งด่วน ปลายปีเพิ่มรถอีก 12 ขบวน ด้าน ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายในช่วงแรกมีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อระบบอาณัติสัญญาณ เนื่องจากบอมบาร์ดิเอร์ได้บรรจุระบบป้องกันไว้ในซอฟแวร์เพื่อความปลอดภัยอย่างเต็มที่ทำให้ต้องใช้เวลาในการเชื่อมระบบ แต่ระยะต่อไปก็จะเริ่มปลดระบบป้องกันและเพิ่มความถี่ของขบวนรถได้มากขึ้น นอกจากนั้นบริเวณสถานีตากสินมีรางวิ่งเพียงรางเดียวทำให้เกิดสภาพคอขวด ขบวนรถไฟฟ้าที่เข้าออกสถานีต้องหยุดรอสับหลีก บีทีเอสจึงแก้ปัญหาด้วยการจัดขบวนรถให้วิ่งตลอดเส้นทางสายสีลมโดยไม่ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายของผู้โดยสารและจัดรถเสริมในเวลาเร่งด่วนโดยวิ่งรถเปล่าจากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติมายังสถานีสุรศักดิ์แล้วตีรถกลับเพื่อเริ่มรับผู้โดยสารตกค้างจากสถานีช่องนนทรีจนสิ้นสุดสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ เป็นการระบายผู้โดยสารจากสถานีศาลาแดงและสถานีราชดำริที่จะเดินทางไปยังสถานีสยามในช่วงเวลาเร่งด่วนด้วย และในปลายปี 52 นี้ทางบีทีเอสจะเพิ่มจำนวนขบวนรถไฟฟ้าใหม่อีก 12 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ จะทำให้รับผู้โดยสารได้มากขึ้นในความถี่เท่าเดิม นอกนั้นในอนาคตหากจำนวนผู้โดยสารมากขึ้นอีกก็สามารถเพิ่มตู้ในแต่ละขบวนได้เป็น 6 ตู้ ศึกษาแก้ไขคอขวดสถานีตากสิน เป็นไปได้ว่าอาจขยายสะพานสาทรทำเป็นรางคู่ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาระยะยาว กทม.ได้ศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคอขวดของสถานีตากสิน เดิมจะใช้วิธีการยกเลิกสถานีตากสิน แต่เนื่องจากปัจจุบันเป็นสถานีเชื่อมต่อการเดินทางที่สำคัญ ทั้งทางบกและทางน้ำ จึงยกเลิกแนวคิดนี้ แต่จะจ้างที่ปรึกษาออกแบบขยายคอขวดโดยขยายสะพานสาทรทั้งขาเข้าและขาออก ให้สามารถก่อสร้างรางรถไฟฟ้าได้ทั้งไปและกลับ แต่ต้องพิจารณาโครงสร้างและรูปแบบวิศวกรรมของสะพานสาทรด้วย ทั้งนี้นอกจากดำเนินการเพื่อรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังรองรับส่วนต่อขยายไปบางหว้าด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ