กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มปิดเพิ่มขึ้น จากราคาทองคำแท่งที่ขยับเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาเมื่อคืนนี้ สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง กระตุ้นให้นักลงทุนเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อเก็งกำไรมากขึ้น
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Index บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นขาลง, MACD 30 นาทีอยู่ในแดนบวกแต่กำลังเคลื่อนตัวลง ทำให้ราคาดูลงอยู่เล็กน้อย, MACDF อยู่ในแดนลบและทำให้ราคาดูเป็นขาลง, Fast Stochastic เคลื่อนตัวใกล้ 50 ถือเป็นระดับ Neutral และไม่บ่งบอกถึงทิศทางที่ชัดเจน, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 59.638 ถือเป็นระดับ Neutral และไม่บ่งบอกถึงทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็นตลาด Sideways ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $921-$942 ส่วนค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿34.05-฿34.20
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - ADX < 20 บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 43.808 ถือเป็นระดับ Oversold อยู่เล็กน้อยและทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, MACD เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 แสดงถึงตลาด Sideways, MACDF อยู่ในแดนลบและทำให้ดูราคาเป็นขาลง, Fast Stochastic ระดับวันเคลื่อนขึ้นจากระดับ 20 และดูได้ว่าราคาอาจปรับตัวขึ้นในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาดขาลง โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $912
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,100 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,110 หรือที่ $931.55) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 10 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,300 บาท จะมีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 190 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 190+10 = 200 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงคุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสา
รสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 1.8% สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะ -0.5% ส่วนยอดขายบ้านใหม่สหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงที่ 2.4% มาที่ 4.77 ล้านหน่วย จาก 4.68 ล้านหน่วยในเดือนก่อนหน้า ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในครึ่งปีหลัง จากการลงทุนและการบริโภคที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานที่ยังคงแนวโน้มที่จะขยับขึ้นเกิน 10% และภาวะสินเชื่อที่ยังตึงตัวจะเป็นตัวถ่วงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0149 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.3928 จากที่ปิด $1.4077 เมื่อวันก่อนหน้า หลัง ECB ประกาศอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบกว่า 4.42 แสนล้านยูโร ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์เริ่มอ่อนค่ากลับลงมา +$0.0032 มาที่ $1.3960
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทปิดแข็งค่าขึ้น -3 สต. มาอยู่ที่ 34.10 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 34.13 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า โดยเป็นการแข็งค่าจากเงินทุนไหลเข้ามายังตลาดทุน ขณะที่เช้านี้เงินบาทได้อ่อนค่าลงมา +2 สต. มาที่ 34.12 บาทต่อดอลลาร์ โดยวันนี้มีแนวรับสำคัญที่ 34.05 บาทและ 34.00 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.20 บาทและ 34.30 บาท
ปัจจัยลบ
FED - แถลงลงมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นใกล้ระดับ 0% ตามความคาดหมาย และไม่มีการเปลี่ยนแปลงในกำหนดเวลาและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนองของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนแม้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มอ่อนแอไปอีกระยะหนึ่ง แต่อัตราการหดตัวกำลังชะลอลง นอกจากนี้ FED ยังระบุว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) — ประกาศให้กู้ยืมกับธนาคารยุโรปที่ขาดสภาพคล่องเพื่อปล่อยกู้และเพื่อรีไฟแน้นซ์แก่ระบบเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนผ่านตลาดซื้อคืนพันธบัตรมูลค่าราว 4.42 แสนล้านยูโร อัตราดอกเบี้ย 1% เท่านั้น ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากเป็นประวิติการณ์และมากกว่าที่โพลรอยเตอร์สำรวจไว้ที่ราว 3 แสนล้านยูโรเท่านั้น เพื่อกระตุ้นให้ภาคธนาคารปล่อยกู้อีกครั้ง และปรับลดต้นทุนในการกู้ยืมสำหรับภาคธนาคาร ภาคเอกชนและผู้บริโภค
ราคาน้ำมัน — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค. ร่วงลง -$0.57 มาปิดที่ $68.67 ต่อบาร์เรล หลัง EIA ของสหรัฐเผยปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.8 ล้านบาร์เรล มาที่ 353.9 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินกลับเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล มาที่ 208.9 ล้านบาร์เรลและอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 1.2% สู่ 87.1% ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค.ร่วงลงอีก -$0.27 มาอยู่ที่ $68.40 ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 24 มิ.ย.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,131.24 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36.37 ล้านออนซ์
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — สหรัฐเตรียมประกาศตัวเลข GDP 1Q09 + จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการจ้างงานใหม่ + ปริมาณสำรองแก๊สธรรมชาติและผลการประมูลพันธบัตรอายุ 7 ปีในคืนนี้
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) — ตลาดรอดูผลการซื้อคืนพันธบัตรอายุที่เหลือไม่เกิน 5 ปี ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการซื้อคืนราว 6 หมื่นล้านยูโร (8.4 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนหน้า
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source: Bloomberg
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com