บทวิจัยแนวโน้มตลาดทองคำ ประจำวันที่ 26มิ.ย.- 3ก.ค. 52 โดย YLG Bullion International

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 26, 2009 15:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น ราคาทองคำในช่วงต้นของสัปดาห์ปรับลดลงจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังอังกฤษกำลังจะเปลี่ยนแปลงคำนิยามของLIBOR เพื่อให้มีจำนวนสถาบันมากขึ้นในเข้าร่วมในกระบวนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยรายวันได้ ซึ่งอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนในการลงทุนในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้ง การที่ World Bank ได้ออกมาปรับแนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมาอยู่ที่ -2.9 จากที่เคยคาดการก่อนหน้านี้ไว้ที่ -1.7 ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงอย่างหนักในวันก่อน รวมทั้งตัวเลขยอดขายบ้านมือสองที่เพิ่มขึ้น + ยอดค้าปลีกลดลงในอัตราชะลอลง ทั้งสหรัฐและยุโรปบอกว่าไม่มีความจำเป็นในการใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป + Moody's คงอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ US ที่ Aaa ยิ่งเป็นการกระตุ้นความต้องการเสี่ยงเพิ่มขึ้น และทำให้นักลงทุนหันมาหาดอลลาร์สหรัฐในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย นอกจากนี้ IMF ยังได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสสหรัฐในการขายทองคำแท่งจำนวน 403 ตัน เรียบร้อยแล้ว โดย IMF จะทยอยขายออกที่ละส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาทองคำในตลาดโลกมากนัก เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง และกองทุน ETF ของ SPDR Gold Trust ก็ปรับลดปริมาณทองคำลง0.91 ตัน รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,131.24 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36.37 ล้านออนซ์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ราคาทองคำลดลง ราคาทองคำในช่วงกลางของสัปดาห์ดีดตัวขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของยุโรปดีขึ้นกว่าเดือนที่แล้ว แม้น้อยกว่าคาดเล็กน้อย แต่ในภาคบริการกลับแย่ลงกว่าเดือนก่อนหน้าและแย่กว่าคาดด้วย ส่วนตัวเลขยอดสินเชื่อบ้านของอังกฤษปรับเพิ่มสูงขึ้น 3.1 หมื่นล้านปอนด์ มากกว่าที่คาดไว้ที่ 2.9 หมื่นล้านปอนด์และมากกว่าเดือนที่แล้วที่อยู่ที่ 2.77 หมื่นล้านปอนด์ อีกทั้งราคาน้ำมันน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค. ก็ Rebound กลับขึ้นมาปิดเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐและยูโรโซนออกมาเมื่อคืนนี้ กระตุ้นให้นักลงทุนเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ราคาทองคำในช่วงปลายของสัปดาห์ดีดตัวขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง รวมทั้งดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก กระตุ้นให้นักลงทุนเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อเก็งกำไรมากขึ้น โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.8% สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะ -0.5% ส่วนยอดขายบ้านใหม่สหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงที่ 2.4% มาที่ 4.77 ล้านหน่วย จาก 4.68 ล้านหน่วยในเดือนก่อนหน้า ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในครึ่งปีหลัง จากการลงทุนและการบริโภคที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานที่ยังคงแนวโน้มที่จะขยับขึ้นเกิน 10% และภาวะสินเชื่อที่ยังตึงตัวจะเป็นตัวถ่วงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป นอกจากนี้ ทางจีนยังออกมาประกาศเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองประเทศเพื่อหนุนค่าเงินหยวน และบอกต่อว่าการซื้อที่ดินของสหรัฐนั้นเป็นการลงทุนที่ดีกว่าเข้าซื้อพันธบัตร ซึ่งเป็นการเพิ่มปัจจัยบวกให้กับทองคำถึง 2 อย่าง โดยอย่างแรกคือการเพิ่มอุปทานให้กับทองคำจากการเข้าซื้อโดยตรง และการกดดันพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐซึ่งเปรียบเสมือนการกดดันดอลลาร์สหรัฐไปในตัว การประกาศของจีนสองอย่างนี้ได้เพิ่มปัจจัยบวกให้กับทองคำเป็นอย่างมาก รวมทั้งราคาน้ำมันที่ขยับเพิ่มสูงขึ้น หลังกลุ่มกบฏไนจีเรียได้ก่อเหตุวินาศกรรมต่อท่อส่งน้ำมันของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ + นายรอยเมสัน นักวิเคราะห์ของบริษัทออยล์ มูฟเมนท์ส เผยว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบทางทะเลของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ไม่รวมแองโกลาและเอกวาดอร์ จะร่วงลง 2.9 แสนบาร์เรลต่อวันในช่วง 4 สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ก.ค. กลยุทธ์การลงทุน หากนักลงทุนต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้สูงให้เล่น Long โดยคาดว่าการ Correction ได้สิ้นสุดลงแล้ว หากต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้เล่น Range trading ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $932-$942 หากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้สูงให้ท่านหาจังหวะเล่น Long โดยคาดว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อไปจนถึง High เดิมล่าสุดที่ $990 โดยปรับฐานต่ออีกเพียงเล็กน้อย หากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้รอดูทิศทางตลาดอีกระยะหนึ่ง Outlook ราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะเจอกับความผันผวนที่น้อยลง เนื่องจากช่วงที่ราคาปรับฐานดูเหมือนจะสิ้นสุดลง แนวรับที่ $912 จะเป็นแนวรับทางเทคนิคที่สำคัญและคาดว่าราคาจะไม่สามารถยืนอยู่ต่ำกว่าระดับนี้ได้ ทว่าหากราคาปรับตัวต่ำกว่า $912 ได้แนวรับต่อไปของสัปดาห์หน้าจะอยู่ที่ระดับ $900 และ $880 ตามลำดับ ทองคำระยะสัปดาห์ดูเป็นตลาด sideways และราคาจะเคลื่อนตัวขึ้นลงระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $912 และ $942 หากสามารถยืนเหนือ 942 ได้เป้าราคาต่อไปจะเป็นที่ระดับ 960 และจะมองว่าการปรับฐานได้สิ้นสุดลงและทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อ ทว่าความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ดูไม่มากนัก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ