กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--ปภ.
ไคตั๊ก อ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนก่อนเข้าไทย แต่ยังส่งผลให้เกิดฝนตกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ภาคเหนือระวังพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย สั่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ 24 ชั่วโมง
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวถึง พายุไต้ฝุ่นไคตั๊กว่าขณะนี้ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 620 กิโลเมตร มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวมาทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนืออย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในวันที่ 2 พฤศจิกายน นี้ แต่จะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีอากาศเย็นและแห้งจากประเทศจีนลงมาปะทะ อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของไคตั๊กจะส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2548 และคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
นอกจากนี้ ขอให้เกษตรกร บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน ระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลิตผลทางการเกษตรที่ตากไว้ เนื่องจากมีแนวลมพัดสอบพาดผ่านอยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งทำให้มีฝนตกในระยะนี้ เพื่อเป็นการเตรียมป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดจากสภาวะอากาศดังกล่าว กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกัน ฯ และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ แจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับสภาวะอากาศ การดูแลสุขภาพและพืชผล ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดขอให้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงและเตรียมรับสถานการณ์ หากเกิดสถานการณ์ภัย ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนแผนป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของจังหวัด อำเภอ/กิ่งอำเภอ เพื่อสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที รวมทั้งให้รายงานสถานการณ์ การให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นให้สำนักงานเลขานุการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทราบทุกระยะจนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด--จบ--