“กล้าใหม่...ใฝ่รู้” มัธยมฯ ร่วมย้อนรอยประวัติศาสตร์ สานฝันเมืองเพชร

ข่าวทั่วไป Thursday July 2, 2009 11:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--มูลนิธิสยามกัมมาจล “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ” หากหยิบสำนวนนี้มาใช้คงไม่ถึงขั้นตกเทรนด์ หรือล้าสมัย (แม้ถ้อยคำฟังแล้วจะไม่เข้ากับยุคนี้เลยก็ตาม) เพราะสิ่งใดหากได้ลองลงมือทำหรือสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ก็น่าจะช่วยให้รู้แจ้งและกระตุ้นการเรียนรู้ได้ดีกว่ารอให้คนอื่นมาบอก หรือแค่เห็นแต่ไม่เคยทำ ถ้าเป็นอย่างนั้นความเชี่ยวชาญ ชำนาญ และความเข้าใจต่อเรื่องต่างๆ คงไม่เกิด ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จึงจัดค่าย “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ระดับมัธยมศึกษา ปี3 ตอนร้อยเรื่องเมืองเพชรฯ ขึ้น เพื่อให้เยาวชนมีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตนเอง ผ่านกระบวนการเรียนรู้นอกตำราเรียน ด้วยการเข้าไปศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่ถักทอเป็นเรื่องราวของคนเมืองเพชรมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีนักเรียน 46 คน พร้อมคณะอาจารย์อีก 24 คน จาก 24 โรงเรียนทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดค่ายครั้งนี้ว่า เป็นการเติมทักษะชีวิตนอกห้องเรียนให้แก่เยาวชน ด้วยการเรียนรู้จากชีวิตจริงซึ่งไม่แบ่งว่าเป็นวิชาอะไร แต่วิชาชีวิตผนวกเอาทุกเรื่องทุกวิชาเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นสามารถวัดได้ว่าเยาวชนสามารถนำความรู้มาใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่ เพราะที่สุดแล้วเยาวชนต้องรู้จักนำความรู้จากตำรามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน มิเช่นนั้นจะไม่ก่อประโยชน์ ทั้งนี้ อยากให้ผู้ร่วมกิจกรรมฝึกตั้งคำถามกับเรื่องราวรอบตัว ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและช่างสงสัย เพราะการตั้งคำถามจะเป็นเส้นทางนำความรู้ ทั้งยังช่วยเปิดจิตนาการ และกระตุ้นการรับรู้ของทุกคนได้ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักเรียนทุกคนจะตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้กลับไปเผยแพร่สื่อความแก่คนอื่นๆ ส่วนคณะอาจารย์จะสามารถเชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ และปรับประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนต่อไปได้ เมื่อทุกคนมาพร้อมเพรียงกัน ณ จุดระดมพลจุดแรก พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เส้นทางการเรียนรู้จึงเริ่มเปิดออก ประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการเงินตรา กว่าจะมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่รวดเร็วและทันสมัยเช่นปัจจุบันเป็นสิ่งหนึ่งที่ชวนค้นหา ตลอดจนเรื่องราวทางประวิติศาสตร์ที่ถูกบันทึกอยู่บนธนบัตรสมัยต่างๆ แม้แต่เส้นทางกำเนิด “แบงก์สยามกัมมาจล” ธนาคารแห่งแรกของไทย จนมาเป็น ธนาคารไทยพาณิชย์ (Siam Commercail Bank) หรือ SCB แห่งนี้ ถือเป็นต้นแบบของธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ ซึ่งคงอยู่มากว่าร้อยปี ริมชายหาด อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดประตูต้อนรับผู้ร่วมกิจกรรมอย่างอบอุ่น สถานที่แห่งนี้เป็นตัวแทนความสงบเรียบง่ายในวิถีชีวิตโบราณแบบชาววัง ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่6) หลังเยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ร่วมชมนิทรรศการ และได้รับความรู้จากวิทยากรเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพระราชนิเวศน์ฯ ก็ถึงเวลาแปลงโฉมลงมือพับและนุ่งโจงกระเบนด้วยตนเองให้เข้ากับยุคสมัย งานนี้เยาวชนแสดงท่าทีกระตือรือร้น และสนุกสนานอย่างมาก ความมหัศจรรย์เชิงสถาปัตยกรรมของพระราชนิเวศน์ฯ ตั้งแต่โครงสร้างฐานราก ไปจนถึงช่องลมและหลังคา ออกแบบมาให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมริมทะเลที่ต้องตากแดดลมฝน และซึมซับกลิ่นไอทะเลอยู่ตลอดเวลาเป็นส่วนหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเยาวชนและคณะอาจารย์ เพราะนอกจากตัวอาคารยังคง ความแข็งแรงแล้ว โครงสร้างของพระราชนิเวศน์ฯ ยังสามารถรักษาระดับอุณหภูมิภายในอาคารให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบาย รับความสดชื่นกับลมที่พัดถ่ายเทไปมาได้ตลอดเวลา ความมุ่งมั่น ความพยายามและอดทน รวมถึงสมาธิ ถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มที่ในฐาน วิมานบุษบา ใบเตยสีเขียวแก่นำมาพับเป็นชั้นๆ อย่างตั้งใจกลายเป็นดอกกุหลาบจากใบเตยกลิ่นหอม ซึ่งช่วยดับกลิ่นและสามารถใช้ประดับเพื่อความสวยงาม ส่วน งานตัดกระดาษแรงบันดาลใจจากช่องลม กระดาษสาสี่เหลี่ยมจัตุรัสหลากสีถูกนำมาตัดนิดเจาะหน่อย กลายเป็นลวดลายช่องลมวิจิตรบรรจง สร้างความภูมิใจให้ผู้ร่วมกิจกรรมที่ลงมือตัดแต่งผลงานด้วยตนเองอยู่ไม่น้อย ยิ่งเมื่อทุกคนมีโอกาส นั่งรถรางชมเมืองเพชร เชื่อว่าคงยากที่จะปฏิเสธคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมซึ่งคงร่องรอยไว้ในดินแดนแห่งนี้ ทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนัง และโบราณวัตถุในวัดวาอาราม เช่น วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดพระพุทธไสยาสน์ วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นต้น และสถาปัตยกรรมหลากวัฒนธรรม เช่น สถาปัตยกรรมแบบขอมวัดกำแพงแลง หรือวังบ้านปืน ที่ได้รับอิทธิพลจากยุโรป เป็นต้น การศึกษาเรียนรู้ เพื่อสร้างความเข้าใจคงไม่ได้หยุดอยู่ที่การรับข้อมูลจากผู้รู้เท่านั้น ค่าย “กล้าใหม่... ใฝ่รู้” ยังดึงความมี จิตอาสา ของทุกคนออกมาช่วย “ฟื้นดิน คืนป่า พัฒนาชีวิตด้วยหญ้าแฝก” ที่ ศูนย์การศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่นี่เยาวชนลงมือสกัดหินดินดานด้วยตัวเอง สกัดจนร่วนแล้วลงมือปลูกต้นไม้ พร้อมปรับสภาพดินด้วยหญ้าแฝก ถึงจะเหนื่อยหนักจนบางคนมือปวดระดม แต่งานนี้ไม่มีใครถอย ด้วยหวังว่าจะช่วยพลิกฟื้นให้พื้นที่แห้งแล้ง และแข็งเป็นหินใน จ.เพชรบุรี กลับมาอุดมด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวชอุ่มได้อีกครั้ง หลังจากเดินเท้าสำรวจ “ธรรมชาติบำบัด...พืชขจัดน้ำเสีย” พร้อม “ตรวจวัดคุณภาพน้ำ” ที่ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี แล้ว เยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ได้ลงสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน “ถีบกระดาน ลุยเลน เก็บหอยแครง” ร่วมกับชาวบ้านบางขุนไทรอย่างสนุกสนาน นางสาวพัชรี จิรสุทธิสาร โรงเรียนประจวบวิทยาลัย ถ่ายทอดความในใจว่า ตนไม่ชอบเข้าค่าย ไม่อยากมาค่าย นานๆ ครั้งถึงจะมาร่วมกิจกรรมแบบนี้ ก่อนมาค่ายครั้งนี้ก็ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า แต่หลังจากได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ กลับรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้น เพราะมีโอกาสทำกิจกรรม และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ที่สำคัญตนรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกต้นไม้ เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้ให้คงอยู่บนผืนดินไทย เช่นเดียวกับ นายธัชพงศ์ พัตรสงวน จากโรงเรียนตราษตระการคุณ จ.ตราด ที่บอกเล่าความรู้สึกอย่างกระชับแต่ได้ใจความว่า “ดีใจที่ได้มาร่วมค่ายกล้าใหม่ใฝ่รู้ เพราะทำให้เรารู้จักเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ...” ส่วน นายต่อสกุล พุทธพักตร์ จากโรงเรียนบุญวัฒนา แดนย่าโม ย้ำชัดเจนว่า โดยส่วนตัวชอบเรียนประวัติศาสตร์และใฝ่ฝันอยากเป็นครูอยู่แล้ว ดังนั้นตนจะนำความรู้ และความเข้าใจที่ได้รับจากการร่วมค่ายครั้งนี้ไปถ่ายทอดให้เพื่อนๆ หรือคนรอบข้างรับรู้อย่างแน่นอน เพื่อให้เขาเห็นคุณค่าและเกิดสำนึกในการช่วยอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรมและธรรมชาติให้คงอยู่ ถึงแม้หลายอย่างจะถูกทำลาย แต่คงไม่เสียหายหากเราจะกลับมาเริ่มต้นฟื้นฟูใหม่ อย่างน้อยก็ช่วยยืดเวลาให้สิ่งเหล่านี้คงอยู่ต่อไปได้อีกเล็กน้อยก็ยังดี

แท็ก สานฝัน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ