เรื่องย่อบ้านนาคาเฟ่

ข่าวบันเทิง Thursday July 2, 2009 14:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--กันตนา กรุ๊ป บทประพันธ์ ลำดวนดง ละครเพลงแนวหรรษา ส่งเสริมอาชีพชุมชน และเสริมสร้างสำนึกรักบ้านเกิด ผ่านเรื่องราวความรักของน้องนางบ้านนา กับ ทายาทเศรษฐี ที่มีลำคลอง ท้องทุ่ง และ รถไถเป็นพยาน ดล (น้ำ — รพีภัทร) หนุ่มทายาทเสี่ยเจ้าของกิจการส่งออกแถวหน้า ได้รับโทรศัพท์จากบิดาเรียกตัวให้รีบบินกลับเมืองไทยกะทันหัน เมื่อไปถึงคฤหาสน์ เลิศมหาดำรงสกุล ก็ได้พบว่า เสี่ยดิเรก ผู้เป็นพ่อก็ได้หลบหนีเจ้าหนี้ไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้แต่จดหมายสั่งเสียกับแผนที่อีก 1 ฉบับระบุให้ดล เดินทางไปที่หมู่บ้านโคกสำราญ เพื่อขอความช่วยเหลือจาก ผู้ใหญ่ยิ้ม เพื่อนรัก เมื่อไม่มีทางหลีกเลี่ยง ดลจำต้องเดินทางไปที่โคกสำราญ ในสภาพที่ทรหดเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ก็เพราะหนทางเพื่อไปสู่หมู่บ้านโคกสำราญนั้นทุรกันดารเป็นอย่างมาก แต่ต่อให้ดลวาดภาพโคกสำราญไว้เลวร้ายขนาดไหน ก็ไม่สามารถเทียบได้กับความเป็นจริงที่เขาต้องเผชิญและยอมรับให้ได้ว่าต้องอยู่กับมันไปอย่างไม่มีกำหนด ด้วยความโกรธ เมื่อเขาถึงทางที่พอจะเร่งเจ้ารถคันงามของเขาได้ ดลเหยียบคันเร่งจนสุดและทำให้เจ้ารถคู่ชีพคันงามพุ่งทะยานราวจรวด เกือบจะเสยเข้ากับเกวียนของหลานสาวผู้ใหญ่ยิ้ม นามว่า หวานใจ (กระติ๊บ-ชวัลกร) สาวน้อยบ้านนา อายุ 18 พ่อตายตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่ทิ้งไปทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วหายสาบสูญไป จึงต้องอยู่กับผู้ใหญ่ยิ้มผู้เป็นลุงตั้งแต่เด็ก จึงรักลุงเหมือนพ่อ ถูกฝึกให้ทำทุกอย่างได้เหมือนผู้ชาย รักบ้านเกิดมาก เป็นครูของโรงเรียนโคกสำราญ ในช่วงวิกฤต ดลหักรถหลบควาย จนทำให้เจ้ารถคันงามก็ไปสิ้นฤทธิ์อยู่ที่ใต้ต้นไทรและเขาได้หมดสติลงในทันที แต่อย่างน้อย หวานใจก็พาร่างที่ไร้สติของดลมายังโคกสำราญจนได้ในท้ายที่สุด โคกสำราญเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อันที่จริง การไร้ซึ่งความเจริญนี้มีเหตุผลที่เข้าใจได้ ทั้งนี้ก็เพราะนายชัย เจ้าของโรงงานผลไม้กระป๋องที่ใช้เงินซื้อเสียงจนก้าวมาเป็นอบต. บิดาของบัวตูม (โอ๋-รุ่งระวี) บัวบาน (น้ำหวาน-ลาวัลย์) สองศรีพี่น้อง ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นดาว ได้ใช้ความสามารถทุกวิถีทางที่จะยึดหมู่บ้านนี้ให้มาเป็นของเขาให้ได้ แต่ทั้งนี้หมู่บ้านนี้ก็ยังมีผู้ใหญ่ยิ้มที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้านธรรมดา ที่จะยอมใครได้ง่ายๆ ในอดีต ยิ้มเป็นคนแรกของหมู่บ้านที่ลุยเข้าเมืองหลวงเก็บหอมรอมริบจนเป็นเจ้าของคาเฟ่ที่เริ่มจากเล็กๆจนใหญ่โตที่มีชื่อว่า บ้านนาคาเฟ่ ยิ้มได้พบรักและแต่งงานกับ สาลิกา (ฮันนี่-ภัสสร) หนึ่งในนักร้องแม่เหล็กที่สามารถเรียกแขกเข้ามาฟังเพลงจากเธอจนแน่นขนัดและในคาเฟ่ของเขายังได้ ครูนวล (โย่ง เชิญยิ้ม) ผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าวงลูกทุ่งที่สอนและสร้างนักร้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ อีกทั้งยิ้มยังได้ ทับ (ดอน จมูกบาน) และชู (ชูศรี เชิญยิ้ม) ตลกของคาเฟ่ที่เรียกเสียงหัวเราะจากแขกได้ทุกค่ำคืน ในครั้งนั้น ยิ้มกับลูกน้องต่างเสพสุขกันมากอย่างน่าอิจฉา จนกระทั้งวันหนึ่ง เมื่ออิทธิพลมืดเข้ามาบีบบังคับให้ยิ้มขายคาเฟ่ให้ แต่ยิ้มไม่ยอม แต่ช่างเป็นโชคที่ลูกค้าผู้ร่ำรวยและเมตตาคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเสี่ยดิเรกได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเคลีย์ปัญหาให้จนทำให้เขาและลูกน้องสามารถรอดชีวิตมาได้แต่ก็ลำบากยากจนถึงกับหมดเนื้อหมดตัว และก็เสี่ยดิเรกอีกนั้นเองที่หยิบยื่นเงินก้อนหนึ่งให้กับยิ้ม จนทำให้เขาอพยพลูกน้องกว่าห้าสิบครอบครัวอพยพมาปักหลักปักฐานกันที่หมู่บ้านแห่งนี้ ยิ้มและลูกบ้านของเขาได้เรียนรู้ความจริงที่ว่าเมืองกรุง ที่ดูมีเสน่ห์นั้นแฝงไว้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมและมนุษย์ที่มากไปด้วยกิเลส สังคมชนบทที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติแท้ที่จริงแล้วนั้นคือสังคมที่สมบูรณ์ ที่หล่อหลอมมนุษย์จนมีจิตใจที่ดีงาม ดังนั้น ยิ้มและลูกบ้านของเขาจึงตั้งใจที่จะรักษาให้หมู่บ้านอยู่ในสภาพใกล้ธรรมชาติที่สุด แต่อย่าได้เข้าใจผิดว่าชีวิตในโคกสำราญไร้สีสัน ยิ้มและลูกบ้านที่เป็นลูกหลานของนักร้อง นักดนตรีและตลกต่างก็ช่วยกันได้สร้างบรรยากาศของบ้านนาคาเฟ่ให้เกิดขึ้นทุกคืนวัน จึงเป็นที่เข้าใจได้ถึงความจริงข้อที่ว่าแม้นายชัยจะใช้แผนร้ายประการใด ก็ไม่อาจแผ่อิทธิพลชั่วเข้าสู่หมู่บ้านของผู้ใหญ่ยิ้มได้เลย แต่คนอย่างชัยก็ไม่เคยยอมแพ้ เมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ชัยจึงใช้อำนาจในนามนายกอบต.หาทางกลั่นแกล้งหมู่บ้านของยิ้มทุกวิถีทาง เพื่อบีบให้หมู่บ้านของยิ้มเป็นถิ่นกันดารจนไม่น่าจะมีผู้คนทนอยู่ได้ แต่สิ่งที่แปลกก็คือ แผนการร้ายของชัยไม่อาจทำอันตรายต่อยิ้มและลูกบ้านของเขาให้รู้สึกท้อถอยลงได้เลย ขณะที่ ดล สลบไปเขากำลังฝัน และเป็นความฝันที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ในฝันเขากำลังอยู่ในคลับหรูต่างแดนที่แวดล้อมไปด้วยสาวสวยมากหน้าหลายตา แต่เมื่อแหม่มสาวอ้าปากพูด กลับเอื้อนเอ่ยเป็นภาษาถิ่นอิสานของไทยเราอย่างคล่องปาก พวกฝรั่งก็เว้าลาวกันอย่างอื้ออึงจนทำให้ ดลสติกลับคืนมา เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่ารอบตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยพวกบ้านนอกคอกนา แต่ในขณะที่เขากำลังจะกรีดร้องด้วยความสยดสยอง เสียงแตรวงของผู้ใหญ่ยิ้มที่มารอรับก็แผดเสียงขึ้น แต่ที่สะดุดตาที่สุด ก็เห็นจะเป็นใบหน้าคมคายของ หวานใจ หลานสาวของผู้ใหญ่ยิ้มที่พยายามปฐมพยาบาลดลด้วยวิธีต่างๆอย่างคล่องแคล่ว ดลพบว่าทุกคนในหมู่บ้านแสดงท่าทีดีใจมาก ที่ได้ต้อนรับเขา โดยเฉพาะผู้ใหญ่ยิ้ม ซึ่งบอกดลว่า เสี่ยดิเรกเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายที่มีพระคุณกับผู้ใหญ่ยิ้มอย่างมาก และดิเรกได้เคยส่งเงินก้อนนึงมาให้ผู้ใหญ่ยิ้มซื้อที่เอาไว้แปลงหนึ่งเพื่อจะได้มาอยู่ในบั้นปลายชีวิต ดลเริ่มมีความหวังขึ้นมาทันที อย่างน้อย พ่อก็ยังทิ้งสมบัติเอาไว้ให้เขาบ้าง แต่เมื่อดลได้เห็นที่ดิน ใจที่เริ่มพองฟูก็แฟบลงทันที เพราะที่ดินห้าสิบไร่ที่ผู้ใหญ่ยิ้มภูมิใจนำเสนอนั้น คือที่ดินล้วนๆ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดใด นอกจากเพิงเล็กๆ กับต้นไม้ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ดลโวยวายขอขายที่คืน เพื่อเอาเงินกลับกรุงเทพฯ ทำให้หวานใจ ไม่พอใจอย่างมากเพราะสำหรับหวานนั้น ที่ดินของดลเป็นที่ในฝันที่หวานแอบวาดหวังว่า หากมันเป็นของหวานหวานจะพรวนดินหว่านไถ และสร้างให้มันเป็นผืนดินที่สมบูรณ์และน่าอยู่ที่สุด แต่สำหรับดลมันกลับเป็นของที่ไร้ค่า ผู้ใหญ่ยิ้มรับปากว่าจะหาเงินมาให้ดล ดลตีอกชกลมว่าเขาไม่สามารถทนอยู่ในที่อันล้าสมัยได้เลยแม้เพียงวันเดียว และขอให้ยิ้มหาทางขายที่ดินของเขาให้ได้จนหวานรำคาญ คิดแผนจะดัดนิสัยดล โดยสัญญาว่าจะหาคนมาซื้อที่ดินต่อจากดลให้อย่างเร็วที่สุด แต่ดลต้องทำให้ที่ดินเป็นที่ที่ดูดีมีค่ากว่าที่เป็นอยู่โดย เข้าไปถากถาง ปลูกพืชไร่ และสร้างบ้านในที่ดิน แสดงความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ เพื่อให้คนเห็นแล้วอยากจะซื้อ ดลหลงกลรับปาก และขอให้หวานเป็นพี่เลี้ยงบุกเบิกที่ดินร่วมกับเขาและเขาจะจ่ายค่านายหน้าให้อย่างงามซึ่งหวานก็แกล้งตอบตกลงเพื่อให้ดลตัดสินใจอยู่โคกสำราญต่อตามแผน หวานได้พบว่า ดลเป็นผลิตผลคนเมืองที่ไร้คุณภาพอย่างที่สุด ทั้งจับจด เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เป็นทาสเทคโนโลยี ขณะที่ดลก็รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปอยู่ในยุคก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก แต่สิ่งที่ทำให้ดลเกือบจะเป็นบ้าก็คือ แทบทุกคนในโคกสำราญนั้นไม่มีใครเดือดเนื้อร้อนใจกับสภาพความลำบากในชีวิตเลย ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนยังอารมณ์ดีจนเกินกว่าเหตุ ในแต่ละวัน ดลต้องกลายเป็นเกษตรกรจำเป็น ผจญทั้งภัยธรรมชาติ ทะเลาะเบาะแว้งกับหวาน ขณะเดียวกันดลก็ค่อยๆได้ซึมซับถึงวิถีชีวิตของชาวชนบทที่เรียบง่าย งดงามโดยไม่รู้ตัวรวมทั้ง ได้เห็นการแก้ปัญหาให้ลูกบ้านโดยใช้หลักเมตตาของผู้ใหญ่ยิ้ม ที่สำคัญดลยังได้ซาบซึ้งถึงความรัก ความผูกพันระหว่างผู้คนในหมู่บ้านที่พร้อมจะเผชิญความทุกข์ยากและฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปด้วยกันโดยไม่เคยคิดจะทอดทิ้งแผ่นดินถิ่นเกิด เมื่อทางการขอให้โคกสำราญ ซึ่งเป็นตำบลเดียวที่ไม่เคยมีสินค้าโอท็อป ส่งสินค้าของตนเข้าประกวด และหวานก็เห็นว่าจะเป็นทางเดียวที่สามารถบีบให้ชัยต้องเจียดงบมาสนับสนุนสินค้านี้ และเป่าประกาศขอให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างสรรสินค้าโอท๊อปของหมู่บ้าน แต่ชัยก็หาทางสกัดดาวรุ่งโดยอ้างว่าสินค้าเหล่านั้นล้วนเป็นโอท๊อปของที่อื่นทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว แต่คนในโคกสำราญก็ยังไม่สิ้นหวัง สร้างสรรค์สิ่งที่ไม่มีใครนึกฝันระดับปฐม อีกทั้งดลยังใช้ความรู้ความสามารถของเขาช่วยชาวบ้านคิดประดิษฐ์สินค้าโอท๊อปอีกจำนวนหนึ่งซึ่งถึงแม้มันจะดูไม่เข้าท่า แต่การอุทิศกายใจให้กับชาวบ้านและทำให้เขาต้องเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกรณีของข้าวหลามดิลิเวอรี่ก็ทำให้หวานเริ่มเปิดใจให้กับเขา แต่ขณะที่ความสัมพันธ์ของเขา และหวานกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี พ่อของดลในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัวก็ปรากฏกายขึ้นเพื่อขอให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพยายามหาเงินสดก้อนใหญ่เพื่อให้เขาไปชำระหนี้เพื่อที่จะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้งซึ่งเมื่อเขาขอความช่วยเหลือจากดลเสร็จแล้วก็ต้องรีบหลบหนีการตามล่าจากบรรดาเจ้าหนี้และเงื้อมมือของกฏหมายต่อไป ดลสงสารพ่อที่กำลังมืดแปดด้านจึงจำเป็นต้องหันหน้าไปพึ่ง ชัย ผู้หมายมั่นปั้นมือที่จะยึดหมู่บ้านของยิ้มให้ได้ ซึ่งชัยปฏิเสธที่จะซื้อที่ของดลโดยอ้างว่าถึงแม้จะเป็นที่ๆสวยงามเพียงไรแต่ขนาดไม่พอที่เขาจะสามารถทำประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เขาต้องการที่จะกว้านซื้อที่ดินจำนวนมากจากบรรดาชาวบ้านและถ้าดลสามารถโน้มน้าวจิตใจของลูกบ้านให้ขายที่ดินให้กับเขาได้ เขาจะสมนาคุณให้กับดลอย่างงามด้วยเงินก้อนใหญ่ที่จะสามารถช่วยปัญหาของพ่อของดลได้ ดลรู้สึกเป็นห่วงว่าชัยจะเอาที่ดินไปทำอะไรแต่ชัยสังเกตุเห็นรีบออกตัวว่าเขามีแผนที่จะพัฒนาโคกสำราญให้เป็นแหล่งเพาะปลูกขนาดใหญ่เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับโรงงานผลไม้กระป๋องของเขาและจะทำให้ชาวบ้านมั่งคั่งมากขึ้นซึ่งทำให้ดลสบายใจที่ได้ยินเช่นนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้เท่ากับทรยศยิ้มและทรยศความไว้วางใจที่หวานมีให้กับเขา แต่ด้วยความสงสารพ่อ ดลจำเป็นต้องทำตามที่ชัยขอร้อง ดลวางแผนพาเพื่อนๆ ในหมู่บ้านไปค้นพบ ความศิวิไลท์ที่เมืองกรุงจนทำให้หลายๆ คนเผลอหลงไปกับแสง สี เสียง เมืองกรุง จนกลับมาคิดขายที่นา สวนของตนเพื่อไปอยู่กรุงเทพ หวานใจรู้ว่าทั้งหมดดลเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง ทำให้หวานใจเสียใจมาก และออกปากไล่เขาให้ออกไปจากหมู่บ้านของเธอ ด้วยความเสียใจที่ทำให้หวาน ผู้หญิงที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเสียใจ ดลตัดสินใจสวนกระแสเปลี่ยนใจไม่ขายที่ดินให้กับชัยและเมื่อเขาไปพบชัย เขาได้พบกับความจริงโดยบังเอิญว่าแท้ที่จริงแล้วเขาถูกชัยหลอกมาตั้งแต่ต้น ชัยตั้งใจจะสร้างโรงงานเครื่องกระป๋องในที่ดินของหมู่บ้านโคกสำราญในทันทีที่เขานำเอาไฟฟ้า และประปาที่เป็นเงินหลวงมาพัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านของยิ้มจะกลายเป็นที่ทิ้งกากของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมจนสภาพแวดล้อมจะกลายเป็นพิษ ดล ที่รู้ตัวว่าผิดไปแล้วเขาต้องหาทางที่จะต่อสู้กับชัยเพื่อรักษาหมู่บ้านของหญิงคนรักที่สอนให้เขารู้จักกับความสวยงามของความพอเพียง เพื่อทำให้โคกสำราญกลับมามีความสุขเหมือนกับอดีตที่ผ่านมาโดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ผู้แสดง ดล เลิศมหาดำรงสกุล รับบทโดย รพีภัทร เอกพันธุ์กุล (น้ำ) หนุ่มน้อยวัย20ปี ลูกชายเสี่ยใหญ่เจ้าของกิจการส่งออก ร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี สำอาง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ รักสวยรักงาม เหมือน เมโทรแมน ทั่วไป เอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรต้องได้ ไม่อดทน และไม่มีจุดหมายในชีวิต ขี้เบื่อ เห่ออะไรเป็นพักๆ หวานใจ รับบทโดย ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล (กระติ๊บ) สาวน้อยบ้านนา อายุ18 พ่อตายตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่ทิ้งไปทำงานที่กรุงเทพฯแล้วหายสาบสูญไป จึงต้องอยู่กับผู้ใหญ่ยิ้มผู้เป็นลุงตั้งแต่เด็ก จึงรักลุงเหมือนพ่อ ถูกฝึกให้ทำทุกอย่างได้เหมือนผู้ชายเข้มแข็ง อดทน กตัญญู รักบ้านเกิดมาก เป็นครูของโรงเรียนโคกสำราญ แต่ต้องการให้โคกสำราญเป็นหมู่บ้านที่เจริญทัดเทียมกรุงเทพฯ ผู้ใหญ่ยิ้ม รับบทโดย ...................... ผู้ใหญ่บ้านของโคกสำราญ อายุประมาณ 50 ปี ใจดี ใจกว้าง เมตตาสูง อารมณ์ดีเสมอ หัวเราะให้กับทุกปัญหา และพยายามสอนให้ลูกบ้าน มองโลกในแง่ดี แม่สาลิกา รับบทโดย ภัสสร บุณยเกียรติ เมียผู้ใหญ่ยิ้ม อายุประมาณ40 ปีกว่าๆ ต้นตระกูลเป็นพ่อเพลงแม่เพลงพื้นบ้านภาคกลาง ขี้เล่น สนุกสนาน มนุษย์สัมพันธ์ดี บ้าไสยศาสตร์ หลอกง่าย ชู รับบทโดย ชูศรี เชิญยิ้ม เป็นอดีตตลก ที่เป็นมือขวาผู้ใหญ่บ้าน รักหวานใจมาก ทิว รับบทโดย ธาราเขต เพ็ชรสุกใส หนุ่มลูกทุ่ง อายุประมาณ20กว่า ซื่อสัตย์ กตัญญู ขยัน รักเดียวใจเดียว รักและภักดีต่อหวานมาก อ่อนไหวง่าย ร้องเพลงเพราะมาก และใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง หลวงพ่อทับ รับบทโดย ดอน จมูกบาน พ่อของทิว อายุเท่าๆ กับผู้ใหญ่ เป็นพระนักพัฒนา ทำงานสาธารณะประโยชน์ให้โคกสำราญ คู่กับผู้ใหญ่ยิ้ม มักสอนธรรมะแทรกอารมณ์ขัน มะลิ รับบทโดย เจษยา เวียงเกตุ (เอม) พยาบาลประจำอนามัยอายุประมาณ 20กว่า เรียบร้อยเป็นผู้ใหญ่ รักหวานเหมือนน้องสาว และ ครูนวล รับบทโดย โย่ง ชวนยิ้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านมหรสพของหมู่บ้าน อายุประมาณ 50 ปี เป็นศิลปินขนานแท้ ที่เห็นคุณค่าศิลปะมากกว่าเงินทอง โดยเฉพาะ วัฒนธรรมของไทย ชัย รับบทโดย ............................ เสี่ยเจ้าของโรงงานอาหารกระป๋อง(เป็นนายกอบต.) เป็นนายทุนสมบูรณ์แบบ ต้องการบีบให้คนในหมู่บ้านออกมาเพื่อจะเอาที่ดิน (ทำทุกอย่างเพื่อให้หมู่บ้านไม่เจริญทุกคนจะได้ขายที่แล้วย้ายออกไป) บัวตูม รับบทโดย รุ่งระวี บริจินดากุล (โอ๋) บัวบาน รับบทโดย ลาวัลย์ กมุทชาติ (น้ำหวาน) สองศรีพี่น้องลูกสาวนายชัย เจ้าของโรงสี อายุประมาณ19-20ปี เป็นแก้วตา ดวงใจของพ่อ อยากให้สืบทอดกิจการ แต่เจ้าตัวทั้งสองกลับอยากไปประกวด รายการชุมทางเสียงทอง ที่กรุงเทพฯ มักชิงดีชิงเด่นกันเอง และทั้งคู่หลงรักดลทั้งคู่ ดวง รับบทโดย จิ้ม ชวนชื่น อดีตตลกที่ คณะแตก เป็นคู่แข่งของผู้ใหญ่ยิ้มที่แพ้เลือกตั้ง ดำ รับบทโดย แจ๊ส ชวนชื่น ขาว รับบทโดย กิ๊ฟ ชวนชื่น พี่น้องคนละแม่ คู่หูขาโจ๋ประจำหมู่บ้าน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับหวาน ชอบทำเรื่องผิดกฎหมาย แหกกฎหมู่บ้าน เพื่อเรียกร้องความสนใจ ประสาเด็กมีปัญหา(เป็นพวกแร็พบ้านนอก พูดไทย เสี่ยดิเรก รับบทโดย ................... พ่อของดล สร้างตัวมาจากเด็กวัด ใจกล้า ใจถึง ชอบเสี่ยง เลี้ยงลูกด้วยเงิน ขยายกิจการจนเกินตัว พอเศรษฐกิจพังจึงล้มละลาย ต้องหนีไปจากเมืองไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ