กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
การบินไทย นำโดย นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ พลเรือเอกฐนิธ กิตติอำพน รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.สบร.และรักษาการผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ร่วมส่งเสริมเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ เชื่อมโยงสองวัฒนธรรม ไทย-นอร์เวย์ และเผยแพร่ร่องรอยประวัติศาสตร์การเสด็จประพาสยุโรปในรัชกาลที่ 5 จัดนิทรรศการ “จากสยามสู่ยุโรป บนเส้นทางซ่อนวาระ” ในวาระที่การบินไทยเปิดจุดบินใหม่ เส้นทางบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ออสโล ประเทศนอร์เวย์ โดยได้รับเกียรติจาก มิส อันเน ลิลเลโอเรน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ ประจำประเทศไทย ร่วมเป็นประธานเปิดนิทรรศการพร้อมด้วย ไกรฤกษ์ นานา นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ มาร่วมบรรยายความรู้เรื่องเส้นทางเสด็จประพาสยุโรปและประเทศนอร์เวย์ของรัชกาลที่ 5 ณ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ มิวเซียมสยาม ถ.สนามไชย พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-นอร์เวย์ ด้วยการเปิดตัวบัตรไทย แวลูพลัส : ออสโล บัตรโดยสารราคาพิเศษ สะดวกในราคาเดียว ซึ่งสามารถสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ตั้งแต่วันนี้ — 30 กันยายนศกนี้ หรือรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 0-2356-1111 www.thaiairways.co.th
ก่อนร่วมชมนิทรรศการ ได้รับเกียรติจาก ไกรฤกษ์ นานา นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ ได้กล่าวถึงเส้นทางซ่อนวาระ เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จยังนอร์เวย์ในการประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ว่า “พระองค์เสด็จประพาสยุโรปครั้งนั้น นอกจากเหตุผลตามพระราชนิพนธ์ไกลบ้าน ว่าเป็นการเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ในการรักษาพระวรกายตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่นักวิชาการตั้งข้อสังเกต คือ แท้จริงแล้ว มีเหตุผลเพื่อเสด็จไปหาวิธีไกล่เกลี่ยเรื่องข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับฝรั่งเศส ในการคืนจังหวัดจันทบุรีและตราดของไทย ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อและหาข้อตกลงมาเป็นเวลานาน หลังจากเสร็จสิ้น พระองค์จึงเสด็จพักผ่อนยังประเทศต่างๆ ตามคำแนะนำของพระยาชลยุทธโยธิน ข้าราชการชาวเดนมาร์คผู้ใกล้ชิด ออกเดินทาง
จากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยเรืออัลเบียน ซึ่งเป็นเรือที่กล่าวขวัญเรื่องความทันสมัยมากในสมัยนั้นและใช้ในราชวงศ์ เสด็จไปยังกรุงคริสเตียเนีย หรือ ออสโล ประเทศนอร์เวย์ในปัจจุบัน เพื่อเยี่ยมเยือนกษัตริย์ของนอร์เวย์ ซึ่งทรงมีความสัมพันธ์อันดีมาตั้งแต่ครั้งที่เสด็จมาครั้งแรก ซึ่งความสัมพันธ์อันดีนั้นถึงขั้นที่พระองค์เคยส่งพระโอรส กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดชไปศึกษาวิชาทหารที่เดนมาร์ก ซึ่งทำให้มีความใกล้ชิดกับราชวงศ์เดนมาร์กเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่ทางเหนือ จุดหมายที่นอร์ทเคป สูงสุดของยุโรป หรือดินแดนอันไกลสุดหล้าฟ้าเขียว และทอดพระเนตรพระอาทิตย์เที่ยงคืน โดยทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 หลังจากพระเจ้าออสการ์ที่ 2 ของนอร์เวย์เสด็จประพาส โดยพระองค์ได้ทรงสลักพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ไว้ที่หินเป็นที่ระลึก โดยปัจจุบันนอร์ทเคปแห่งนี้ ทางการนอร์เวย์ได้ตัดแผ่นหินสลักมาไว้ในพิพิธภัณฑ์ พร้อมกับสร้างอนุสาวรีย์ครึ่งพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ที่นั่น ถือเป็นสิ่งที่นอร์เวย์ได้อนุรักษ์ไว้ และเป็นความภาคภูมิใจของชาวนอร์เวย์ที่กษัตริย์ไทยได้ไปเยือน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนปีละหลายแสนคน”
จากนั้นจึงเป็นพิธีเปิดนิทรรศการอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจาก มิส อันเน ลิลเลโอเรน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ ประจำประเทศไทย ร่วมเป็นประธานการเปิดนิทรรศการด้วยการเซ็นต์อวยพรลงบนแท่นจำลองรูปธารน้ำแข็ง ก่อนเข้าชมนิทรรศการซึ่งแบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องแรกบอกเล่าถึงการติดต่อกับยุโรปที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และเส้นทางการเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 รวมไปถึงความศิวิไลซ์ของสยามที่รัชกาลที่ 5 ทรงนำกลับมาพัฒนาบ้านเมืองทั้งด้าน การแต่งกาย , การคมนาคม , มารยาททางสังคม เช่น การใช้ช้อนส้อม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้ชมเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามที่นอร์เวย์ ไม่ว่าจะเป็น การชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่นอร์ทเคป ซึ่งรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จไปทอดพระเนตร , ความสวยงามของทิวทัศน์ที่สุดหล้าฟ้าเขียว ตามพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 5 เป็นอย่างไร ส่วนห้องที่ 2 เป็นการแสดงสถาปัตยกรรมการประดับตกแต่ง และลวดลายในแง่ศิลปะ และงานช่าง ที่มีความคล้ายคลึงกันทั้งด้านรูปแบบและคติความเชื่อ เช่น งานแกะสลักไม้ ลวดลายและสัญลักษณ์ของชาวนอร์เวย์สมัยไวกิ้งและยุคกลางกับวัฒนธรรมล้านนาซึ่งหยั่งรากสู่ภาคเหนือของ ไทยในศตวรรษที่สิบสาม มีการจัดแสดงตัวอย่างซุ้มประตูโบสถ์ของนอร์เวย์ที่มีการสลักไม้เป็นรูปอัศวินปราบมังกร ซึ่งถือเป็นสัตว์ดุร้ายและน่ากลัวที่สุด ซึ่งมักจะนำมาไว้ที่หน้าประตู บนหลังคาเป็นการคุ้มครอง เปรียบเทียบกับหน้าบันไม้ของวัดในทางเหนือของไทยที่มีการแกะสลักเป็นรูปพญานาค ซึ่งแม้สองดินแดนจะอยู่ห่างไกลคนละซีกโลก แต่มีศิลปะและความเชื่อที่ใกล้เคียงกันมากอย่างน่าประหลาดโดยผลงานต่างๆ นำเสนอในรูปแบบนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยผ่านสื่อสมัยใหม่ เน้นถึงการสร้างความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมของสองประเทศสู่คนรุ่นใหม่ เช่น
การจำลองเสาไม้ลายคำ ศิลปะทางเหนือของไทย มาไว้คู่กับเสาไม้โบราณของโบสถ์อูรน์เนส ที่จะสูงยาวขึ้นไปเปรียบเหมือนเสาสู่สวรรค์ โดยตามเสาต่างๆ จะมีภาพศิลปะต่างๆ ของทั้งสองชาติ จัดตกแต่งให้ผู้ร่วมงานได้ชมอย่างไม่น่าเบื่อ โดยนิทรรศการ “จากสยามสู่ยุโรป บนเส้นทางซ่อนวาระ’ ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเยี่ยมชม ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฏาคม 2552 ที่ห้องพิพิธเพลิน มิวเซียมสยาม ถนนสนามไชย ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ในเวลา 09.30-18.00 น.
และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-นอร์เวย์ ให้คนไทยได้ไปสัมผัสดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน ประเทศนอร์เวย์ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น หลังจากที่การบินไทยได้เปิดเส้นทางใหม่บินตรงสู่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ล่าสุด ยังได้เปิดตัว“บัตรไทย แวลูพลัส : ออสโล” บัตรโดยสารแบบพรีเพด บินตรง สู่ออสโล โดยจัดจำหน่ายในราคาพิเศษเป็นชุด ชุดละ 2 ใบ สำหรับชั้นธุรกิจราคาชุดละ 130,000 บาท และชั้นประหยัดพรีเมี่ยมราคาชุดละ 77,000 บาท (ราคารวมภาษีสนามบินและค่าธรรมเนียมทุกประเภทแล้ว) โดยสามารถเลือกเดินทางกลับได้จาก 3 เมือง คือ โคเปนเฮเกน , สตอกโฮล์ม หรือ ออสโล และรับไมล์สะสมได้ตามปกติ สำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ตั้งแต่วันนี้ — 30 กันยายนศกนี้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 0-2356-1111 www.thaiairways.co.th
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300
คุณสุจินดา , คุณแสงนภา , คุณชินนารี