กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ราคาทองคำในช่วงต้นของสัปดาห์ปิดร่วงลง จากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งได้กระตุ้นนักลงทุนให้เทขายทองคำและหันเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนาแน่น หลังจากมีข่าวว่ากลุ่มกบฏไนจีเรียบุกโจมตีแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ รวมทั้งจีนออกมาระบุว่าต้องการซื้อน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นราว 160% เพื่อการสำรองในเชิงยุทธศาสตร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ในช่วงกลางของสัปดาห์ ราคาทองคำปรับตัวลดลง หลังการถือครองทองคำของกองทุนทองคำ ETF ของ SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก ณ. 30 มิถุนายน 52 ลดลงราว 5.19 ตันจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น1,120.55 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36.03 ล้านออนซ์ ทำให้ดูได้ว่าการปรับลงของกองทุน ETF จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดลงตามด้วย
ในช่วงปลายของสัปดาห์ ราคาทองคำยังคงผันผวนสูงและมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย หลังความเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจถดถอยลงในสหรัฐและยูโรโซน โดยสหรัฐปรับลดตำแหน่งงานลง 4.67 แสนตำแหน่งในเดือนมิถุนายน มากกว่าที่คาดกันไว้ว่าจะลดลงเพียง 3.63 แสนตำแหน่งในเดือน มิถุนายน นอกจากนี้ ตัวเลขการปรับลดตำแหน่งงานยังลดลงเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน ในขณะที่อัตราการว่างงานทะยานขึ้นสู่ 9.5 % ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 1983 แม้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐลดลง 16,000 ราย และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงอย่างต่อเนื่องด้วยก็ตาม นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าของโรงงานในสหรัฐก็พุ่งขึ้นเกินคาด 1.2% ในเดือน พ.ค.ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี ก็ยังไม่สามารถช่วยพยุงความเชื่อมั่นที่สูญเสียไปของผู้บริโภคให้กลับคืนจากตัวเลขการจ้างงานได้ นอกจากนี้ นักลงทุนเริ่มทบทวนลดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลง แล้วเข้าซื้อพันธบัตรและเงินเยนในฐานะแหล่งลงทุนทีปลอดภัยมากขึ้น ถือเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
ทั้งนี้ มีรายงานออกมาว่า จีนจะหยิบยกประเด็นข้อเสนอเรื่องสกุลเงินสำรองของโลกสกุลใหม่ขึ้นหารือในการประชุม กลุ่มจี-8 ในสัปดาห์หน้า (8-10 ก.ค.52) โดยจีนหวังว่าจะเพิ่มความหลากหลายของระบบสกุลเงินระหว่างประเทศในอนาคต ทั้งนี้นักการธนาคารคาดว่า 70% ของทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศที่จีนมีอยู่ 1.95 ล้านล้านดอลลาร์นั้นอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งหากการหารือในเรื่องดังกล่าวเป็นผลสำเร็จ ค่าเงินดอลลาร์คงได้รับผลกระทบมากพอสมควร และถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน
หากนักลงทุนต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้สูงให้เล่น Long โดยหวังทำกำไรจากการปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านทางเทคนิคระยะสั้นที่ $942 หากต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้เล่น Range Trading ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $923-$938 หากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้สูงให้ท่านหาจังหวะเล่น Long โดยคาดว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อไปจนถึง High เดิมส่าสุดที่ $990 หากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้หาจังหวะ Long เช่นกันและ Cut-loss หากราคาปรับต่ำกว่า $912
Outlook
ราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะเจอกับความผันผวนที่น้อยลง เนื่องจากช่วงที่ราคาปรับฐานดูเหมือนจะสิ้นสุดลง แนวรับที่ $912 จะเป็นแนวรับทางเทคนิคที่สำคัญและคาดว่าราคาจะไม่สามารถยืนอยู่ต่ำกว่าระดับนี้ได้ ทว่าหากราคาปรับตัวต่ำกว่า $912 ได้แนวรับต่อไปของสัปดาห์หน้าจะอยู่ที่ระดับ $900 และ $880 ตามลำดับ ทองคำระยะสัปดาห์ดูเป็นตลาด sideways และราคาจะเคลื่อนตัวขึ้นลงระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $912 และ $942 หากสามารถยืนเหนือ 942 ได้เป้าราคาต่อไปจะเป็นที่ระดับ 960 และจะมองว่าการปรับฐานได้สิ้นสุดลงและทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อ จากสัญญาณการกลับตัวทางเทคนิค
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอในรายงานดังกล่าว นี้เป็นเพียงความคิดเห็นซึ่งนำเสนอโดย บริษัท YLG Bullion International จำกัด โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ จากความเสียหายที่เกิดจากการใช้รายงานหรือข้อความจากรายงานฉบับนี้
ข้อมูลจากฝ่ายวิจัย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
สอบถามรายละเอียดข่าวประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมที่ บริษัท วีม คอมมูนิเคชั่น จำกัด คุณวิลาวัลย์ (จ๋า)086-358-1823