กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--ปภ.
ในเดือนกรกฎาคมนี้มีวันสำคัญทางพุทธศาสนา คือ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันหยุดราชการเป็นประจำทุกปี แต่ในปีนี้รัฐบาลได้ประกาศให้วันจันทร์ที่ ๖ กรกฎาคมนี้ เป็นวันหยุดราชการ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกันรวม ๕ วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม — วันพุธที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ซึ่งหลายครอบครัวคงวางแผนเดินทางไปทำบุญ กลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆเป็นหมู่คณะ ส่งผลให้ปริมาณรถบนท้องถนนหนาแน่นกว่าช่วงปกติ จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง โดยเฉพาะหากผู้ขับขี่เมาสุรา ประกอบกับรัฐบาลได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนนจากการเมาแล้วขับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จึงมีข้อแนะนำและคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายของการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ดังนี้
หากผู้ขับขี่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงก่อนขับรถ แอลกอฮอล์จะออกฤทธิ์ส่งผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการมึนเมา สูญเสียความสามารถในการควบคุมตนเอง ปฏิกิริยาในการตอบสนองและประสิทธิภาพในการมองเห็นและการได้ยินลดลง ส่งผลต่อสมรรถนะในการขับขี่ อีกทั้งเกิดความคึกคะนอง และมีพฤติกรรมไม่ป้องกันตนเอง ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เช่น ฝ่าฝืนกฎจราจร ขับรถย้อนศร ขับรถกระชั้นชิด และขับรถส่ายไปมา เป็นต้น โดยเฉพาะหากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า ๕๐ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เพราะจะทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินช้ากว่าปกติถึง ๘ เท่า ทำให้มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสูงกว่าผู้ที่ไม่ดื่มถึง ๖.๖ เท่า และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตถึง ๙.๖ เท่าของผู้ไม่ดื่ม ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางผู้ขับขี่จึงห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและขณะขับรถอย่างเด็ดขาด
นอกจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนแล้ว ยังมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย หากผู้ขับขี่ถูกตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า ๕๐ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะต้องรับโทษทางกฎหมาย คือ มีโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี ปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งถูกพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า ๒ เดือน ทำงานบริการสังคม ๑๒ - ๔๘ ชั่วโมง รวมถึงเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมภายใต้การดูแลของเจ้าพนักงานคุมประพฤติ กรณีผู้ขับขี่เมาแล้วขับและทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี ปรับไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐ บาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ รวมทั้งศาลสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า ๖ เดือน และหากเมาแล้วขับ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต จะต้องจำคุกตั้งแต่ ๓ - ๑๐ ปี ปรับตั้งแต่ ๖๐,๐๐๐ - ๒๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งถูกพักใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีวิต ทั้งนี้ การพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุ ซึ่งศาลมีอำนาจในการกำหนดการพักใช้ใบอนุญาต ตลอดจนการเพิกถอนใบอนุญาตตลอดชีวิต
ดังนั้น หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีอาการมึนเมา ไม่ควรขับรถเองอย่างเด็ดขาด ควรจอดพัก ในบริเวณที่ปลอดภัยจนกว่าจะหายเมาแล้วจึงขับรถต่อไป หากไปด้วยกันหลายคน ควรให้ผู้อื่นขับรถแทน หรือใช้บริการรถรับจ้างหรือรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ จะปลอดภัยมากกว่า นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ควรระมัดระวังอันตรายจากผู้ขับขี่รายอื่นที่เมาสุรา และร่วมกันเฝ้าระวังผู้ที่มีพฤติกรรมเมาแล้วขับ โดยสังเกตจากภาวะการขับขี่ที่ไม่ปกติ เช่น ขับคร่อมเลนตลอดเวลา ขับรถกินซ้ายบ้างขวาบ้าง ควรเว้นระยะห่างให้มากกว่าปกติ ไม่ขับใกล้หรือพยายามแซงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจเกิดการเฉี่ยวชนได้ หากรถคันดังกล่าวขับตามหลัง ผู้ขับขี่ควรชิดซ้ายและชะลอความเร็ว เพื่อให้รถคันนั้นขับแซงไปก่อน ที่สำคัญ หากต้องขับผ่านบริเวณสี่แยก ทางขึ้น — ลงสะพาน ควรชะลอความเร็วเพราะอาจมีผู้เมาสุราขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง หรือขับรถย้อนศร ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากพบเห็นรถขับส่ายไปมา หรือมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ผิดปกติ ควรบีบแตรและกระพริบไฟหน้า เพื่อส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่รายอื่นได้ทราบหรือรู้สึกตัว รวมทั้งจดทะเบียนรถ สีรถ ยี่ห้อรถ แล้วโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่รุนแรงบนท้องถนน
สุดท้ายนี้ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันงดดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนงดดื่มแอลกอฮอล์ในวันดังกล่าว รวมถึงตลอดเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อปฏิบัติบูชาด้วยการงดเหล้าเข้าพรรษา และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากการเมาแล้วขับที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน