วิกฤตมลภาวะทำผู้ป่วยภูมิแพ้พุ่ง นมแพะทางเลือกสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่ม

ข่าวทั่วไป Wednesday April 12, 2006 16:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--เอดีทูวาย
นายมานิตย์ วาสุเทพรังสรรค์ นักวิทยาศาสตร์ 8 ว. กลุ่มวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นมเชียงใหม่ กรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จากสภาพแวดล้อมและมลภาวะที่แปรเปลี่ยน ในปัจจุบัน ทำให้ประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคหวัดเรื้อรัง ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยสูงถึง 10 ล้านคน โดยพบใน เด็กทุก 4 คนใน 10 คน หรือประมาณร้อยละ 40 ส่วน ในผู้ใหญ่พบทุก 2 คนใน 10 คน หรือร้อยละ 20 ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า ทั่วโลกมีประชากรที่เป็นโรคภูมิแพ้ถึง 150 ล้านคน และเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวสูงถึงปีละเกือบ 200,000 คน ส่วนประชาชนในเขตกรุงเทพฯ พบว่าไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 มีปัญหาเรื่องโรคภูมิแพ้
นายมานิตย์ กล่าวว่า ได้ทำการศึกษาถึงวิธีป้องกัน โดยเลือกใช้โภชนาการบำบัด พบว่า การบริโภคนมแพะเป็นประจำจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาก จะเสริมสร้างภูมิต้านทานและป้องกันโรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โปรตีนในน้ำนมแพะช่วยให้เซลส์เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลั่งสารแอนตี้ฮีสตามีน (Anti Histamin) ออกมา โดยเฉพาะ ซีสเตอีน (Cysteine) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลูตาไทโอน (Glutathione) ที่มีส่วนสำคัญในการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างภูมิต้านทานต่อการเกิดภูมิแพ้ในร่างกาย วิตามินในนมแพะจะเพิ่มการทำงานของเซลส์ที่ดักจับเชื้อโรค ช่วยเซลส์เม็ดเลือดขาวสร้างแอนตี้บอดี้และกำจัดอนุมูลอิสระและช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย
มานิตย์ กล่าวอีกว่า มีงานวิจัยและรายงานจากทั่วโลกว่า นมแพะเป็นนมที่มีคุณภาพและเหมาะสมต่อมนุษย์มากกว่านมจากสัตว์ให้นมทุกชนิด เนื่องจากนมแพะมีคุณสมบัติใกล้เคียงนมมารดา มากที่สุด จึงเหมาะสำหรับเลี้ยงทารกภายหลังหย่านม และเหมาะที่จะเป็นอาหารเสริมทางเลือกเพื่อสุขภาพให้แก่คนทุกเพศ ทุกวัย เนื่องจากย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้เร็ว และที่สำคัญเพิ่มต้นทุนในระบบภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกายอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรเลือกนมแพะที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา( อย.) เท่านั้น
เมื่อถามถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้เคยมีผู้บริโภคนมแพะแล้วป่วยเป็นโรคแท้งติดต่อ แสดงว่า ดื่มแล้วไม่ปลอดภัยใช่หรือไม่ นายมานิตย์ กล่าวว่า ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะ แพะตัวที่ไปรีดนมมานั้นป่วย แต่เชื้อโรคที่มากับน้ำนมสัตว์ป่วยนั้นสามารถกำจัดได้ จากความร้อนในขบวนการพาสเจอร์ไรส์น้ำนมอย่างถูกวิธี ทั้งนี้ เมื่อเกษตรกรรีดนมแพะแล้ว จะต้องนำไปผ่านความร้อยโดยการต้ม หรือนึ่งก่อนนำไปบริโภค หรือเก็บไว้ในตู้เย็นก่อน หากไม่มีเวลาก็จะช่วยรักษาคุณภาพของน้ำนมแพะไว้ไม่ให้เสียได้ระยะเวลาหนึ่ง การต้มนมแพะโดยให้ความร้อนโดยตรงต้องระมัดระวังหมั่นคน หรือกวน เพื่อมิให้นมแพะติดในภาชนะ จะทำให้นมแพะไหม้ได้ การสังเกตความร้อนที่ต้มนมแพะเพียงพอ หรือไม่นั้น สังเกตดูว่าหากอุณหภูมิที่ต้มใกล้ถึงจุดเดือดนมแพะจะเกิดฟองขึ้นให้รีบปิดแก๊ส ตั้งทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำไปแช่น้ำเย็น เพื่อลดอุณหภูมิจากนั้นนำไปเก็บในตู้เย็นเพื่อบริโภคต่อไป และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 3 วัน ส่วนการนึ่งวิธีการง่าย ๆ คือ นำภาชนะใส่น้ำนมแพะใส่ในซึ้งนึ่งโดยวางมันเทศหัวย่อม ๆ ใกล้ ๆ ภาชนะใส่น้ำนมแพะ โดยสังเกตดูว่าหากมันเทศสุกได้ที่ การนึ่งนมแพะก็เสร็จเรียบร้อย
“น้ำนมแพะมิได้ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ตามวิธีการดังกล่าวข้างต้นแล้วห้ามดื่ม หรือนำไปบริโภคโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจทำให้ผู้ดื่มเกิดอันตรายจากเชื้อโรคดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ “นายมานิตย์ กล่าว
ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ อ.มานิตย์ วาสุเทพรังสรรค์ ที่กลุ่มวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นมเชียงใหม่ กรมปศุสัตว์ โทร. 01 671 4059
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ผกากานท์ (ลูกหยี) 01 489 8419,
เสาวนี 01 830 4299
โทรศัพท์ 02 722 8804
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ