กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--กรมธนารักษ์
นายเทวัญ วิชิตะกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่าตามที่กรมธนารักษ์ได้ผลิตและนำออกใช้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ โดยเริ่มทยอยจ่ายแลกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นมา และจะนำเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ ชนิดราคา 1 บาท ออกจ่ายแลกตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้กรมธนารักษ์จ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ครบทุกชนิดราคา
โดยเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนดังกล่าวมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 20.00 มิลลิเมตร น้ำหนัก 3.0 กรัม มีความแตกต่างจากเหรียญชุดเดิมคือน้ำหนักน้อยกว่าเดิม 0.4 กรัม และมีเนื้อโลหะเป็นไส้เหล็กชุบนิกเกิลซึ่งแตกต่างจากเหรียญชุดเดิมที่เนื้อโลหะเป็นคิวโปรนิกเกิล ส่วนลวดลายด้านหน้าและด้านหลังของเหรียญยังคงเหมือนเดิมแต่ปรับปรุงให้สวยงามมากยิ่งขึ้น
สำหรับเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคาต่าง ๆ ที่นำออกหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไปแล้วมีคุณลักษณะดังนี้
- ชนิดราคา 1 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 15.00 มิลลิเมตร น้ำหนัก 0.5 กรัม เนื้อโลหะเป็นอลูมิเนียม
- ชนิดราคา 5 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง16.50 มิลลิเมตร น้ำหนัก 0.6 กรัม เนื้อโลหะเป็นอลูมิเนียม
- ชนิดราคา 10 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 17.50 มิลลิเมตร น้ำหนัก 0.8 กรัม เนื้อโลหะเป็นอลูมิเนียม
- ชนิดราคา 25 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 16.00 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.9 กรัม เนื้อโลหะเป็นไส้เหล็กชุบ ทองแดง
- ชนิดราคา 50 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 18.00 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.4 กรัม เนื้อโลหะเป็นไส้เหล็กชุบ ทองแดง
- ชนิดราคา 2 บาท เส้นผ่าศูนย์กลาง 21.75 มิลลิเมตร น้ำหนัก 4.0กรัม เนื้อโลหะเป็นอลูมิเนียม บรอนซ์
- ชนิดราคา 5 บาท เส้นผ่าศูนย์กลาง 24.00 มิลลิเมตร น้ำหนัก 6.0กรัม เนื้อโลหะเป็นคิวโปรนิกเกิล ไส้ทองแดง
- ชนิดราคา 10 บาท เส้นผ่าศูนย์กลาง 26.00 มิลลิเมตร น้ำหนัก 8.5 กรัม เนื้อโลหะเป็นคิวโปร นิกเกิล (วงนอก) อลูมิเนียมบรอนซ์ (วงใน)
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้มีการจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่เพื่อใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ณ เดือนมิถุนายน 2552 จำนวนประมาณ 300 ล้านเหรียญ จากปริมาณเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้นประมาณ 18,000 ล้านเหรียญ
ประชาชนสามารถแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนดังกล่าว ได้ที่สำนักบริหารเงินตรา ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพฯ หน่วยจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ กรมธนารักษ์ ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ และสำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ