กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำจะยังคงผันผวนสูงและมีแนวโน้มลดลงได้อีก หลังความเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจถดถอยลงในสหรัฐและยูโรโซน นักลงทุนเริ่มทบทวนลดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลง แล้วเข้าซื้อพันธบัตร เงินดอลลาร์และเงินเยนในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยมากขึ้น
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD 30 นาทีอยู่ในแดนลบทำให้ราคาดูเป็นขาลง ทว่าได้ตัดเส้น Trigger และทำให้ราคาอาจจะกลับตัว, MACDF อยู่ในแดนบวกทำให้ราคาดูเป็นบวกในช่วงต้นของวัน, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ดูราคาเป็นบวกอยู่ในช่วงต้นของวัน, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 38.308 ถือเป็นระดับ oversold อยู่เล็กน้อยและทำให้ดูราคาเป็นบวก, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็นตลาด Sideways ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $900-$921 ส่วนค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿34.01-฿34.16
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 28.597 ถือเป็นระดับ oversold และทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ แสดงถึงตลาดขาลง, MACDF อยู่ในแดนลบ แสดงถึงตลาดขาลง, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลงทำให้ราคาดูลง, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาด Sideways-Down โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $900 และ $880
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 14,950 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 14,700 หรือที่ $908.55) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 250 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,150 บาท จะมีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 450 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 450-250 = 200 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังคงคุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก -$0.0047 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.3873 จากที่ปิด $1.3920 เมื่อวันก่อนหน้า หลังความวิตกใหม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนถอนการลงทุนที่มีความเสี่ยง + ราคาน้ำมันร่วงลง และหุ้นร่วงลงเกือบตลอดการซื้อขายในตลาดสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะไม่ราบรื่นหรือรวดเร็วตามที่คาดการณ์ไว้ + ผู้นำกลุ่มจี-8 ไม่ได้ระบุถึงบทบาทของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินทุนสำรองโลกในที่ประชุมเศรษฐกิจด้วย ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลงราว +$0.0009 มาที่ $1.3882 ต่อยูโร
ราคาน้ำมัน — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค. ร่วงลงอีก -$2.79 มาปิดที่ $60.14 ต่อบาร์เรล หลัง EIA ของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล มาที่ 347.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงน้ำมัน heating oil และเชื้อเพลิงดีเซลพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 25 ปี โดยปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล มาที่ 158.7 ล้านบาร์เรล ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล มาที่ 213.1 ล้านบาร์เรล และปริมาณสำรองน้ำมัน heating oil เพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล มาที่ 45.3 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.2 % สู่ 86.8 % ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความอ่อนแออย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค. Rebound กลับ +$0.43 มาอยู่ที่ $60.57 ต่อบาร์เรล
OPEC - โอเปกระบุในรายงานแนวโน้มน้ำมันโลกปี 2009 ว่า ปริมาณการใช้น้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกจะไม่กลับคืนสู่ 31 ล้านบาร์เรลต่อวันจนกว่าจะถึงปี 2013 โดยระดับ 31 ล้านบาร์เรลนี้เป็นค่าเฉลี่ยของปี 2008 ก่อนที่วิกฤติเศรษฐกิจจะกดดันปริมาณการใช้น้ำมันให้ร่วงลง โดยโอเปกคาดว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจร่วงลงสู่ 84.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ จาก 85.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2008
EIA - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกสำหรับปีนี้ มาที่ 83.85 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 1.7 แสนบาร์เรล/วัน จากประมาณการในเดือนมิ.ย.ที่ 83.68 ล้านบาร์เรล/วัน แต่อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับในปี 2008 ที่ 85.41 ล้านบาร์เรล/วัน หลังคาดว่าการฟื้นตัวขึ้นทีละน้อยของเศรษฐกิจโลก นำโดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากเอเชีย ซึ่งจะทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้นสู่ 84.79 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2010 โดยมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ 3.8 แสนบาร์เรล/วัน ขณะเดียวกัน EIA ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของสหรัฐในปีนี้ลง 1 หมื่นบาร์เรล/วัน มาที่ 18.85 ล้านบาร์เรล/วัน จาก 18.86 ล้านบาร์เรล/วันในคาดการณ์ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การบริโภคของสหรัฐสำหรับปี 2010 ยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นมาที่ 19.16 ล้านบาร์เรล/วัน ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการของเมื่อเดือนที่แล้ว
การประชุม G-8 (8-10 ก.ค.52) — มีความเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอเกินกว่าที่จะยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะพิจารณาว่าจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นหรือไม่ เพื่อหนุนภาคธนาคาร โดยนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้กล่าวก่อนการประชุมกับรอยเตอร์ว่า โลกจำเป็นต้องตื่นตัวต่อระดับของการทรุดตัวลงและมุ่งความสนใจต่อไปในการเริ่มการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
IMF — ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 2010 ขึ้นเป็น +2.5% จากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ +1.9% ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังคงมุมมองเชิงลบของการเติบโตในปีนี้ โดยการปรับลดการเติบโตลงอีกเล็กน้อยเป็น -1.4% จาก -1.3%
ภาวะเศรษฐกิจเยอรมัน — ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมันพุ่งขึ้น 4.4% MoM ในเดือน พ.ค. มากว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 0.5% เกือบ 10 เท่า หลังยอดส่งออกเพิ่มขึ้นมาก ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลับคืนมาได้บ้าง
ปัจจัยลบ
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 8 ก.ค.52 ลดลง -10.38 ตันจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,109.81 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.7 ล้านออนซ์
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทปิดทรงตัว มาอยู่ที่ 34.06 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 34.06 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า แม้ผู้ส่งออกเริ่มขายดอลลาร์ออกมา ขณะที่เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้น -1 สต. มาอยู่ที่ 34.05 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีก หลังดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลงบ้างแล้ว โดยมีแนวรับสำคัญที่ 34.01 บาทและ 33.95 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.16 บาทและ 34.25 บาท
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — ยอดสินเชื่อเพื่อการบริโภคลดลง -3.2 พันล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลง -7.5 พันล้านดอลลาร์ บ่งบอกถึงความพยายามในการเก็บออมมากขึ้นของผู้บริโภคสหรัฐ นอกจากนี้ธนาคารเองก็ยังเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น พร้อมเรียกคืนบัตรเครดิตส่วนหนึ่งด้วย
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ธนาคารกลางอังกฤษ — เตรียมขอการสนับสนุนจากรัฐบาลในการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ โดยการพิมพ์แบงก์ใหม่ เพื่อเพิ่มการซื้อคืนพันธบัตรเป็น 1.5 — 2.0 แสนล้านปอนด์ หรือเพิ่มขึ้นจากแผนการก่อนหน้าราว 2.5 — 7.5 หมื่นล้านปอนด์ ในการกระตุ้น GDP เพิ่มเติม หลังหดตัวมากถึง -2.4% ในไตรมาส 1/09
ข้อมูลจาก : YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com