กรุงเทพฯ--10 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ราคาทองคำในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลง หลังความเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจถดถอยลงในสหรัฐและยูโรโซน นักลงทุนเริ่มทบทวนลดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลง แล้วเข้าซื้อพันธบัตร เงินดอลลาร์และเงินเยนในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยมากขึ้น โดยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังตัวเลขความเชื่อมั่นนักลงทุนในเขตยูโรโซนลดลงมาที่ -31 มากกว่าที่คาดไว้ที่ -25 จาก -27 ในเดือนก่อนหน้า + ตลาดคาดผลประกอบการไตรมาส 2/09 ของบริษัททั่วโลกจะลดต่ำลง ทำให้ความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกลับมามากขึ้น + ยุโรปได้เริ่มซื้อคืนพันธบัตรตามแผนการซื้อคืนรอบเดือนนี้ราว 6 หมื่นล้านยูโรแล้ว + ธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยแม้ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นดีขึ้น แต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในญี่ปุ่นยังคงรุนแรง ความเป็นไปได้ที่จะลดการจ้างงานและลดการลงทุน ยังคงจะดำเนินต่อไป และสุดท้ายอินเดียได้ขยายงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดได้คาดไว้มาก ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าการอินเดียจะถูกลดความน่าเชื่อถือในไม่ช้า + การเข้าซื้อคืนพันธบัตรของ FED รวมทั้งราคาน้ำมันที่ร่วงลง หลัง EIA ของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล มาที่ 347.3 ล้านบาร์เรลอีกด้วย
สำหรับปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ คือ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมันพุ่งขึ้น 4.4% MoM ในเดือน พ.ค. มากว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 0.5% เกือบ 10 เท่า หลังยอดส่งออกเพิ่มขึ้นมาก ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลับคืนมาได้บ้าง อีกทั้งในการประชุม G-8 (8-10 ก.ค.52) มีความเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอเกินกว่าที่จะยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะพิจารณาว่าจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นหรือไม่ เพื่อหนุนภาคธนาคาร โดยนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้กล่าวก่อนการประชุมกับรอยเตอร์ว่า โลกจำเป็นต้องตื่นตัวต่อระดับของการทรุดตัวลงและมุ่งความสนใจต่อไปในการเริ่มการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง และการที่IMF ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 2010 ขึ้นเป็น +2.5% จากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ +1.9% ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังคงมุมมองเชิงลบของการเติบโตในปีนี้ โดยการปรับลดการเติบโตลงอีกเล็กน้อยเป็น -1.4% จาก -1.3% ส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นได้
ในช่วงปลายของสัปดาห์ ราคาทองคำกลับดีดตัวขึ้น หลังหลังความเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มกลับคืนมาได้บ้าง หลังจีนเผยตัวเลขยอดขายรถยนต์ที่พุ่งขึ้นราว 48% + ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงมากกว่าคาด ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเริ่มขายเยนและดอลลาร์ เพื่อกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
แต่ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษออกมาประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% ตามคาด แต่สร้างความผิดหวังต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางจะเพิ่มการอัดฉีดเงินอีกราว 0.25 แสนล้านปอนด์ เป็น 1.5 แสนล้านปอนด์ จาก 1.25 แสนล้านปอนด์เข้าสู่ระบบจนถึงเดือน สิงหาคม ถือเป็นสัญญาณลบต่อราคาทองคำ
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอในรายงานดังกล่าว นี้เป็นเพียงความคิดเห็นซึ่งนำเสนอโดย บริษัท YLG Bullion International จำกัด โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ จากความเสียหายที่เกิดจากการใช้รายงานหรือข้อความจากรายงานฉบับนี้
ข้อมูลจากฝ่ายวิจัย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด