กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--สยาม พีอาร์
นู สกิน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เปิดตัวเแผนการจ่ายผลตอบแทนแบบใหม่ “เว็ลธ แมคซิไมเซอร์” (Wealth Maximizer) ตั้งแต่เดือนกรกฏาคมนี้เป็นต้นไป มุ่งสร้างรายได้ให้กับผู้แทนจำหน่ายให้มากขึ้นท่ามกลางภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทขายตรงชั้นนำของโลกที่จ่ายค่าคอมมิชชั่นสูงที่สุด มั่นใจแผนใหม่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้แทนจำหน่าย และจะมียอดจำนวนผู้แทนจำหน่ายใหม่เข้าร่วมธุรกิจนู สกิน เพิ่มขึ้น 60% หรือไม่ต่ำกว่า 40,000 คน เชื่อมั่นปีนี้ยอดขายเติบโตตามเป้า 15% ซึ่งจะเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดตามบริษัทแม่
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจขายตรงในครึ่งปีแรกถึงแม้จะเผชิญกับภาวะวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง แต่โดยภาพรวมธุรกิจนั้นยังมีโอกาสเติบโตท่ามกลางวิกฤตินี้ได้ เนื่องด้วยธุรกิจขายตรงยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการมีรายได้เสริมร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยเงินลงทุนที่ต่ำ รวมถึงการได้รับค่าตอบแทนที่สูงอย่างไม่มีขีดจำกัดสำหรับการทุ่มเททำงาน ซึ่งผลประกอบการของนู สกิน ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ที่ผ่านมา มียอดขายเติบโต 15% และการเติบโตของจำนวนสมาชิกใหม่อยู่ที่ 60% เมื่อเทียบระหว่างปี 2551 และ 2552 หากดูที่ผลประกอบการเปรียบเทียบแบบรายเดือน ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นู สกิน มียอดขายเติบโตสูงถึง 30% ซึ่งนับเป็นยอดขายรายเดือนสูงที่สุดตั้งแต่ นู สกิน เปิดดำเนินการในประเทศไทย รวมทั้งมียอดอัตราการเติบโตของจำนวนสมาชิกใหม่สูงถึง 80% เมื่อเทียบระหว่างเดือนเดียวกันของปี 2551 และ 2552
นางภคพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยวิกฤติการณ์ภายนอกเท่าที่ผู้ประกอบการณ์ทุกคนทราบ นับเป็นแรงผลักดันอย่างยิ่งที่จะต้องแข่งขันกับตัวเองเพื่อก้าวข้ามบททดสอบความแข็งแกร่งไปสู่การเติบโตอีกก้าวหนึ่งของนู สกิน ประเทศไทย และสำหรับในไตรมาสที่สามนี้ นู สกิน ประเทศไทย จึงเตรียมแผนไว้รองรับการขยายตัวของธุรกิจขายตรง ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดตัวแผนการจ่ายผลตอบแทนแบบใหม่ที่เรียกว่า “เว็ลธ แม็กซิไมเซอร์” (Wealth Maximizer) เป็นแผนปันผลตอบแทนแบบวิเคราะห์อัตราการเติบโตภายในองค์กรของผู้แทนจำหน่าย และจะคำนวณผลตอบแทนออกมาให้ 2 ทางเลือก หลังจากนั้นบริษัทฯ จะเลือกจ่ายในแบบที่ผู้แทนจำหน่ายจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด เพื่อเป็นรางวัลแห่งความมุ่งมั่นการทำงาน แผนปันผลตอบแทนใหม่นี้ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ นู สกิน ในการเป็นบริษัทขายตรงแนวหน้าของโลกด้วยการสร้างรายได้ให้แก่ผู้แทนจำหน่ายมากกว่าบริษัทขายตรงอื่นๆ ดังนั้นเป้าหมายของแผนฯจึงเน้นเพิ่มรายได้ให้กับผู้บริหารมากขึ้น โดยที่ผู้แทนจำหน่ายระดับบริหารขึ้นไปจะมีรายได้โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 20%-88% รวมทั้งมุ่งเน้นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้แทนจำหน่ายเป็นสำคัญ ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับองค์กรของผู้แทนจำหน่าย เป็นแผนรายได้ที่ไม่ซับซ้อน ให้ผลตอบแทนรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของทีมงานอีกทางหนึ่งด้วย
นางภคพรรณกล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส พิสูจน์แล้วถึงความแตกต่างที่พิสูจน์ได้จริงของโอกาสทางธุรกิจ โดยปัจจุบัน นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส มีผู้แทนจำหน่ายมากกว่า 750, 000 บัญชีรายชื่อที่กระจายอยู่ในตลาดกว่า 49 ประเทศทั่วโลก และสำหรับนู สกิน ประเทศไทย ได้จ่ายผลตอบแทนไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท สร้างผู้แทนจำหน่ายทำเนียบเงินล้านมากกว่า 280 บัญชีรายชื่อ ประกอบด้วย ทำเนียบผู้บริหาร 1 ล้านบาท 260 บัญชีรายชื่อ ทำเนียบผู้บริหาร 10 ล้านบาท 13 บัญชีรายชื่อ ทำเนียบผู้บริหาร 20 ล้านบาท 8 บัญชีรายชื่อ ทำเนียบผู้บริหาร 40 ล้านบาท 2 บัญชีรายชื่อ ทำเนียบผู้บริหาร 100 ล้านบาท 2 บัญชีรายชื่อ ทำเนียบผู้บริหาร 200 ล้านบาท 1 บัญชีรายชื่อ
“การปรับแผนการจ่ายผลตอบแทนนี้เป็นนโยบายจากทางบริษัทแม่ที่ได้เริ่มใช้แผนใหม่มาก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งปี โดยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีรายได้ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดเพิ่มมากถึง 30-40% สำหรับประเทศไทยได้เริ่มใช้แผนการจ่ายผลตอบแทนแบบใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดสมาชิกใหม่ของ นู สกิน จะเติบโตกว่า 60% บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าการใช้แผน เว็ลธ แม็กซิไมเซอร์ พร้อมๆ ไปกับการสร้างความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริษัทฯ ให้กับผู้แทนจำหน่าย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ นู สกิน ประเทศไทย มีความแข็งแกร่งในการขยายฐานขององค์กร และสามารถผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 15% ภายในปีนี้ได้อย่างแน่นอน และเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีต่อๆไป ในส่วนของกิจกรรมการตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะยังคงเน้นที่กิจกรรม นู สกิน โรดโชว์ 2009 ที่จะเดินสายไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น และเป็นการแนะนำโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ที่สนใจในธุรกิจขายตรงด้วยอีกทางหนึ่ง” นางภคพรรณกล่าวในที่สุด