ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ “แทค” เป็น “A” จากเดิม “A-” พร้อมคงแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday July 7, 2006 08:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็กเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (แทค) เป็นระดับ “A” จาก “A-” พร้อมคงแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการแข่งขันของบริษัทในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทย และความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของบริการโทรศัพท์มือถือซึ่งยังคงเติบโตอยู่แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่ช้าลงก็ตาม นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์จาก Telenor ASA ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมจากประเทศนอร์เวย์ รวมถึงภาระหนี้ของบริษัทที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท รวมทั้งจากการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อการขยายโครงข่ายและความสามารถในการให้บริการ และจากความไม่แน่นอนของกฎระเบียบด้านการสื่อสารโทรคมนาคมในปัจจุบัน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่า ภายใต้การดูแลของคณะผู้บริหารปัจจุบัน บริษัทจะยังคงความสามารถในการแข่งขันและสร้างเงินทุนจากการดำเนินงานที่เพียงพอสำหรับการขยายโครงข่ายได้โดยไม่ส่งผลให้ระดับของเงินกู้ยืมสูงมากขึ้นจากปัจจุบัน แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหมายว่ากฎระเบียบใหม่ที่ออกโดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะไม่ส่งผลกระทบในด้านลบต่อผลประกอบการของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 อัตราการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อจำนวนประชากรในประเทศไทยอยู่ที่ระดับ 51% ซึ่งเพิ่มจาก 48% ณ สิ้นปี 2548 อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือในประเทศมีอัตราการเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงปี 2544 ถึงปี 2545 ที่ระดับ 120% และ 121% ตามลำดับ ต่อมาการเติบโตได้ลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 14% ในปี 2548 การแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือเริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2545 เมื่อ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด (มหาชน) เข้ามาแข่งขันในตลาด ปัจจุบันอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือของไทยยังคงครองตลาดโดยผู้ประกอบการสำคัญๆ เพียงไม่กี่ราย ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำตลาดด้วยสัดส่วนของลูกค้า 51% ตามมาด้วยแทค 30% และทรูมูฟ 15% การเสนอบริการในราคาต่ำเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมใช้มากที่สุดเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่า เป็นผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาซึ่งกระตุ้นให้ลูกค้าใช้เวลาในการพูดคุยโทรศัพท์นานเกินกว่าความจำเป็นอยู่เสมอ ในที่สุด การแข่งขันด้านราคาได้ก่อให้เกิดปัญหาในการเชื่อมต่อสัญญาณโครงข่ายซึ่งนำไปสู่ความต้องการงบลงทุนในการขยายโครงข่ายการให้บริการที่เพิ่มมากขึ้น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แทคสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ที่ประมาณ 30% นับจากปี 2545 ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความเป็นผู้ริเริ่มในการคิดรูปแบบราคาบริการใหม่ๆ การเจาะกลุ่มลูกค้าเพื่อให้บริการตามความต้องการที่แตกต่างกันไประหว่างลูกค้าทั่วไปและลูกค้าองค์กร และกลยุทธ์การเอาใจใส่ลูกค้าเป็นสำคัญ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2549 บริษัทมีลูกค้าประมาณ 9.8 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้น 13% จากสิ้นปี 2548 และฐานลูกค้าได้เพิ่มเกิน 10 ล้านคนไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2549 ทั้งนี้ ลูกค้าประเภทใช้บัตรเติมเงิน (Prepaid) ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างรายได้ บริษัทมีโครงข่ายซึ่งครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากกว่า 90% ของจำนวนประชากร และมีแผนจะขยายโครงข่ายเพิ่ม โดยเฉพาะในเขตต่างจังหวัดที่ยังมีความต้องการอยู่อีกมาก บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มรายได้จากบริการเสริมที่มิใช่บริการทางเสียง (Non-voice) โดยการพัฒนาโครงข่ายเพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยี 3G และ EDGE (Enhance Data-rates for GSM Evolution) ด้วย นอกจากนี้ แทคยังน่าจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มการลงทุนของ Telenor ในรูปของความช่วยเหลือด้านการบริหารโดยผ่านทางตำแหน่งผู้บริหารและกรรมการบริษัทซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก Telenor ทั้งนี้ หลังจากการทำคำเสนอซื้อหุ้นเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม 2548 Telenor มีสัดส่วนการถือหุ้นโดยตรงในแทคเพิ่มขึ้นจาก 29.9% ในปี 2543 เป็น 32.9% และ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2549 Telenor ถือหุ้นในแทคทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วน 70.2%
ทริสเรทติ้งยังกล่าวอีกว่า แทคประสบความสำเร็จในการลดภาระเงินกู้มาโดยตลอด โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับตัวดีขึ้นจาก 60% ในปี 2546 เป็น 49% ณ เดือนมีนาคม 2549 ถึงแม้ว่าหุ้นกู้จำนวน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐของบริษัทจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่จะถึงนี้ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถหาเงินมาใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าวได้ตามกำหนด นอกจากนี้ ระดับอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทยังเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าจากปี 2544 ซึ่งสืบเนื่องมาจากผลประกอบการที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม งบประมาณการลงทุนเพื่อการขยายโครงข่ายการให้บริการและรองรับเทคโนโลยี 3G คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้และอาจส่งผลให้แทคไม่สามารถนำเงินจากการดำเนินงานมาใช้ลดภาระหนี้ไปสักระยะหนึ่ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัท
และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ