ลลิลพร็อพเพอร์ตี้ ประกาศผลประกอบการปี 2548 กำไรสุทธิ 692.6 ล้านบาท เติบโตกว่า 19.31%

ข่าวทั่วไป Tuesday February 21, 2006 13:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ลลิลพร็อพเพอร์ตี้ ผู้นำบ้านที่อยู่อาศัยระดับกลาง 2 — 5 ล้านบาท ประกาศผลประกอบการปี 2548 กำไรสุทธิ 692.6 ล้านบาท เติบโตกว่า 19.31% จ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.19 บาท รวมทั้งปี 2548 จ่าย 0.34 บาท
บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศผลประกอบการประจำปี 2548 มียอดรับรู้รายได้กว่า 2,765 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 692.6 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.84 บาท กำไรต่อหุ้นโต 19.31% เมื่อเทียบกับปี 2547 และมียอดรับรู้รายได้ใน ไตรมาสที่ 4 จำนวน 735.4 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.21 บาท พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีหลังอีก 0.19 บาทต่อหุ้น และเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการอย่างต่อเนื่อง
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเมื่อพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของปี 2548 จะพบว่าหลังการเลือกตั้งของประเทศ ปัจจัยลบก็ได้รุมเร้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนกที่กระจายไปทั่วโลก ราคาน้ำมันโลกที่ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วจากการขาดแคลนน้ำมันและภาวะการเก็งกำไร, อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางด้านประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนก, การปรับราคาน้ำมันให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของโลก และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย R/P 14 วันของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างสมดุลทางการเงิน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยกระทบอันเนื่องมากจากราคาน้ำมัน และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีเสถียรภาพขึ้น คาดว่าดอกเบี้ยจะเพิ่มอีกประมาณ +/- 1%
แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2549 ยังคงมีทิศทางทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2548 เนื่องจากภาคประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ประชาชนตัดสินใจช้าลงบ้าง อย่างไรก็ดีเนื่องจาก GDP คาดว่ายังเพิ่มในอัตรา 4-5% และดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และประชาชนเริ่มทราบชัดเจนขึ้นถึงภาระค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย ทำให้กำลังซื้อบ้านที่แท้จริง (Real Demand) ยังสามารถขยายตัวได้ และยังมีแนวโน้มขยายตัวเจริญเติบโต 7-10% จากยอดในปี 2548 (คาดว่าประมาณ 68,000 หน่วย)
ในแง่ของผู้ประกอบการโดยภาพรวมจะไม่มีรายใหม่เข้าสู่ตลาดและสินค้าจากรายเก่าเข้าสู่ตลาดน้อยลง เนื่องจากภาวะตลาดและสถาบันการเงินเข้มงวดในการอำนวยสินเชื่อ ทำให้ Supply ในตลาดปรับสู่ดุลยภาพ ฉะนั้นผู้ประกอบการที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง วางตำแหน่งสินค้าได้ถูกต้อง และตรงตามความต้องการของลูกค้าก็จะได้เปรียบในเชิงการแข่งขันและยังสามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ภาวะทางการเมืองควรคลี่คลายลง และโครงการเมกกะโปรเจกมีความชัดเจนขึ้น
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ ในปี 2549 บริษัทได้เปิดโครงการทั้งสิ้น 5 โครงดังนี้
ไตรมาสที่ 1
1. โครงการทาวน์เฮ้าส์ มูลค่า 400 ล้านบาท
2. โครงการบ้านลลิล มูลค่า 450 ล้านบาท
3. โครงการบ้านลลิล มูลค่า 1,150 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 3
1. โครงการที่ 4
2. โครงการที่ 5
โครงการที่ 4 และ 5 มีมูลค่า 2,050 ล้านบาท
ดังนั้นในปี 2549 จะมีมูลค่ารวมโครงการที่เปิดใหม่อย่างน้อย 5 โครงการ มูลค่าทั้งสิ้น 4,050 ล้านบาท เมื่อรวมกับโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันอีก 19 โครงการที่พร้อมขาย จะทำให้บริษัทมีโครงการทั้งสิ้น 24 โครงการที่จะรับรู้รายได้ในปี 2549 โดยราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตจะอยู่ประมาณ 2-5 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีความต้องการอย่างแท้จริง และเหมาะสมกับกำลังซื้อบ้านของลูกค้า ในภาวะที่เรียกได้ว่าเป็นขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และบริษัทฯยังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการแข่งขัน และคาดว่าจะบรรลุเป้าหมาย
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด จิดาภา ประมวลทรัพย์, สมฤทัย ผลพละ
บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร.0-2732-1041-5 โทร. 0-2693-7835-8 ต่อ 32,34, 0-1817-7153
โทรสาร 0-2377-9656 โทรสาร 0-2693-6920--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ