กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำจะยังคงผันผวนสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากตัวเลขกำไรของหลายบริษัทที่ยังออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินไว้ + ตัวเลขเศรษฐกิจก็สนับสนุนการฟื้นตัว แม้จะเป็นไปอย่างๆช้าก็ตาม + ตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มขยับขึ้น จากผลของราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้า ซึ่งอาจกดอุปสงค์โดยรวมในระยะต่อไป
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะเป็นบวก, MACD 30 เคลื่อนตัวในแดนบวกแสดงถึงตลาด ขาขึ้น ทว่ากำลังตัดเส้น Trigger และทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวเป็นขาลง, MACDF อยู่ในแดนลบทำให้ดูเป็นขาลง, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ราคาดูเป็นบวก, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 50.088 ถือเป็นระดับ Neutral ทำให้ดูว่าราคาราคาเป็นตลาด Sideways, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways-up แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $928-$946 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.98-฿34.15
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 63.755 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อย, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ ทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวเป็นขาลง, MACDF เคลื่อนตัวเข้าเข้าสู่แดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ดูราคามีความเป็นไปได้ที่จะบวกต่อในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $900 และ $880
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,050 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,220 หรือที่ $939.15) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 170 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,200 บาท จะมีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 20 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 170-20 = 150 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังคงคุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้ แต่หากนับรวมต้นทุนดอกเบี้ยด้วยแล้ว อาจยังไม่คุ้มค่า
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คเปิดเผยผลสำรวจภาวะธุรกิจทั่วไป (Empire State Index) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -0.55 ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2008 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ -9.41 ในเดือนมิ.ย. อันเป็นผลจากยอดสั่งซื้อใหม่ที่พุ่งขึ้น + กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาด +0.7% ในเดือนมิ.ย. แต่การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปลดลง -1.4% ในเดือนมิ.ย.ปีนี้ เทียบกับที่ลดลง -1.3% ในเดือนมิ.ย.ปี 2008 ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนมิ.ย.และเพิ่มขึ้น +1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี เทียบกับที่เพิ่มขึ้น +1.8% ในเดือนมิ.ย. 2008 + ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมลดลง -0.4% ในเดือนมิ.ย.หลังลดลง -1.2% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงในอัตราที่ชะลอลง และอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 68.0% ในเดือนมิ.ย. จาก 68.2% ในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้บริโภคอาจอยู่ในภาวะที่ดีกว่าที่วิตกกัน หลังบริษัทบัตรเครดิตของสหรัฐเปิดเผยยอดผิดนัดชำระหนี้ลดลงมากเกินคาดในเดือนมิ.ย. โดยบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสคาดว่าธุรกิจจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0137 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4105 จากที่ปิด $1.3968 เมื่อวันก่อนหน้า หลังนักลงทุนเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น + ผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ + ตัวเลขเศรษฐกิจที่บ่งบอกถึงความมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นและความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย -$0.0013 มาที่ $1.4092
ราคาน้ำมัน — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น +$2.02 มาปิดที่ $61.54 ต่อบาร์เรล หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาก + ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้น + ตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลง -2.8 ล้านบาร์เรล มาที่ 344.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะลดเพียง -1.6 ล้านบาร์เรลเท่านั้น ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น +6 แสนบาร์เรล มาที่ 159.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น +1.9 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น +1.5 ล้านบาร์เรล มาที่ 214.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง +1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.1% มาที่ 87.9% ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ส.ค. ยังขยับขึ้นต่อ +$0.26 มาอยู่ที่ $61.80 ต่อบาร์เรล
ปัจจัยลบ
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -7 สต. มาที่ 34.05 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 34.12 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค อย่างเช่น วอน เกาหลีใต้ และริงกิต มาเลเซีย ที่นำสกุลเงินเอเชียแข็งค่าขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากผลประกอบการที่แข่งแกร่งของบริษัทสหรัฐ และความหวังที่ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้น ได้เพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +4 สต. มาที่ 34.09 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้ง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.98 บาทและ 33.91 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.15 บาทและ 34.25 บาท
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 15 ก.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,094.54 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.30 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.19 ล้านออนซ์
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้สหรัฐจะประกาศตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ก.ค. คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจาก 5.65 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า + ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.ค. คาดว่าลดลง
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com