กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--บีโอไอ
บีโอไอนำทัพนักธุรกิจไทย ดูลู่ทางการลงทุนใน เสียมเรียบ — พนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตั้งเป้าขยายเครือข่ายการลงทุน พร้อมใช้โอกาสจากนโยบายสนับสนุนการลงทุนของกัมพูชาเดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่อง
นางสาวชุติมา พุ่มศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนที่ 3 จังหวัดขอนแก่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 21 -24 กรกฎาคม 2552 บีโอไอร่วมกับ สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรม Connection Building Mission ประเทศกัมพูชา เส้นทาง กรุงเทพฯ - เสียมเรียบ - พนมเปญ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย ในการไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน และรองรับการลงทุนจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยกิจกรรมนี้จะหารือถึงลู่ทางการส่งเสริมการลงทุนของไทยในเสียมเรียบ ศึกษาเส้นทางการขนส่งรอบเมืองและสำรวจศูนย์กลางแหล่งกระจายสินค้าของจังหวัดเสียมเรียบ
ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของกัมพูชาและสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา ร่วมหารือพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนของไทยในกัมพูชาเพื่อสร้างเครือข่ายทางการลงทุนตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ
“กิจกรรม Connection Building Mission นี้จะสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยนำข้อมูลที่ได้รับมาวิเคราะห์ถึงโอกาสและช่องทางการลงทุนในกัมพูชา ซึ่งเป็นข้อมูลตรงจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบรวมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชาแล้ว และเหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญกับตลาดกัมพูชา เพราะเป็นตลาดที่มีความต้องการสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นทุกปี จึงเป็นแหล่งลงทุนที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม” นางสาวชุติมากล่าว
สำหรับสถิติการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในกัมพูชานั้น มีผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในกัมพูชา 65 โครงการ ได้แก่กิจการประเภทสินค้าอาหาร กิจการโรงพยาบาลและธนาคารเป็นต้น คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 287 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้จากการวิเคราะห์โอกาสการเข้าไปลงทุนยังประเทศกัมพูชาพบว่า กัมพูชาเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรธรรมชาติมาก อาทิ อัญมณี สินแร่ รวมถึงสัตว์น้ำ เพราะมีแหล่งจับสัตว์น้ำจืดขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 10,000 ตารางกิโลเมตร จึงเป็นโอกาสดีที่ไทยจะเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรและการแปรรูป ที่เป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ไทยมีศักยภาพ
อย่างไรก็ตาม มูลค่าทางการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชา พบว่า ในปี 2551 ไทยส่งออกสินค้าไปกัมพูชาคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 26,126 ล้านบาท ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาเพียง 2,136 ล้านบาทเท่านั้น โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามากถึง 23,989 ล้านบาท โดยสินค้าหลักที่ไทยส่งออกไปกัมพูชาสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ รถยนต์ และอะไหล่รถยนต์ตามลำดับ ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจะเป็นประเภทเศษเหล็ก และเศษอลูมิเนียม
นางสาวชุติมา กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศอย่างมาก จึงมีนโยบายส่งเสริมและปรับปรุงแก้ไขระเบียบการลงทุนเพื่อเอื้อต่อนักลงทุนต่างชาติ เช่น การอำนวยความสะดวกและการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จึงเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปลงทุนเพื่อขยายกิจการในประเทศกัมพูชามากยิ่งขึ้น คาดว่าจะมีผู้ประกอบการร่วมเดินทางในกิจกรรมครั้งนี้ประมาณ 20 ราย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2552 บีโอไอได้ร่วมกับ สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดสัมมนา เรื่อง “โอกาสและความท้าทายในการค้าการลงทุนในกัมพูชา” ซึ่งได้รับเกียรติจากนายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น มาเป็นประธานเปิดงาน ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะไปลงทุนในกัมพูชาเข้าร่วมการสัมมนาจำนวนกว่า 120 คน และในการสัมมนา ได้มีการนำเสนอเรื่องโอกาสและความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุน เทคนิคการทำการค้าการลงทุน กฎระเบียบต่างๆ ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนในกัมพูชา
ผู้ประกอบการที่สนใจร่วมเดินทางกิจกรรม Connection Building Mission สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โทร. 02 — 537 -8111 ต่อ 1117 หรือที่ www.boi.go.th