กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--มหาวิทยาลัยรังสิต
ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับ ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ได้แถลงถึง ผลสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นของผู้บริหาร นักธุรกิจอุตสาหกรรม นักศึกษาและประชาชนโดยทั่วไปต่อการพัฒนารัฐวิสาหกิจ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจและนโยบายรัฐวิสาหกิจ ว่า การสำรวจความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวทำขึ้นระหว่างวันที่ 9 ก.ค. — 15 ก.ค. 52 หลังการชุมนุมหยุดงานประท้วงของสหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อการปรับโครงสร้าง รฟท หลังการเรียกร้องค่าครองชีพของพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยทำการสุ่มตัวอย่างประชากรจำนวน 1,402 คน เป็นชาย 686 คน (48.93%) เป็นหญิง 716 (51.07%)
จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามพบว่า บุคคลที่มีระดับรายได้สูง มีสถานภาพการทำงานที่ดี และ มีการศึกษาสูง มีแนวโน้มสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจ แปรรูปและปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ขณะที่ยังมีบุคคลจำนวนไม่น้อยยังคงมองว่า การแปรรูป คือ การขายสมบัติของชาติ โดยไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริง นอกจากนี้ ยังมีการเข้าใจสับสนและให้คำนิยาม การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ
คนจำนวนไม่น้อยยังไม่มั่นใจว่า กระบวนการพัฒนารัฐวิสาหกิจจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสและยึดหลักธรรมภิบาล ขณะที่ประชากรจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกันมั่นใจอย่างมีเงื่อนไขว่า สามารถพัฒนารัฐวิสาหกิจให้ดีขึ้นได้ แปรรูปโดยผลประโยชน์ตกกับคนส่วนใหญ่ ประเทศชาติ รัฐวิสาหกิจนั้นๆรวมทั้งพนักงาน แต่เป็นการมีความมั่นใจอย่างมีเงื่อนไข คือ มีรัฐบาลที่ดีโปร่งใส มีรัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่ยึดถือผลประโยชน์ของส่วนรวมและมีวิสัยทัศน์ พนักงานและสหภาพแรงงานมีเหตุมีผล มีคุณภาพและเข้มแข็ง รวมทั้ง คุณภาพของคณะกรรมการ (บอร์ด) และผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจนั้นๆด้วย เป็นต้น
ดร. อนุสรณ์ ได้แถลงผลว่า
จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 1,402 คน
เพศชาย 686 คน คิดเป็น 48.63%
เพศหญิง 716 คน คิดเป็น 51.07%
สรุปผลสำรวจสถานการณ์รัฐวิสาหกิจ
1. ท่านเข้าใจความหมายของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างไร
- ขายรัฐวิสาหกิจ 10.06%
- ให้สัมปทานแก่เอกชนเข้าร่วมพัฒนา 15.55%
- ตั้งเป็นบริษัทลูกขึ้นมาใหม่ 1.64%
- นำเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ 13.41%
2. ท่านคิดว่าแนวทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจควรจะทำอย่างไร
- แปรรูป 16.69%
- ปฏิรูปโดยไม่ต้องแปรรูป 14.55%
- แปรรูปและปฏิรูป 37.16%
- ปรับปรุงประสิทธิภาพ 31.60%
3. ท่านคิดว่าสาเหตุใดที่ทำให้รัฐวิสาหกิจไทยขาดทุน
- สิทธิประโยชน์ให้แก่พนักงานและกรรมการมากเกินไป 10.84%
- การบริหารงานไร้ประสิทธิภาพ 27.10%
- ทุจริตคอร์รัปชั่น 37.16๔
- นักการเมืองแทรกแซง 24.89%
4. ท่านคิดว่ารัฐวิสาหกิจใดบ้างที่ขาดทุนมาก 3 อันดับแรก
- ขสมก 44.79%
- การบินไทย 36.16%
- องค์การโทรศัพท์ 9.27%
5. แนวทางในการพัฒนารัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน ควรทำอย่างไร
- ขายรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 9.49%
- ให้สัมปทานแก่เอกชนเข้าร่วมพัฒนา 45.51%
- ตั้งเป็นบริษัทลูกขึ้นมาใหม่ 23.82%
- ขายรัฐวิสาหกิจบางส่วน 17.62%
6. ท่านคิดว่ารัฐวิสาหกิจใดบริการดีที่สุดและมีความโปร่งใสมากที่สุด (ระบุ 3 อันดับแรก)
กฟผ = 34.88% ปตท = 26.68% อื่นๆ = 32.67%
7. ท่านคิดว่ารัฐวิสาหกิจใดต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพมากที่สุด (ระบุ 3 อันดับแรก)
รฟท = 48.79% ขสมก = 24.11% อื่นๆ = 25.46%
8. ท่านคิดว่ารัฐวิสาหกิจที่มีการแปรรูปแล้วให้บริการดีหรือไม่
พอใช้ = 33.59% ดีขึ้น = 21.18% เล็กน้อย = 11.63% ไม่แน่ใจ = 15.12%
9. ท่านคิดว่ารัฐวิสาหกิจใดมีภาพลักษณ์ว่าทุจริตมากที่สุด (ระบุ 3 อันดับแรก)
องค์การคลังสินค้า = 27.10%
การท่าอากาศยาน = 21.40%
รฟท = 19.90%
10. ท่านคิดว่าเราควรมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรหรือไม่
ควร = 61.13% ไม่ควร = 38.87%
11. การแปรรูปรัฐวิสาหกิจส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทั่วไปหรือไม่
ไม่มี = 13.77% มีผลกระทบ = 68.76%
12. ท่านคิดว่าก่อนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ส่งผลกระทบต่อพนักงานในรัฐวิสาหกิจหรือไม่
ไม่มี = 18.54% มีผลกระทบ = 81.46%
13. ท่านคิดว่าก่อนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ควรมีการทำประชามติหรือไม่
ควร = 58.92% ไม่ควร = 33.95%
14. ท่านคิดว่ารัฐวิสาหกิจที่มีลักษณะเป็นธุรกิจผูกขาดควรมีการแปรรูปหรือไม่
ไม่ควร = 39.51% ควร = 32.24% ไม่แน่ใจ = 28.25%
ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า การปฏิรูปและผ่าตัดนี้ ต้องตั้งมั่นอยู่เป็นผลประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ใช่ช่องทางของการหาประโยชน์ส่วนตนจากการแอบอ้างว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง หรือ สังคม ต้องอาศัยบทบาทภาครัฐเข้ามาจัดการ
ปัญหาเชิงโครงสร้างต้องอาศัยอำนาจการเมืองอาศัยรัฐบาลแน่นอน หากใช้กลไกตลาดปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจะใช้เวลายาวนาน ผู้คนที่เดือดร้อนจะทนไม่ไหว
นโยบายสาธารณะที่มุ่งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ รัฐวิสาหกิจ สังคม ระบบราชการเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นในเบื้องต้น
ขณะที่การก่อหนี้สาธารณะเพื่อนำมาชดเชยงบประมาณขาดดุลมีความจำเป็นสำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่อาจสร้างปัญหาฐานะการคลังในอีก ๓-๔ ปีข้างหน้าได้
การเก็บภาษีเพิ่ม หรือ ลดการใช้จ่าย ไม่อาจกระทำได้ในภาวะที่เศรษฐกิจหดตัวเช่นนี้
หันมาดูแหล่งรายได้สำคัญอีกแหล่งหนึ่ง ก็คือ ผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจบางแห่งก็พอช่วยบรรเทาปัญหาลงได้บ้าง รายได้โดยรวมของรัฐวิสาหกิจเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ที่ ๓.๐๕ ล้านล้านบาท
ด้วยขนาดของมูลค่าทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินทั้งระบบอยู่ที่ ๓.๒๘๘ ล้านล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินของกลุ่มสถาบันการเงินรัฐวิสาหกิจอยู่ที่ ๓.๓๓ ล้านล้านบาท
ด้วยมูลค่าทรัพย์สินระดับนี้ รายได้เข้ารัฐจึงควรดีกว่านี้มาก หากเราเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน เพิ่มธรรมาภิบาล และ ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจครั้งใหญ่ ซึ่งอาจจะแปรรูปหรือไม่แปรรูปก็ได้
ผลการสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นประชาชนครั้งนี้เป็นการตอกย้ำและสะท้อนอย่างชัดเจนว่า คนส่วนใหญ่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการการปฏิรูป รวมทั้งต้องการให้เกิดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่จำเป็นต้องทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนผู้ใช้บริการ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คณะเศรษฐศาสตร์ และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต
โทรศัพท์ 02-997-2222 ต่อ 1238, 1239 และ 1251 ติดต่อ คุณนุชนารถ, คุณอุไร, คุณจุฑาทิพ
www.rsu.ac.th/eco