Bangkok--20 Jul--IDC
จากข้อมูลล่าสุดของตลาดซอฟท์แวร์ที่ดำเนินการสำรวจโดย IDC ทุก ๆ ครึ่งปีในหัวเรื่อง IDC’s Asia/Pacific Semiannual Security Software Tracker, 2H 2008 พบว่า ตลาดบริหารจัดการด้าน Security และ Vulnerability (SVM) ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตถึง 5 เท่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังมีปัญหาในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551 การเติบโตของตลาด SVM นี้มาจาก ความจำเป็นเร่งด่วนภายใต้นโยบายของรัฐบาลในการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ในปี 2550 ตลาด SVM ในประเทศไทยนั้น มีส่วนเพียงร้อยละ 3 จากรายได้ของตลาด Security โดยรวมทั้งหมด ขณะที่ปี 2551 ตลาดนี้ได้ขยายสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11 เฉพาะแค่ในปี 2551 เพียงปีเดียว ตลาด Security โดยรวมในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตถึงร้อยละ 14.68
สำหรับประเทศไทยนโยบายจากภาครัฐฯ เป็นส่วนสำคัญที่ผลักดัน กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเกี่ยวกับ SVM ในครึ่งปีหลังของปี 2551 หลังจากที่ได้มีการบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การจัดเก็บ Log เป็นสิ่งที่สำคัญเรื่องในหลายเรื่องของ SVM และ กลับ เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจสำหรับองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทย สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์ ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย สำหรับ การใช้งานทั่วโลก นโยบายการบริหารจัดการด้านไอทีที่ดีที่สุดนั้นจะมีการติดตั้งซอฟท์แวร์ที่บริหารจัดการ Log ต่าง ๆ ไว้ด้วยเพื่อคอยตรวจสอบความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในระบบรักษาความปลอดภัย กล่าวโดย แอชวายา คาปูร์ นักวิเคราะห์ตลาดด้านซอฟท์แวร์ประจำ IDC ประเทศไทย
จากการกระทำความผิดผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั้น รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความ สำคัญในเรื่องดังกล่าวและได้ดำเนินการบังคับใช้ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 พ.ร.บ. นี้เป็นกฏหมายที่มีส่วนสำคัญต่อการกระทำความผิดใด ๆ ที่จะเกิดจากการใช้งาน คอมพิวเตอร์ ในประเทศไทย โดยเรื่องดังกล่าวมีผลบังคับให้องค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว ตั้งแต่มีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฏาคม 2550 นั้น การดำเนินการปฏิบัติตาม พ.ร.บ เป็น จำนวนมากนั้น ได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในการลงทุนด้านไอที และ ระบบรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน ทั่วทั้งประเทศ ซึ่งเนื้อหาใน พ.ร.บ นั้นกำหนดให้บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องบันทึกและเก็บหลักฐานการรับส่ง ข้อมูลของธุรกิจที่ดำเนินการจากเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 90 วัน ข้อมูลที่องค์กรต่าง ๆ ต้องจัดเก็บ นั้นประกอบไปด้วยการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต อีเมล์ เว็บไซท์ที่เข้า การแช็ท การทำธุรกรรมทาง การเงินผ่านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ
*IDC’s Asia/Pacific Semi annual Security Software Tracker, 2H 2008
องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น ธุรกิจบริการทางการเงิน และ โทรคมนาคม เป็นธุรกิจหลักที่มีการลงทุนใน โซลูชั่นด้าน SVM มากที่สุด เรื่องดังกล่าวนี้ไม่แค่เพียงเฉพาะการปฏิบัติให้สอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับ ต่าง ๆ แต่ยังได้ใช้ประโยชน์จาก SVM ในการตรวจสอบข้อมูลที่มีความสำคัญต่อธุรกิจรวมถึงการตรวจจับ ภัยอันรายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ใหม่ ๆ ได้ในช่วงต้นด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจ เอสเอ็มอี การนำ SVM มาประยุกต์ใช้งานนั้นยังคงอยู่ในวงจำกัดเนื่องจากมีราคาค่อนข้างแพง
จากการที่ธุรกิจหลายแห่งได้จัดสรรงบประมาณในการลงทุนเพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว สิ่งนี้ได้ ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายเกี่ยวกับซอฟท์แวร์ด้าน Security อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจ ที่ซบเซา โดยในปี 2552 IDC คาดว่า ตลาด SVM จะยังคงมีอัตราเติบโตถึงร้อยละ 19
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
คุณศศิธร แซ่เอี้ยว
ที่หมายเลข 662-651-5585 ต่อ 113
Email: sasithorn@idc.com