กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--ธนาคารนครหลวงไทย
การดำเนินงานของธนาคารในด้านต่างๆ มีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนจากผลประกอบการในครึ่งแรกของปีที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม 1,870 ล้านบาท เป็นกำไรในไตรมาสแรก 651 ล้านบาท และอีก 1,219 ล้านบาท ในไตรมาสสอง ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ขณะที่มีกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะ 1,862 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ผันผวน ทั้งนี้ เป็นผลจากการสานต่อแผนกลยุทธ์สำคัญต่างๆที่ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การผนึกพลังของกลุ่มบริษัทในเครือ การพัฒนาบุคลากร การขยายฐานการตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การยกระดับคุณภาพในการทำงานด้านต่างๆ และที่สำคัญกลยุทธ์การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ (Confidence and Trust) ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่ได้กำหนดขึ้นสำหรับปีนี้
ภายใต้แผนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจกลุ่มเป้าหมายอย่างจริงจัง ทำให้ไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากธนาคารจะสามารถปรับโครงสร้างสินเชื่อ โดยเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยจากร้อยละ 19 ณ สิ้นปี 2551 เป็นร้อยละ 24 ณ สิ้นมิถุนายน 2552 แล้วยังทำให้ธนาคารนครหลวงไทยเป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์เพียงไม่กี่แห่งที่มีการเติบโตของสินเชื่อในไตรมาสแรก และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาสินเชื่อและโครงสร้างองค์กรใหม่ การรวมศูนย์งานปฏิบัติการสินเชื่อ งานพิธีการสินเชื่อ และงานบัญชีสาขา ช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการและการปฏิบัติงานของธนาคาร การสานความร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ บริษัทประกันชีวิต AIA นอกจากจะเสริมสร้างประสบการณ์ในการทำธุรกิจร่วมกัน ยังเป็นการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ Bancassurance ช่วยตอบสนองความต้องการที่หลากหลายให้กับลูกค้าและเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมให้กับธนาคาร
สำหรับด้านพนักงาน นอกจากการยกระดับองค์ความรู้ตามโครงการต่างๆ ที่จัดทำขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนแล้ว ธนาคารได้เพิ่มเติมหลักสูตรใหม่ๆ อาทิ ทักษะการวิเคราะห์สินเชื่อ (Omega Performance Corporation) การบริหารการขายเชิงกลยุทธ์ การขายอย่างมืออาชีพ การเจรจาต่อรอง การพัฒนาบุคลิกภาพสำหรับผู้บริหารและพนักงานเครือข่ายสาขา รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพการให้บริการตามโครงการ High Personal Touch เครือข่ายสาขาทั่วประเทศ เพื่อให้มีบริการที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ใหม่ของธนาคาร
นอกจากนี้ยังได้ดำเนินโครงการปรับปรุงภาพลักษณ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากการปรับเปลี่ยนเครื่องแบบพนักงานให้ทันสมัยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ รวมทั้งเปิดตัวสาขาต้นแบบรูปโฉมใหม่ที่มีบรรยากาศสบายเป็นกันเอง ผสมผสานความทันสมัยและการใช้เทคโนโลยียุคใหม่ ทั้งสาขาเต็มรูปแบบที่อาคารชาญอิสระ (พระราม 4) และสาขาย่อยที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ และตามด้วยภาพยนตร์โฆษณาภาพลักษณ์ใหม่ของธนาคารที่สื่อถึงการให้บริการด้วยใจ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
อีกความภาคภูมิใจของพนักงานนครหลวงไทยทุกคน คือ การออกขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิธนาคารนครหลวงไทยครั้งที่ 1/2552 จำนวน 10,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15-18 มิถุนายน 2552 ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จนทำให้ธนาคารสามารถขายหุ้นกู้ทั้งหมดในระยะเวลาอันรวดเร็วตั้งแต่ครึ่งวันแรกของการจองซื้อ และทำให้ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 14 และการที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s ได้ปรับระดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศให้กับธนาคารดีขึ้นจาก P-3 เป็น P-2 สะท้อนเสถียรภาพและศักยภาพโดยเฉพาะด้านสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง
รายละเอียดผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ตามงบการเงินเฉพาะของธนาคารมีดังนี้
ผลจากการขยายธุรกิจทำให้ไตรมาสนี้ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้มิใช่ดอกเบี้ย โดยมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 3,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 252 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 เนื่องจากสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มจากร้อยละ 2.94 ในไตรมาสแรกเป็นร้อยละ 3.21ในไตรมาสนี้
รายได้มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 1,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 262 ล้านบาทหรือร้อยละ 27 จากไตรมาสแรก ที่มีจำนวน 986 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่มีการปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจาก 566 ล้านบาทในไตรมาสแรกเป็น 638 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ขณะที่สามารถบริหารค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับทรงตัว ทำให้ธนาคารมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้น โดยมี Cost to Income Ratio เพียงร้อยละ 50 ลดลงจากไตรมาสแรกที่เท่ากับร้อยละ 57
ด้านฐานะการเงิน ณ สิ้นมิถุนายน 2552 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 413,540 ล้านบาท เป็นเงินให้สินเชื่อ 278,975 ล้านบาท หรือเติบโตในระดับร้อยละ 0.3 จากสิ้นธันวาคม 2551 เป็นการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยสูงถึงร้อยละ 20 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเคหะ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อ SMEs ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ด้าน NPL มีจำนวน 25,797 ล้านบาท เป็น NPL สุทธิร้อยละ 4.52 ของสินเชื่อ สำหรับเงินฝากมีจำนวน 334,321 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงสร้างเงินฝากมีการปรับตัวที่ดีขึ้น โดยมีเงินฝากกระแสรายวันรวมกับเงินฝากออมทรัพย์เท่ากับร้อยละ 32.1 เพิ่มจากไตรมาสแรกที่เท่ากับร้อยละ 29.6 อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก ณ สิ้นมิถุนายน 2552 เท่ากับร้อยละ 83 ดีขึ้นจากสิ้นธันวาคมซึ่งเท่ากับร้อยละ 81 มีส่วนของผู้ถือหุ้น 40,282 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าตามบัญชี 19.07 บาทต่อหุ้น
ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพบริการและพัฒนาด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ให้บริการอย่างครบวงจรและยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ “Right Business Partner for Life”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ชฎาภรณ์ สีดา , เยาวนาถ
ส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร
โทร. 02-208-5497