กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--แสนสิริ
แสนสิริ ริเริ่มแนวคิดสร้าง Community ย่านรามอินทรา ตั้งเป็นเมืองสมบูรณ์แบบ ลุยเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ฮาบิเทีย 2 โครงการรวดมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมแตกไลน์ธุรกิจซื้อที่โรงเรียน สาธิตพัฒนา พัฒนาเป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับสากลในย่านรามอินทรา
แสนสิริ สร้าง Community เพิ่มศักยภาพทำเลย่านรามอินทราอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ ฮาบิเทีย 2 โครงการ เป็น บ้านเดี่ยว 1 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ ชูจุดเด่นบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตร.ว. เท่ากันทุกหลัง และทาวน์เอ้าส์โครงการแรกภายใต้แบรนด์ฮาบิเทีย เริ่มต้น 1.79 ล้านบาท พร้องมแตกไลน์พัฒนาโรงเรียน สาธิตพัฒนา เติมเต็มความต้องการของผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้น ตั้งเป้าให้เป็นเมืองสมบูรณ์แบบ ตอบรับการใช้ชีวิตแบบครบวงจร
นายสมัชชา พรหมศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่แสนสิริ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาแล้วจำนวนหลายโครงการในพื้นที่ย่านรามอินทรา ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ รวมถึงที่ดินเปล่า ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเหมือน Community ย่อมๆ ของแสนสิริ และด้วยความตั้งใจที่อยากจะสร้างความเจริญต่างๆ ให้เกิดขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่อยู่อาศัยในย่านนี้ให้มากที่สุด นอกจากนั้นยังได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของทำเล ที่เดินทางสะดวกสบาย ไม่ไกลจากตัวเมือง จึงมีแนวคิดที่จะขยายพื้นที่ย่านนี้ให้เป็นเมืองใหญ่ ที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ล่าสุด จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ ฮาบิเทีย อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ ฮาบิเทีย วงแหวน-รามอินทรา และ โครงการ ฮาบิเทีย ปัญญาอินทรา ทั้ง 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อต้องการตอบสนองลูกค้าใครครอบคลุมมากที่สุดนั้นเอง นอกจากนี้ ยังได้แตกไลน์ธุรกิจ มาพัฒนาโรงเรียน เพื่อสร้างให้พื้นที่ย่านนี้กลายเป็นเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งสร้างความเป็นสากลด้วยโรงเรียนที่ได้รับการพัฒนาหลักสูตรมาเป็นอย่างดี
“จากการที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลาง ภายใต้แบรนด์ ฮาบิเทีย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย แต่ต้องการที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ บนทำเลรอบเมืองแต่ไม่ไกลจากตัวเมือง มีลูกค้าให้การตอบรับที่ดีมาก เห็นได้จากยอดขายโครงการฮาบิเทีย ราชพฤกษ์ ที่เป็นโครงการแรกในแบรนด์ ฮาบีเทีย ปัจจุบันสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ และโครงการฮาบิเทีย บางใหญ่ แม้ว่าจะเป็นทำเลที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ลูกค้าให้การตอบรับดี เนื่องจากคุณภาพของบ้านรวมถึงความเป็นชุมชนเดิมที่มีความเจริญอยู่แล้วในย่านนั้น ทำการเปิดขายเพียงแค่ 1 เดือน สามารถสร้างยอดขายได้แล้วถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นั้นแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงได้พัฒนาโครงการใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ ฮาบิเทีย ทีเดียวพร้อมกัน 2 โครงการ ในพื้นที่ย่านรามอินทรา เนื่องจากได้เล็งเห็นศักยภาพของทำเล รวมถึงความเป็น Community ของแสนสิริในพื้นที่ย่านดังกล่าวตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ได้แก่
- โครงการฮาบิเทีย ปัญญาอินทรา ตั้งอยูถนนเลียบคลองสามวา เป็นบ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ จำนวน 112 ยูนิต มูลค่าโครงการ 509 ล้านบาท ชูจุดขายเรื่องการให้พื้นที่รอบบ้านที่กว้างขวาง ทุกแปลงเริ่มต้น 100 ตารางวา ตอบรับไลฟ์สไตล์ชีวิตได้มากว่า พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมากมาย ด้วยราคาที่คุ้มค่า ราคาเริ่มต้น 4.09 ล้านบาท
- อีกหนึ่งโครงการได้แก่ โครงการฮาบิเทีย วงแหวน-รามอินทรา ตั้งอยู่ถนนเลียบคลองสอง ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกของฮาบิเทีย ที่พัฒนาขึ้นในรูปแบบของทาวน์เฮ้าส์ เนื่องจากเมื่อเราศึกษาตลาดแล้วพบว่าบริเวณดังกล่าว ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทเทาวน์เฮ้าส์อยู่มาก ดังนั้น ทางแสนสิริ จึงส่งแบรนด์ ฮาบิเทียมาลุยตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในละแวกนี้ โดยพื้นที่ในย่านนี้ เราได้พัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นดีไซน์ทันสมัย สไตล์ซิมพลีย์ โมเดิร์น ด้วยตัวบ้านที่มีสีสันและลูกเล่นที่สวยงาม แต่แฝงด้วยความเรียบ เท่ห์ จำนวน 245 ยูนิต ขนาดหน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 112 ตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 495 ล้านบาท เจาะกลุ่มกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่างเป็นโครงการแรก ด้วยราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการนี้จะจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 25-26 กรกฎาคม 52 สำหรับลูกค้าที่จะจองบ้านในงานจะได้รับส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมาย” นายสมัชชา กล่าว
นอกจากนี้ แสนสิริ ยังได้แตกไลน์ขยายธุรกิจออกไปพัฒนาโรงเรียนในย่านรามอินทราอีกด้วย ได้แก่ โรงเรียนสาธิตพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพทำเลในพื้นที่นี้ให้มากยิ่งขึ้น ในการตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ครบวงจรมากที่สุด อีกทั้งเป็นการกระจายการลงทุนของบริษัท เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาว และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลตอบแทนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโรงเรียนมีชื่อเสียง ทั้งนี้ได้ทำการก่อตั้งโรงเรียนสาธิต พัฒนา ภายใต้แนวคิดของมูลนิธิวัตกรรมการศึกษา ที่ต้องการเพิ่มคุณภาพและมาตรฐานความสามารถของเด็กไทย ให้ทัดเทียมอารยประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้การสนับสนุนทางวิชาการ โดยใช้หลักสูตรการเรียนการสอนมาตรฐานเดียวกับโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเป้าหมายในการพัฒนาโรงเรียนนี้ คือ ต้องการให้โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ได้รับการยอมรับในหลักสากล ซึ่งคาดหวังว่าในระยะยาว จะทำให้พื้นที่ในย่านนี้มีมูลค่าสูงมากขึ้น