กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--กรมธุรกิจพลังงาน
นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมธุรกิพลังงานได้ดำเนินการตามนโยบาย “6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน” โดยลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2552 เนื่องจากการปรับลดหรือเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตจะส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับลดหรือเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการเกิดผลขาดทุนในน้ำมันคงเหลือเมื่อมีการปรับลดราคาขายปลีก และจะได้รับกำไรส่วนเกินเมื่อมีการปรับขึ้นราคาขายปลีก ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายชดเชยผลขาดทุนในน้ำมันคงเหลือให้กับผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการไปแล้วในช่วงลดภาษีสรรพสามิตเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันในวันที่ 31 มกราคม 2552 รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่าหากมีการปรับราคาขายปลีกขึ้นตามอัตราภาษีสรรพสามิตจะมีผลกระทบต่อประชาชน ดังนั้นเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว รัฐบาลจึงได้ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเป็นจำนวน 2 ครั้ง คือ วันที่ 1 และ 13 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการจะได้รับกำไรส่งเกินในน้ำมันคงเหลือจากการปรับราคาขายปลีกแต่ละครั้ง จึงได้ให้ผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการนำส่งกำไรส่วนเกินนี้เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจวัดปริมาณน้ำมันคงเหลือ ณ คลังน้ำมัน และสถานีบริการทุกแห่งทั่วประเทศไปแล้ว เมื่อวันที่ 31 มกราคม และ 12 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา เพื่อนำปริมาณน้ำมันคงเหลือมาคำนวณจำนวนเงินที่ผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการจะต้องนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากกรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งจะครบกำหนดในช่วงวันที่ 20-28 กรกฎาคม 2552
กรมธุรกิจพลังงานได้มีหนังสือแจ้งเจ้าของสถานีบริการประมาณ 17,000 ราย ให้นำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งขณะนี้ใกล้ครบกำหนดชำระเงินแล้ว กรมธุรกิจพลังงานจึงขอความร่วมมือมายังผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการโปรดตรวจสอบวันหมดเขตการชำระเงินที่ระบุอยู่ในหนังสือแจ้งจากกรมธุรกิจพลังงาน และรีบดำเนินการชำระเงินภายในกำหนดเวลา เพราะเมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้วจะต้องจ่ายเพิ่มจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 6 ต่อเดือน
นายพีระพล กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าของสถานีบริการน้ำมันสามารถนำฟอร์มนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กรมธุรกิจพลังงานส่งให้ไปชำระได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง หรือธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง โทร 0-2513-8943-7 ต่อ 1803 — 1809