ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2552 แสดงผลกำไรและส่งสัญญาณการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 22, 2009 07:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2552 (งบการเงินรวม) แสดงกำไรสุทธิจำนวน 5,234 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 1/2552 ซึ่งอยู่ที่ 5,547 ล้านบาท และลดลงร้อยละ 10.0 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 2/2551 ซึ่งอยู่ที่ 5,818 ล้านบาท ผลประกอบการของไตรมาส 2/2552 แม้ลดลง แต่ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของประเทศ แสดงให้เห็นถึงความถูกต้องในยุทธศาสตร์การดำเนินงานของธนาคารและส่งสัญญาณการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ปัจจัยหลักที่ส่งผลบวกต่อผลประกอบการในไตรมาส 2/2552 มาจากการขยายตัวของสินเชื่อ ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 จากไตรมาส 2/2551 การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าธรรมเนียม ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 จากไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 จาก ไตรมาส 2/2551 ในขณะเดียวกันธนาคารสามารถควบคุมสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ไว้ได้คงที่โดยยอดสินเชื่อด้อย คุณภาพอยู่ในระดับเดียวกันกับยอดของไตรมาสที่แล้วและของปีที่แล้ว สำหรับปัจจัยลบที่ส่งผลต่อตัวเลขผลประกอบการ มาจากการลดลงของ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ที่เกิดขึ้นเป็นรายการเฉพาะใน ไตรมาสนี้ ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ให้ความเห็นต่อผลประกอบการในไตรมาสนี้ว่า “ธนาคารเองก็เผชิญกับการทำธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจหดตัว และสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุด การที่ธนาคารสามารถแสดงผลประกอบการในเกณฑ์ที่ดี แสดงให้เห็นถึงการดำเนินยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องสอดคล้องสถานการณ์ การมีความสามารถในการแข่งขันอย่างสูงในตลาด อันเป็นผลมาจากโครงการปรับปรุงธนาคารที่มีมาอย่างต่อเนื่อง” ประธานกรรมการบริหารกล่าวเสริมอีกว่า “ผลประกอบการที่ดีของธนาคารอาจถือเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่าจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะผ่านพ้นไปและการฟื้นตัวกำลังเริ่มต้นขึ้น” สำหรับผลประกอบการด้านต่างๆ เงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2552 อยู่ที่ 906,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากไตรมาสที่ 1/2552 ซึ่งอยู่ที่ 901,885 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 882,417 ล้านบาท การขยายตัวหลักด้านสินเชื่อเกิดจากสินเชื่อใหม่ที่ให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และภาครัฐ และการขยายตัวต่อเนื่องของสินเชื่อเคหะในกลุ่มลูกค้าบุคคล ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อในครึ่งหลังของปีจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะในเงินทุนหมุนเวียนสำหรับธุรกิจที่จะมีเข้ามาตามฤดูกาล อันจะส่งผลให้การขยายตัวด้านสินเชื่อของธนาคารเป็นได้ตามเป้าหมายที่ปรับมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 3-5 สำหรับทั้งปี รายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารเติบโต เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2552 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2551 โดยรายได้ค่าธรรมเนียมหลักที่สำคัญมาจากธุรกิจ Bancassurance ธุรกิจบัตรเครดิต และผลิตภัณฑ์ กองทุนรวม ซึ่งยังแสดงการขยายตัวที่แข็งแรงต่อเนื่องมาในงวดนี้ ด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2552 สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) คงที่ในระดับร้อยละ 4.7 เท่ากับไตรมาส 1/2552 และลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากร้อยละ 5.3 ณ สิ้นไตรมาส 2/2551 ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาส 2/2552 อยู่ในระดับคงที่เช่นกันโดยอยู่ที่ 49,832 ล้านบาท ในส่วนอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (LLR/NPL) ปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ 81.7 ณ สิ้นไตรมาส 1/2552 เป็นร้อยละ 84 ณ สิ้นไตรมาส 2/2552 นี้ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลง จากการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในไตรมาส 2/2552 สืบเนื่องจากนโยบายของธนาคารในระบบที่ต้องการช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ตลอดจนเป็นการช่วยเหลือลูกค้า ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารลดลงจากร้อยละ 3.9 ในไตรมาส 2/2551 และร้อยละ 3.6 ในไตรมาส 1/2552 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ในไตรมาสนี้ ในส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร ธนาคารได้ทำการควบคุมและใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมาตั้งแต่ปลายปี 2551 เมื่อเริ่มเกิดวิกฤติการเงิน อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/2552 นี้ ค่าใช้จ่ายในการบริหารของธนาคารได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1/2552 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เป็น รายการเฉพาะในไตรมาสที่ 2/2552 นี้ นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้ความเห็นว่า “ธนาคารมีรากฐานที่มั่นคงในการดำเนินธุรกิจ มียุทธศาสตร์การดำเนินงานที่ถูกทิศทางและชัดเจน มีเงินกองทุนที่แข็งแรง เป็นผู้นำตลาด มีความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้ ต่อเนื่อง ผลประกอบการในเกณฑ์ที่ดีสะท้อนถึงความสามารถของธนาคารในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจ ถดถอย ในอนาคตธนาคารจะยังคงสร้างผลิตภัณฑ์บริการ และความสามารถในด้านต่างๆ ให้มีมากขึ้น รวมถึงการสร้างความผูกพันในธนาคารให้เกิดแก่ลูกค้าและพนักงาน ทั้งนี้ เพื่อความเจริญเติบโตและการสร้างคุณค่าไปในอนาคตอย่างยั่งยืน”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ