คนและม้า....สู่ศิลปะการขับเคลื่อนที่ สุขุม งามสง่า

ข่าวกีฬา Monday November 13, 2006 10:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
ปัจจุบันการขี่ม้าในประเทศไทย ถือว่าบูมเป็นอย่างมาก เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ปกครองผู้ชื่นชอบกีฬาขี่ม้า และเทรนเนอร์ ซึ่งเห็นได้จากการแข่งขันศิลปะการบังคับม้า 2006 FEI World Dressage Challenge ในครั้งนี้ภายใต้การควบคุมโดย สมาพันธ์ขี่ม้านานาชาติ (Federation Equestrian International) โดยสมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย (Thailand Equestrian Federation) เป็นผู้ดำเนินการ ให้มีการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนน สะสมแต้ม ดันรายชื่อนักกีฬาขี่ม้าเยาวชนไทย เข้าสู่การจัดอันดับของสมาพันธ์ โดยผู้ที่สามารถทำคะแนนสูงสุด 63.4 % ในการแข่งขันครั้งนี้ได้แก่ น้องเพิร์ธ — ด.ญ.ภวิตา รุ่งเลิศเกรียงไกร ซึ่งการแข่งขันได้จัดขึ้นที่ นนทบุรี อีเควสเตรียน สปอร์ต คลับ
การแข่งขันศิลปะการบังคับม้า หรือที่เรียกกันว่า เดรสซาจ (Dressage) พันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา เลขาธิการสมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ได้ให้ความจำกัดความไว้ว่า “การแข่งขันประเภทนี้ก็เหมือนกับการแข่งขันยิมนาสติก ประเภท Floor Exercise ให้คะแนน 0-10 คะแนน ในแต่ละท่า ซึ่งการแข่งขันแต่ละครั้งก็จะกำหนดท่าไว้ไม่เท่ากัน ในแต่ละระดับ ซึ่งผู้แข่งขันจะบังคับม้าของตนปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งใครบังคับม้าของตนได้อย่างสวยงาม แต่ละท่าทางได้เข้าตากรรมการมากกว่ากัน คนนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ และในปีนี้ทางสมาคมได้โฟกัสและให้โอกาสเด็กในการเข้าแข่งขันอย่างเต็มที่ เพราะถือว่านักกีฬาเด็กจะเป็นกำลังสำคัญในอนาคต สำหรับการแข่งขันประเภทเดรสซาจ ถือเป็นการแข่งขันที่ยากและท้าทาย จากทั้งหมดของประเภทการแข่งขัน เพราะมันเหมือนกับม้าเต้นระบำ ใช้ทักษะที่ฝึกฝนมาเป็นพิเศษสั่งใจเราและม้าให้เป็นใจดวงเดียวกัน ทำให้ทุกส่วนของร่างกายถูกนำออกมาใช้ ซึ่งข้อดีของการขี่ม้าประเภทนี้คือนอกจากร่างกายแข็งแรงแล้ว เรายังได้พัฒนาบุคลิกภาพ ด้วยท่านั่งที่ถูกต้อง หลังตรง งามสง่า ที่สำคัญยังพัฒนาจิตใจทำให้เป็นคนใจเย็น และรักสัตว์ด้วย”
ด้าน นันทินี แทนเน่อร์ ผู้ชื่นชอบและสนับสนุนการเล่นกีฬาขี่ม้า กล่าวว่า “การแข่งขันประเภทเดรสซาจ มือและขา คือสิ่งสำคัญที่ใช้ในการบังคับม้า เราจะเห็นว่าคนขี่ม้าทำไมจึงสามารถขี่ได้สวยงามจัง แต่เราจะไม่รู้หรอกว่าเขาบังคับกันอย่างไร มันเหนื่อยและยากมาก ต้องอาศัยการเรียนรู้ ฝึกฝน การแข่งขันประเภทนี้จะต่างจากการแข่งขันขี่ม้าโปโล ที่วิธีการติดต่อกับม้า ซึ่งโปโลจะใช้การติดต่อกันน้อยกว่ามีแค่ เดินหน้า หยุด ซ้าย ขวา แต่เดรสซาจต้องสื่อสารกันค่อนข้างสูง การแข่งขันประเภทนี้จึงเป็นพื้นฐาน ที่ผู้เล่นจะนำไปเล่นประเภทอื่น ๆ อย่างขี่ม้าโปโล, ขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวาง”
อีกสาวหนึ่งที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการขี่ม้า เชอรี่- ชัญญา ศรีเฟื่องฟุ้ง เจ้าของโรงเรียนสอนขี่ม้าที่เปิดมากว่า 6 ปี กล่าวว่า “ตอนนี้แวดวงกีฬาขี่ม้า ถือว่าเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เด็กมาเรียนเพิ่มขึ้น ผู้ใหญ่ส่งเสริมมากขึ้น และที่เรียนก็เยอะขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อน ประโยชน์ของกีฬาขี่ม้าก็คือ ได้ใกล้ชิดกับสัตว์ มีความรักและความพยายามเข้าใจในธรรมชาติของสัตว์ เพราะกีฬาประเภทนี้ เป็นกีฬาชนิดเดียว ที่มีอุปกรณ์เป็นสิ่งมีชีวิต ดังนั้น การขี่ม้านั้นคนกับม้าต้องเข้ากันให้ได้ เหมือนกับการเต้นลีลาศ ตรงนี้ทำให้เด็ก เข้าใจสัตว์ ตลอดจนเพื่อนที่เป็นมนุษย์มากขึ้น ประโยชน์อย่างที่สองคือได้สมาธิ เพราะการขี่ม้าต้องใช้ความตั้งใจอย่างสูง สุดท้ายคือเรื่องของร่างกาย ที่ได้เคลื่อนไหวทุกส่วน โดยเฉพาะต้นขา สำหรับคนที่อยากขี่ม้าเก่งๆ เชอรี่ขอแนะนำว่าต้องซ้อมเยอะๆ เข้าใจม้า เข้าใจกฎกติกามารยาท ในการขี่ม้า”
ในขณะที่ ม.ล. ลักษสุภา กฤดากร กล่าวถึงประโยชน์ในการขี่ม้าว่า “ขี่ม้ามา 6-7 ปีแล้ว ชื่นชอบการขี่ประเภทจั๊มปิ้ง ให้อิสระกับเราและม้าในการที่จะไปด้วยกัน การขี่ม้าช่วยให้เราบาลานซ์ชีวิตได้ดี มีแนวทางชีวิตกว้างขึ้น เวลาขี่ม้าจะมีสติ สุขุม เป็นคนที่สะกดอารมณ์ได้ดี ไม่โกรธง่าย มีความมั่นใจ” สำหรับสาว สาวิกา กาญจนมาศ ดาราสาวคนดัง ที่ชื่นชอบการขี่ม้าเผยว่า “เดรสซาจเป็นการแข่งขันที่ยาก เพราะคู่ของเรา คุยกันไม่ได้ และมีหลายท่าที่เป็นการฝืนธรรมชาติของม้า ต้องใช้ความสามารถในการบังคับม้า ทำให้เสน่ห์ของการขี่ม้าประเภทนี้คือ คนบวกม้าที่เข้ากันได้ ไปกันได้สวย ทำให้เราบาลานซ์ตัวเอง คนขี่ม้าจะหลังงอไม่ได้ ต้องนั่งตัวตรง ใช้สมาธิ ฝึกจิตใจ”
เด็กสาวคนเก่ง น้องเพิร์ธ — ด.ญ.ภวิตา รุ่งเลิศเกรียงไกร ซึ่งทำคะแนนสูงสุดในการแข่งขันครั้งนี้ กล่าวว่า “หนูเริ่มขี่ม้าตั้งแต่อายุ 8 ขวบ รวมแล้วก็ขี่มากว่า 5 ปีแล้ว แม้ตอนแรกจะกลัวและประหม่าอยู่บ้าง แต่การได้สัมผัสและขี่ม้าบ่อยๆ ได้ทำให้หนูได้เรียนเรียนรู้และคุ้นเคยกับม้า สำหรับการฝึกซ้อม เพื่อมาแข่งขันครั้งนี้ หลังเลิกเรียนหนูจะฝึกซ้อมทุกวัน วันละหนึ่งชั่วโมง ม้าตัวเก่งของหนูชื่อ เดชนี อายุ 9 ปี เป็นม้าที่หนูรักและไว้ใจมาก ซึ่งวันนี้เดชนีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนูได้รับชัยชนะ เพราะกว่าจะถึงวันนี้ ทั้งหนูและเดชนีทุ่มเทมาก พวกเราเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ ใช้เวลากว่าสิบชั่วโมง เพื่อมาร่วมแข่งขันครั้งนี้ เคล็ดลับของหนูคือการฝึกซ้อม อย่างตั้งใจทุกๆ วัน ต่อไปหนู ก็จะตั้งใจสำหรับการฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งในสนามต่อไปอีกเรื่อยๆ ค่ะ ซึ่งทางด้านครอบครัวของหนู ก็ให้การสนับสนุนอย่างดียิ่ง อยากให้คนที่สนใจกีฬาขี่ม้าอย่างหนู ลองมาขี่ม้าดูค่ะ เพราะไม่เพียงมีประโยชน์ทางด้านร่างกายและสมาธิที่จะดีขึ้นแล้ว ยังอาจจะมีโอกาสเข้าแข่งขันและคว้ารางวัล เป็นเกียรติแก่คนที่เรารักอีกค่ะ”
คงจะดีหากกีฬาขี่ม้า ได้เป็นหนึ่งในกีฬาที่ใช้ขับเคลื่อน เยาวชนให้เดินไปสู่ทิศทางจดหมายของชีวิต ผู้สนใจกีฬาขี่ม้า และอยากจะมีบุคลิกภาพที่งามสง่า สุขภาพแข็งแรง เป็นผู้มีสติ จิตใจสุขุม เยือกเย็น การขี่ม้าก็เป็นกีฬาอีกประเภทที่ไม่พลาดจะลองสัมผัสสักครั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัทแม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ชลธิชา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

แท็ก ศิลปะ   FED  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ