กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--กระทรวงพลังงาน
วันนี้ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เข้าร่วมเป็นประธานในการประชุมของคณะกรรมการติดตามการดำเนินการขยายบริการและส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (NGV) และได้เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า วันนี้คณะกรรมการติดตามฯ ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานในทุกด้าน อาทิ การเร่งรัดดำเนินการขยายสถานีบริการ NGV ความต่อเนื่องการส่งเสริมการใช้ก๊าซ NGV ความก้าวหน้าโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติสายเหนือและสายอีสาน การช่วยเหลือรถแท็กซี่ในการปรับเปลี่ยนการใช้เครื่องยนต์ LPG เป็น NGV เป็นต้น
สำหรับความก้าวหน้าของการขยายสถานีบริการ ได้มีความคืบหน้าไปมาก โดยในปัจจุบัน มีสถานีบริการ NGV ทั่วประเทศ รวม 333 สถานี มียอดการใช้วันละประมาณ 3,720 ตันต่อวัน นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการฯ ชุดนี้ ซึ่งมีมีรองปลัดฯ ณอคุณ เป็นประธาน ทำหน้าที่ติดตามความก้าวหน้าอย่างใกล้ชิด และรายงานให้ทราบเดือนละ 2 ครั้ง
ในส่วนความต่อเนื่องของนโยบายการส่งเสริมการใช้ NGV กระทรวงพลังงานยังคง ดำเนินการอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันได้มีการปรับลดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในกรณีที่น้ำมันจะกลับมาสูงขึ้นอีก นอกจากนี้ยังช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน ความผันผวนจากราคาน้ำมัน และยังเป็นทางเลือกของผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม การขยายเครือข่ายรวมทั้งการส่งเสริมการใช้ จำเป็นต้องมีการลงทุนสูง ซึ่งถือเป็นภาระของผู้ลงทุน จึงได้สั่งการให้คณะกรรมการฯ เร่งไปพิจารณาหาแนวทางการลดภาระที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้แผนการขยายต้องมีอุปสรรค โดยให้มีการรายงานให้ทราบภายใน 2 สัปดาห์
ในด้านความก้าวหน้าการศึกษาความเป็นไปได้โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติสายเหนือ และอีสาน ในเบื้องต้น พบว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในระดับที่ยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากปริมาณการใช้ NGV สำหรับภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมตามแนวท่อยังมีปริมาณน้อยที่จะทำให้คุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการฯ รวมทั้ง ปตท. ไปพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะส่งเสริมความต้องการในภาคอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า เพื่อเพิ่มปริมาณความต้องการเพื่อให้เกิดความคุ้มทุน โดยให้รายงานภายในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือแท็กซี่ในการปรับเปลี่ยนการใช้เครื่องยนต์จาก LPG เป็น NGV ซึ่งแต่เดิมของกระทรวงพลังงานได้เคยมีแผนที่จะช่วยเหลือกลุ่มแท็กซี่ในการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก LPG มาเป็น NGV เพื่อลดผลกระทบจากแผนการขึ้นราคา LPG แต่ เมื่อรัฐบาลได้มีชะลอการปรับขึ้นราคา LPG ออกไป ตามมาตรการ 6 มาตรการ 6 เดือน ทำให้แผนดังกล่าวต้องชะลอออกไป อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานยังคงเห็นความสำคัญแนวทางการช่วยเหลือดังกล่าวเนื่องจาก NGV มีราคาในระดับที่ต่ำกว่า LPG หรือน้ำมัน รวมทั้ง NGV เริ่มมีสถานีให้บริการเพิ่มขึ้น และมีการให้บริการที่สะดวกสบายมากขึ้นซึ่งเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้รถแท็กซี่ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มให้การสนับสนุนการปรับเปลี่ยนรถราชการมาติดตั้ง NGV อย่างต่อเนื่องด้วย โดยได้สั่งการให้คณะกรรมการฯ ได้เร่งจัดทำแนวทางในการช่วยเหลือรถแท็กซี่ และการสนับสนุนรถราชการ โดยรายงานให้ทราบในสัปดาห์หน้า
ส่วนในเรื่องของปัญหาและอุปสรรคของการใช้ก๊าซ NGV อาทิ สถานีบริการไม่เพียงพอ การปรับปรุงคุณภาพก๊าซ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุงรักษาซึ่งมีราคาสูง การที่ต้องมีการเติม NGV บ่อย เป็นต้นนั้น ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องหาแนวทางแก้ไข และรายงานให้ทราบภายในสัปดาห์หน้า