กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม
“เมื่อแอ็คชั่นมันส์เต็มพิกัด ถูกหล่อหลอมเข้ากับความโรแมนติคสุดเข้มข้น” “จีจ้าดื้อสวยดุ”ฉีกรูปแบบภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คุณเคยรู้จัก สัมผัสไอเดียและมุมมองจาก “ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล” ผู้กำกับ “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” กับผลงานกำกับภาพยนตร์ในรอบ 14 ปีที่รับรองว่า “สวิงกว่าเดิม”
Q.ไอเดียและความตั้งใจที่เกิดเป็นแรงบรรดาลใจให้ตัดสินใจให้เกิดเป็นโปรเจ็คต์ “จีจ้าดื้อสวยดุ”
R.ความตั้งใจที่จะทำหนังเรื่องจีจ้าดื้อสวยดุออกมา เริ่มต้นมาจากการที่เราต้องการที่จะสร้างแนวทางของหนังขึ้นมาในรูปแบบใหม่นะครับ ก็มีการปรึกษาพูดคุยกันจากหลายๆฝ่ายกับทางคุณปรัชญา ปิ่นแก้ว ทางพี่พันนา ผมก็นำเสนอไปว่าจริงๆแล้ว ผมอยากเห็นเรื่องราวความรักที่เข้มข้นผสมผสานในรูปแบบของหนังแอ็คชั่นในแบบ MARTIAL ART หรือโชว์ศิลปะการต่อสู้นะครับ และทำให้มันผสมผสานกลมกลืนกลมกล่อมกันออกมาที่สุดนะครับ แต่ตอนที่พูดไปก็ยังไม่รู้เหมือนกัน(หัวเราะ)ว่าจะทำได้รึเปล่า ก็ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นอย่างนั้น โชคดีที่ทางพี่ปรัชญา พี่พันนาเห็นด้วย ก็สนับสนุนให้ทำครับ
Q. การที่ลุกขึ้นมาทำหนังแอ็คชั่นผู้หญิงที่เน้นศิลปะการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบในสไตล์จีจ้าที่เล่นจริงเจ็บจริง ทำให้ต้องมีการเตรียมตัวหรือทำการบ้านเน้นหนักทางด้านใดเป็นพิเศษหรือเปล่า
R.สำหรับการเตรียมตัวทำการบ้านในส่วนของจีจ้า ต้องบอกว่าค่อนข้างสบายใจ เพราะว่าต้วน้องเขาเองเป็นผู้หญิงเก่ง ไม่ได้เป็นการมาเยินยอกันเองนะครับ แต่จ้าเป็นผู้หญิงที่เล่นต่อสู้ในแนว MARTIAL ART ได้สบายอยู่แล้ว รวมทั้งตัวน้องเขาเองมีความสามารถทางด้านการแสดงดราม่าได้อย่างน่าทึ่ง ตรงนี้ก็เลยไม่ค่อยเป็นห่วง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือเรื่องบทภาพยนตร์ที่เราไม่มีแม่แบบเลย ไม่รู้จะไปอ้างอิงหรือยึดมาจากหนังเรื่องไหน ไม่ว่าจะเป็นของฮอลลีวู้ด หรือยุโรป เพราะฉะนั้นเราต้องคลำทางกันอยู่นาน ผมกับคนเขียนบทใช้เวลาเขียนบทอยู่ประมาณปีกว่าๆแก้แล้วแก้อีก เพื่อจะให้เสน่ห์ของหนังศิลปะการต่อสู้ MARTIAL ARTอยู่ เสน่ห์ของมันคืออะไร คือความสวยงาม ความกระชับ ฉับไว กระฉับกระเฉง เล่นจริง เจ็บจริงในแบบจีจ้า ในขณะเดียวกันการทำหนังแบบดราม่าโรแมนติคเนี่ยะ มันมีลักษณะอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากหนัง MARTIAL ARTโดยสิ้นเชิงก็คือ เรื่องของจังหวะการเล่าเรื่อง ด้วยอารมณ์ของหนังที่ไม่ได้มีความกระชับ กระฉับกระเฉงปึ้งปึ้งปึ้งแบบหนังแอ็คชั่น ความยากของมันก็เลยอยู่ที่ว่า เราจะจับสองส่วนมาประกอบกันหรือทำอย่างไรให้กลมกลืน ทำอย่างไรให้ความเป็นหนังศิลปะการต่อสู้ที่มันกระฉับกระเฉงยังคงอยู่ เราไม่ได้ไปเปลี่ยนให้มันช้าลง เพื่อจะผสมกับดราม่าโรแมนติคได้ แต่สิ่งที่เราทำคือต้องเปลี่ยนดราม่าโรแมนติคให้มันมีความกระชับฉับไว เข้าได้กับหนังแอ็คชั่นต่างหาก ซึ่งเราเองก็พยายามกันอย่างมหาศาลนะครับ กว่าจะได้ออกมา อย่างที่บอกใช้เวลาเขียนบทอยู่ปีกว่าๆ
Q.หนังแอ็คชั่นส่วนใหญ่มักมีปัญหาเรื่องบทภาพยนตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุผลของตัวละครที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ แล้วสำหรับจีจ้าดื้อสวยดุที่ต้องมีสัดส่วนความโรแมนติคเข้ามาผสมผสานกับความเป็นแอ็คชั่นศิลปะการต่อสู้ด้วย จะออกมาเป็นอย่างไร
R.ต้องบอกว่าในส่วนตรงนี้ถือได้ว่าเป็นความยากในการทำบทภาพยนตร์ ก็คือการสร้างและกำหนดทิศทางของเรื่องราว รวมไปถึงการหาเหตุผลให้ตัวละคร ที่จะต้องเกิดขึ้นภายใต้ความเป็นหนังแอ็คชั่นโรแมนติค อย่างในจีจ้าดื้อสวยดุเป็นเรื่องราวของผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่ต้องเติบโตในเรื่องของความรักผ่านความเข้มข้นของชีวิตในเรื่องของการต่อสู้ เรียนรู้จากการต่อสู้ มันเป็นความยากเหมือนกันที่จะหาเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งลุกขึ้นมาต่อสู้กับผู้ชาย สู้กับคนโน้นคนนี้กับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ได้ มันก็เลยต้องสร้างเรื่องราวที่สมเหตุสมผลกัน ประกอบกับอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเราจะทำหนังรักที่มีพระเอกและนางเอก นางเอกก็คือจีจ้าซึ่งเป็นตัวเดินเรื่อง ในขณะที่หนังเรื่องนี้จีจ้าเองก็จะมีพระเอกของตัวเองแบบเต็มตัวครั้งแรก ก็จะต้องมีการโยงตัวละครจ้ากับตัวพระเอก จากตัวแวดล้อมอื่นๆเป็นเพื่อนพระเอกหรือเพื่อนจีจ้า การผูกเรื่องราวสำหรับคนอื่นคงไม่ยากเท่าไหร่ แต่สำหรับผมกับคนเขียนบท เราพยายามจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพูดผูกรวมเข้าไปอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน แล้วทำให้มันกลมกล่อม จึงต้องใช้เวลากันค่อนข้างเยอะ ซึ่งตัวเรื่องราวของหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในวัยรุ่นเติบโตที่จะเรียนรู้เรื่องราวต่างๆของชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือการเติบโตในเรื่องของความรัก ในหนังเรื่องนี้จะไม่เป็นเพียงหนังแค่ความชอบชื่นชมกระจุ๋งกระจิ๋ง มันไม่ใช้ มันเห็นพัฒนาการของการได้เรียนรู้ เรื่องราวผ่านความเข้มข้นของการต่อสู้ที่ที่ผมมักจะพูดอยู่บ่อยๆว่าผมเชื่อว่าทุกๆการต่อสู้มีเรื่องราวความรักเป็นแรงขับดัน และผมเชื่อว่าเรื่องราวความรักมันต้องมีการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความรักนี่คือแก่นของเรื่อง ซึ่งตัวละครวัยรุ่นตัวนี้ก็คือตัวแทนของเด็กวัยรุ่นในยุคนี้ซึ่งแสดงโดยจีจ้า ผมวางขึ้นมาว่าเขาเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีทั้งความดื้อ ความสวย ทั้งความดุ ในตัวเอง เด็กวัยรุ่นยุคนี้น่ารักสวยงาม เด็กวัยรุ่นยุคนี้มีความดื้อในตัวเองสูงมากๆเพราะว่าเขาสามารถที่จะคิดหรือทำอะไรที่สร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองได้มากขึ้นๆทุกที พูดง่ายๆว่าเออคือเขาเก่ง ในขณะเดียวกัน เด็กยุคนี้ก็มีความเซ็นส์ซิทีฟทางด้านอารมณ์อยู่สูง เพราะฉะนั้นอะไรที่มันไม่ถูกใจก็จะมีการแสดงอารมณ์ที่ดุดันออกมา ซึ่งในความดุดัน ถ้ามีอยู่ถูกจุดถูกที่ มันก็คือการปลดปล่อยพลังออกมาในการที่จะขับดันอะไรต่างๆออกมาในชีวิตเขา ซึ่งในหนังจะพูดถึงความสัมพันธ์ของตัวละครดื้อที่เกิดขึ้นทางด้านความรักแล้วก็จะมีการพลิกผันชีวิตของตัวดื้อในเรื่อง พลิกผันชีวิตในแบบที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอแบบนี้ แต่ในความพลิกผันก็จะสอนให้เขาได้เรียนรู้เรื่องราวความรักตั้งแต่ความรักในแบบเด็กๆไปจนถึงความรักที่จริงแท้ โดยคนที่เป็นคนดึงเขาเข้าสู่โลกของการต่อสู้ และสอนให้รู้จักความรักก็คือตัวคาซู เรื่องราวความรักเป็นสิ่งที่ทำให้หนังดำเนินต่อไป สู่ความเข้มข้นขึ้น และเมื่อเขาค้นพบว่าเมื่อใดที่ความรักและการต่อสู้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ก็จะนำมาซึ่งพลังอันน่ากลัว ที่นำไปสู่รูปแบบและลีลาการต่อสู้ใหม่ๆในทางMARTIAL ART ครับ
Q.รูปแบบของศิลปะการต่อสู้ที่ถูกนำเสนอในภาพยนตร์เรื่อง “จีจ้าดื้อสวยดุ”
R.คือถ้าเราพูดถึงศิลปะการต่อสู้หรือว่าMARTIAL ARTในหนังเรื่องนี้นะครับ เราตั้งโจทย์เอาไว้กันตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งพี่พันนา ทั้งท็อป(วีระพล ภูมาตย์ฝนผกก.แอ็คชั่น)ทั้งพี่ปรัช มานั่งประชุมนั่งคุยกัน ซึ่งถ้าถามว่ารูปแบบของศิลปะการต่อสู้หรือMARTIAL ARTที่เรากำลังพูดถึง ผมเองไม่สามารถตั้งชื่อมันได้จริงๆว่าเป็นMARTIAL ARTในรูปแบบไหน แต่ว่าความตั้งใจของเราคือเราต้องการนำเสนอMARTIAL ARTที่มีรูปแบบของการผสมผสานกันที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยนำเอาหลากหลายสิ่งที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันให้มารวมอยู่ด้วยกันได้ กระทั่งเกิดขึ้นมาเป็นMARTIAL ARTในรูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยเห็นจากหนังเรื่องไหนในโลกนี้ ก็โชคดีที่ทางบาแรมยู ทางสหมงคลฟิล์มคือบ.ผู้นำในเรื่องของการสร้างหนังMARTIAL ARTในยุคนี้ เพราะฉะนั้นคนเก่งๆอย่างพี่พันนา อย่างท็อป สามารถตีโจทย์จากสิ่งที่ผมพูดหรือคิดออกไปได้อย่างน่ามหัศจรรรย์ เป็นความเข้าใจกันแบบไมมีการผิดแบบ หรือออกนอกลู่นอกทางกันเลย ทำให้สิ่งที่เราได้มาถือเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการนำเอาศิลปะการต่อสู้รูปแบบใหม่มานำเสนอในภาพยนตร์ ไม่ใช่แค่บีบอยอย่างเดียวที่ถูกนำมาผสมผสาน เนื่องจากฉากการต่อสู้ในหนังเรื่องนี้ ในแต่ละฉากก็จะมีการผสมผสานที่มีรูปแบบเฉพาะของตัวเองที่แตกต่างกันไป บางครั้งเกิดเป็นลูกผสมระหว่าบีบอยกับการเต้นรำในแบบลีลาศซึ่งมันไม่น่าจะเข้ากันได้เลย บางครั้งผสมกันระหว่างTRICKZ เออต้องอธิบายนิดนึง TRICKZ เป็นการแสดงลีลาการต่อสู้ที่เป็นลูกเล่นในขั้นพิเศษ ขั้นเหนือกว่าขั้นที่เล่นกันปกติอย่างเช่น บางคนอาจจะกระโดดตีลังกา แต่คนที่มีTRICKZเขาเล่นเอาการกระโดดตีลังกานี้มาผสมผสานรูปแบบกับการเล่นกีฬาอื่นๆ แล้วสร้างเป็นคำขึ้นมาใหม่ ซึ่งผู้ที่เชี่ยวชาญ พูดได้ว่าเก่งถึงขั้นได้รับรางวัลเกี่ยวกับการแข่งขันMARTIAL ART TRICKZ มากมายจากฝรั่งเศส และเป็นแชมป์2สมัยรวด ก็คือคาซูพระเอกของหนังเรื่องนี้ สำหรับTRICKZที่พูดถึงคือ1ในรูปแบบของการต่อสู้ในลีลาใหม่ที่เขานำเสนอในภาพยนตร์ และแน่นอนด้วยความที่หนังเรื่องนี้ยังไงก็เป็นหนังไทยสัญชาติไทย เราไม่มีวันลืมศิลปะมวยไทยอยู่แล้ว แต่คำว่าแม่ไม้มวยไทยสำหรับจีจ้าเนี่ยะ มันคือลีลาในแบบของผู้หญิงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยผสมความอ่อนช้อยแบบผู้หญิง แต่ว่ามันหนักแน่นเวลากระทำลงไป เวลาศอกโดนศรีษะ หรือว่าเวลาเข่าโดนยอดอก เป็นแม่ไม้มวยไทยในรูปแบบของจีจ้า ซึ่งยังคงเล่นจริงเจ็บจริงอยู่ นี่คือความถนัดของจีจ้าจะถูกพัฒนาทางด้านนี้เสริมเข้ามา แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น จะผสมผสานไปด้วยรูปแบบการเต้นบีบอย รูปแบบของMARTIAL ART TRICKZ ที่มีเรื่องของการ FREE RUNNING มีเรื่องศิลปะในแบบของFLIP FLOP หรือการตีลังกาในรูปแบบต่างๆถูกพัฒนา ถูกADAPTเข้ามา แล้วการที่เนื่องจากว่าหนังเรื่องนี้มีตัวละครที่มาSUPPORTกัน โดยมีตัวละครและแอ็คชั่นหลักอยู่ที่ตัวจีจ้า ทำให้เราจะได้เห็นความสามารถที่แตกต่างกันของแต่ละคน เราจะได้เห็นฉากแอ็คชั่นที่หลากหลาย และเป็นฉากแอ็คชั่นที่เรียกว่าเป็นแบบ MIX เป็นแบบลูกผสม โดยแต่ละคนก็จะโชว์ความสามารถที่ตัวเองถนัดพรีเซ็นท์ออกมากันได้อย่างเต็มที่ครับ
Q.ด้วยความที่ตัวหนังถูกนำเสนอมาในแนวทางของแอ็คชั่นโรแมนติค ภาพรวมของ“จีจ้าดื้อสวยดุ” จะออกมาในลักษณะไหนอย่างไร
R.ด้วยความที่หนังเรื่องนี้มีฉากแอ็คชั่นที่เรียกว่าเมื่อไหร่อยากดูแอ็คชั่นก็จะได้เห็น เมื่อไหร่ที่อยากดูดราม่าก็จะได้เห็น และทุกๆครั้งที่มีแอ็คชั่นก็จะรู้สึกได้ถึงอารมณ์รักในนั้น ทุกๆครั้งที่ดูดราม่า ก็จะเห็นถึงการต่อสู้ความเข้มข้นอยู่ในนั้นด้วย นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ และเมื่อพูดถึงรูปแบบของฉากแอ็คชั่นที่จะเกิดขึ้นในแต่ละฉากมันก็จะมีความหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่นเมื่อก่อนเราอาจจะได้ดูหนังที่นักแสดงนำลุยเดี่ยว แม้แต่ในช็อคโกแลตเองก็ตาม แต่ว่าในจีจ้าดื้อสวยดุเรามีพัฒนาการเล่นแอ็คชั่นแบบยากขึ้นไปในอีกระดับหนึ่ง มันไม่ใช่แค่จีจ้าบู๊คนเดียว แต่จีจ้าจะต้องเล่น MARTIAL ART คู่กันกับพระเอกคือคาซู เรียกว่าต้องมีการสอดผสานลีลากันเพื่อที่จะต้องต่อสู้กับฝั่งตรงข้าม เป็น DUO DANCE FIGHTING การสอดผสานลีลานี้ก็นำเอาเรื่องของการเต้นรำเข้ามาพัฒนาเป็นศิลปะการต่อสู้ซึ่งหลายคนที่ได้ดูฉากนี้ก็จะรู้สึกว่ามันสวย งาม มันพริ้วไหว ในขณะที่เวลากระทำการแอ็คชั่น ปึ้ง ออกไปที่ก้านคอของคู่ต่อสู้ มันก็จะมีความหนักหน่วงแบบเล่นจริงเจ็บจริงอยู่ รวมทั้งยังมีMARTIAL ART อีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจที่ผมอยากนำเสนอมากๆ ผ่าน3ตัวละครที่เราแคสติ้งมาจากน้องๆที่เต้นบีบอยรักบีบอยเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว เราเลือกมาจากคนที่เชี่ยวชาญในการเต้นบีบอยจริงๆแบบเน้นๆเลยประมาณสามสิบกว่าคน จนในที่สุดก็ได้มาเป็น3คนนี้ที่ทุกคนล้วนมีความสามารถในการเต้นบีบอยในรูปแบบที่แตกต่างกัน คนหนึ่งเรียกว่าหัวลงพื้นเมื่อไหร่ คือจะให้เล่นท่าอะไรก็บอกมาเลย อีกคนหนึ่งหัวไม่ลงพื้น ตัวลอยเมื่อไหร่จะเล่นท่าอะไรก็บอกได้เลย แล้วเป็นในรูปแบบที่เรียกว่ากวนอารมณ์กวนโอ้ยมากในท่าที่เขาเล่นอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนที่เล่นท่ายากมากแล้วก็หนักแน่น คือศิลปะการเล่นบีบอยมันน่าทึ่งมากสำหรับผม การที่เราได้ทั้ง3คนนี้มา แล้วส่งไปฝึกซ้อมและเรียนศิลปะการต่อสู้ จนเมื่อมีพื้นฐานของการเล่นศิลปะการต่อสู้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการรู้จักเอาศิลปะการต่อสู้และศิลปะการเต้นบีบอยมารวมกันจนเกิดเป็นชิ้นงานใหม่ขึ้นมา ซึ่งทั้งหมดเป็นขบวนการที่เรียกได้ว่าต้องใช้เวลาในการทำงาน และไม่ใช่แค่นั้น คือทั้ง3คนนี้ยังไม่เคยเล่นหรือมีงานแสดงอะไรมาก่อนในชีวิต นอกเหนือจากการเต้นให้คนอื่นดูตามที่ต่างๆ หรือการเข้าประกวดแข่งขันการเต้น เรื่องงานแสดงของพวกเขาเป็นศูนย์ เพราะฉะนั้นในระหว่างที่เขาต้องเรียนรู้เรื่องงานแสดงและMARTIAL ART ไปด้วย เขาต้องมีการเรียนเรื่องการแสดงอารมณ์ดราม่าและการตีความบทภาพยนตร์และการตีความตัวละครไปด้วย เป็นสิ่งที่สนุกมากในการทำงานร่วมกับทั้ง3คนนี้ และได้ครูเงาะซึ่งเป็นครูสอนการแสดงที่ดีมาก สามารถสอนการแสดงจากคนที่มีการแสดงเป็นศูนย์อย่างน้องบีบอยทั้ง3คนนี้ หนุ่ย ,เฮส,โอมาน รวมทั้งคาซูซึ่งก็ไม่เคยเล่นอะไรมาก่อนเหมือนกัน ก็เรียกได้ว่าการแสดงเป็นศูนย์ ส่วนในขณะที่จีจ้าซึ่งมีพื้นฐานการแสดงที่ดีอยู่แล้ว ก็ได้ถูกยกระดับพัฒนาการแสดงไปอีกระดับหนึ่ง เพราะว่าเขาเล่นเป็นตัวนำตัวเดินเรื่องเลย เพราะฉะนั้นน้องพวกนี้จะเหนื่อยมากไม่ใช่แค่เรื่องฝึกซ้อมเรื่องMARTIAL ART อย่างเดียว แต่ต้องเข้มเรื่องการแสดงด้วย
Q.เมื่อเอาบีบอยมาเล่นแอ็คชั่น ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการเต้นบีบอยให้กลายเป็นศิลปะการต่อสู้ได้อย่างไร
R.บีบอยตัวจริงทั้ง3คนที่ร่วมแสดงและมีบทบาทสำคัญในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่คาแรคเตอร์ บุคลิกตรงตามกับบทที่เราได้มาเท่านั้น เพราะว่าเราคัดที่ฝีไม้ฝีมือของเด็กๆเหล่านี้ด้วยซึ่งดีกรีความสามารถของแต่ละคนก็ไม่ใช่ย่อย ล้วนแล้วแต่มีความน่าสนใจอย่างหนุ่ย(หนุ่ย แสนแดง) ในการแข่งขัน BATTLE OF THE YEAR เขาจะได้ตำแหน่งที่ 3มา5ปีซ้อน ส่วนอีกคนคือเจ้าเฮส(สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม) เป็นแชมป์ของภาคเหนือ อยู่ในอันดับท็อปไฟว์ของประเทศมาถึง4ปี ส่วนโอมาน(บุญประเสริฐ ศาลางาม) เป็นรุ่นพี่ของหนุ่ย เป็นรุ่นพี่ที่เต้นบีบอยตั้งแต่ยังเป็นเบรกแดนซ์ จนกลายมาเป็นบีบอยที่ยังไม่ฮิตมากนักในบ้านเรา จนกระทั่งมาฮิตอย่างมหาศาล โอมานนี่จะได้รับเชิญเข้าไปโชว์และเข้าไปเป็นกรรมการในการตัดสินบีบอยทั่วประเทศก็คือจะเดินสายเป็นกรรมการ เป็นความลงตัวที่เราได้ทั้ง 3คนนี้มา เป็น3คนที่มีความถนัดในการเต้นบีบอยคนละรูปแบบกันซึ่งผลที่ออกมาก็คือดีมากครับ แล้วในเรื่องของการนำเอาทั้ง3คนนี้ที่มีความถนัดในการเต้นบีบอยกับการเล่นที่เรียกว่าเป็นสตันท์แอ็คชั่นคือการเล่นแบบเสี่ยงตาย อย่างที่เราเรียกว่าการเล่นแบบเล่นจริงเจ็บจริง คือมันมีขั้นตอนของมัน อยู่ในคอร์สหลักสูตรที่จะต้องมาเริ่มต้นจากการเรียนการแสดงสตั้นท์แอ็คชั่นจะต้องทำอย่างไร โดยหลักสูตรพื้นฐาน การหลบ การไม่หลบ การเตะขั้นพื้นฐาน การต่อยขั้นพื้นฐาน การล้มขั้นพื้นฐาน จนกระทั่งขั้นไม่พื้นฐานคือถ้าโดนเข้าไปจริงๆ ทำอย่างไร มันถึงจะไม่เจ็บ วิธีการรับแอ็คชั่น วิธีการทำร้ายคนอื่น ทำอย่างไรให้คนอื่นเขาโดนเข้าไปจริงๆแล้วทำอย่างไรให้เขาไม่เจ็บหนัก คือไม่ใช่ไม่เจ็บ ไอ้ของพรรค์อย่างนี้โดนก็เจ็บอยู่แล้ว แต่เจ็บยังไงแบบไม่ต้องกับถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล มาจนถึงขั้นที่เอาความเป็นบีบอยของเขาเข้ามาพัฒนารวมกันกับการต่อสู้ แล้วก็ดีไซน์ออกมาเป็นท่าที่แปลกใหม่ อย่างสมมติว่าเราทำท่าบีบอย มันมีท่าบีบอยอย่างเช่นท่าที่เราเรียกว่าแอร์แทก คือเป็นท่าที่เราเอามือลงพื้น แล้วก็ขา(ชี้ฟ้า)ก็จะกางออกไป แล้วก็ปั่นตัวก็จะหมุนไปเรื่อยๆลักษณะคล้ายๆกับกังหัน คือถ้ามันเป็นท่าบีบอยมันก็อาจจะจบลงด้วยนี่คือ1ท่าบีบอย แต่พอมันต่อด้วยฉากแอ็คชั่นมันก็คือก่อนหน้าที่จะทำท่าแอร์แทก มันจะต้องมีการหมุนตัว เหวี่ยงตัวขนาดไหน เสร็จแล้วพอทำท่าแอร์แทก เท้าก็คือไปเตะก้านคอหรือกกหูของคู่ต่อสู้ เสร็จแล้วก็พลิกตัวขึ้นมายืนอีกท่าหนึ่ง เสร็จแล้วใช้ข้อศอก ศอกเข้าไปเจาะกลางกบาล ซึ่งเกิดจากการผสมผสานกัน ทำให้ในฉากแอ็คชั่นที่เราได้มาเป็นลักษณะแบบที่เต้นไปสู้ไปนั่นแหละครับ
Q.แล้วสำหรับตัวจีจ้า ที่มีพื้นฐานการต่อสู้อยู่แล้วต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับแอ็คชั่นในหนังเรื่องที่2อย่างไรบ้าง
R. สำหรับการแสดงของจีจ้านะครับ นอกจากจะต้องเล่นในส่วนของดรามาติคซึ่งมันยากในระดับหนึ่งอยู่แล้ว มาในส่วนของแอ็คชั่นเล่นจริงเจ็บจริงที่จ้าเล่นอยู่ มันต้องปรับรูปแบบวิธีการฝึกซ้อมเปลี่ยนรูปแบบวิธีคิดนิดนึง คือสำหรับตัวจ้าโอเคเขาเริ่มต้นจากการมีพื้นฐานการเล่นแบบสตั้นท์แอ็คชั่นมาแล้ว ขั้นต่อไปของจ้าคือต้องเรียนพื้นฐานของการเล่นบีบอยซะก่อน รวมทั้งพื้นฐานการเต้นลีลาศหรือป๊อบปิ้งในบางจังหวะแต่ว่าลักษณะการเรียนตรงนี้เรียนเพื่อที่จะนำมาADAPTเข้ากับความสามารถที่มีอยู่แต่ดั้งเดิมของจ้าคือการใช้อาวุธมวยไทยเข่าศอก การเคลื่อนไหวแบบยืดหยุ่น เพราะจ้าจะเป็นคนที่ตัวอ่อนมาก ความยืดหยุ่นของร่างกาย การเคลื่อนไหวแบบแบบลีลายิมนาสติก โดยการเอารูปแบบของการเต้นเข้ามาผสมผสาน ในขณะที่จะแตกต่างจากของคาซูกับของเพื่อนพระเอกอีกสามคน คาซูจะมีพื้นฐานทางด้าน MARTIAL ART TRICKZ ซึ่งเป็นMARTIAL ARTที่ได้รับความนิยมมากๆในต่างประเทศนะครับ โดยเฉพาะในยุโรปเป็นMARTIAL ARTที่เกิดมาใหม่เกิดจากการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลายๆแบบเข้าหากัน แต่ว่าเขาจะเอาเฉพาะTRICKZนะครับ ก็คือลูกเล่น เอาเฉพาะลูกเล่นที่มันเป็นขั้นที่สูงกว่าขึ้นไปกว่าอีก เช่นสมมติว่าถ้าในการเล่นเทควันโดจะมีการเตะ 3ชั้น 4 ชั้น 5 ชั้น ทริกอาจจะมีการนำเอาลูกเตะเหล่านั้นมาผสมกับยิมนาสติกทำให้มีการตีลังกาเพื่อจะเตะหรือเตะแล้วตีลังกา แล้วก็ม้วนตัวเข้าไป แล้วก็FREE RUNNINGต่อ เป็นต้น คือลักษณะการผสมผสานแบบนี้มันจะทำให้เราได้MARTIAL ARTแบบที่เราเรียกว่า MARTIAL ART TRICKZ ซึ่งสิ่งนี้มันเป็นเรื่องที่ถนัดของคาซูอยู่แล้ว ก็คือการที่แต่ละคนมีรูปแบบความถนัดโดยพื้นฐานที่แตกต่างกันนี่เอง มันเลยทำให้ฉากแอ็คชั่นในแต่ละฉากจะมีความแตกต่างกันทางในด้านรูปแบบของการดีไซน์ของฉากแอ็คชั่นและลีลาที่ออกมา ทำให้เราเห็นแอ็คชั่นแบบที่ไม่ใช่แค่ 1 คนเข้าไปลุยเดี่ยวกับคนหลายๆ คน แต่มันคือมีทั้งจีจ้าสู้คนเดียว มีทั้งจีจ้าสู้สอดคล้องประสานกันกับคาซู คือ 2 คนต้องเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อที่จะสู้กับผู้ร้าย มีลีลาของการเหวี่ยง อย่างคาซูต้องจับจ้าเหวี่ยงออกไป ดึงจ้ากลับมาเอาจ้าขึ้นหัวหมุน เพื่อจะกระทำกับศัตรู แล้วเราก็จะเห็นพวกกลุ่มเพื่อนพระเอกที่มีความถนัดเรื่องบีบอยในการสู้แบบสอดคล้องประสานกันหนึ่งเข้าไปสอง หนึ่งออกมาสอง เข้าไปสามเข้าไปสองออกมา จะมีคิวแอ็คชั่นที่มีความยากขึ้นไปอีกระดับนึงนะครับ
Q.นอกเหนือจากแอ็คชั่นแล้ว เราจะได้เห็นพัฒนาการทางด้านการแสดงในส่วนของแอ็คติ้งและอารมณ์ของตัวละครที่ต้องผ่านการเวิร์คช็อพทางด้านการแสดงด้วย
R.- ครับสำหรับจีจ้า จริงๆ แล้วตัวจ้าเป็นคนที่มีพื้นฐานทางด้านการแสดงในแบบ2อินวันที่เรียกว่าหาตัวจับยากอยู่แล้ว ก็คือ ทั้งในแบบแอ็คชั่นMARTIAL ARTซึ่งเขาเล่นจริงๆ เจ็บจริงได้อยู่แล้ว และในส่วนของการแสดงทางด้านดรามาติกที่ทำได้ในระดับที่น่าพอใจมากๆ เรียกว่าๆ ดี ดีอยู่แล้วด้วยซ้ำเพียงแต่ว่าการที่ต้องเล่นหนังเรื่องนี้ เราก็จะมีการให้คุณครูมาสอนเรื่องเกี่ยวกับการแสดงเพิ่มขึ้น คำว่าเพิ่มขึ้นก็คือให้เข้ากับบทคือสำหรับจีจ้านี่ก้าวข้ามเรื่องทักษะหรือพื้นฐานทางด้านการแสดงออกไปได้เลย ไปสู่ขั้นที่สองของการแสดงในส่วนของการตีความเรื่องบทภาพยนตร์ ตีความว่าตัวละครคิดอะไร รู้สึก กระทำอะไร ไม่ทำอะไร ซึ่งก็จะมีตั้งแต่การฝึกซ้อมการแสดงบนโต๊ะ และก็ในห้องฝึกซ้อมก่อนที่จะไปถ่ายทำจริง เพื่อจะตีความตัวละครให้ตรงกันซะก่อน ระหว่างผู้กำกับ ระหว่างคุณครูสอนการแสดง แล้วก็ตัวนักแสดงเอง ในขณะที่ในกลุ่มนักแสดงอย่างคาซูแล้วก็ 3หนุ่มบีบอยหนุ่ย เฮส โอมาน ที่ทุกคนล้วนใหม่มากสำหรับเรื่องการแสดง ก็จะต้องมาเริ่มต้นเรียนรู้ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานทางด้านการแสดงว่าการแสดงคืออะไร แสดงกับไม่แสดงแตกต่างกันยังไง แสดงให้เป็นตัวเองกับแสดงให้เป็นตัวละครนั้นๆ ต่างกันยังไง แล้วถึงเข้าไปสู่ระดับที่ 2 คือการทำความเข้าใจกับบทภาพยนตร์
สำหรับในส่วนของรับส่งทางด้านการแสดงร่วมกันระหว่างจีจ้ากับคาซู ต้องบอกว่าตัวจีจ้าเองมีประสบการณ์ทางด้านการแสดงและการเล่นอารมณ์มาก่อนคาซูอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทริกในการแสดงเวลาที่ทั้งคู่เข้าฉากประกบคู่กันโดยเฉพาะซีนที่มีเรื่องของอารมณ์ดรามาติกที่เข้มข้นเข้าหากัน ในตอนที่ทำบทเราก็จะวางบทให้ตัวจีจ้าเป็นตัวนำเรื่อง เพราะฉะนั้นตัวละครดื้อที่จ้าแสดงจะต้องเป็นคนแสดงออกและส่งอารมณ์ไปก่อน เพื่อให้ตัวสนิม ที่คาซูเล่นแสดงอารมณ์ตอบกลับมา ซึ่งมันจะช่วยให้การแสดงออกมาลื่นไหล เพราะความที่จ้ามีประสบการณ์ทางด้านการแสดงมากกว่าส่งอารมณ์ไปที่คาซูซึ่งมีประสบการณ์ทางการแสดงน้อยกว่า แล้วพอถึงเวลาแอ็คชั่นปั๊บจ้าเล่นส่งอารมณ์มาที่คาซู นี่มันจะได้ผลมากๆ เพราะว่าพอคาซูเองเห็นหน้าจ้าในขณะที่แสดงความรู้สึกในความเป็นตัวดื้ออกมา ส่งผลให้ตัวคาซูแสดงความรู้สึกตอบกลับออกมาได้อย่างทันที อย่าว่าแต่คาซูเลย แม้กระทั่งคนในกองถ่ายที่เวลาเห็นจ้าดุหรือร้องไห้หรือว่าส่งสายตาหวานๆขึ้นมาเนี่ย ก็จะสัมผัสได้ว่ามันมีฟิลลิ่งมีความรู้สึกตรงนี้ออกมาได้ชัดเลย ทำให้คนที่เล่นด้วยเนี่ยะจะสามารถรับรู้อารมณ์ได้ง่ายขึ้น ก็เป็นทริกในการแสดงอย่างนึง แต่ในขณะเดียวกันเป็นทริกที่ไม่ได้ขัดแย้งกับเรื่องราวเพราะตัวเรื่องราวเนี่ยะ ตัวจีจ้าจะเป็นตัวเดินเรื่องและเป็นตัวเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวของหนังอยู่แล้ว ในจีจ้าดื้อสวยดุเราก็จะได้เห็นอีกหนึ่งความสามารถทางด้านการแสดงของจีจ้า นอกเหนือจากความสามารถทางด้านแอ็คชั่นที่จีจ้าถนัดอยู่แล้ว