สหมงคลฟิล์มภูมิใจเสนอภาพยนตร์ หลอน ระทึกขวัญ เรื่อง โคลิค เด็กเห็นผี

ข่าวทั่วไป Tuesday May 9, 2006 09:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
กำหนดฉาย 13 กรกฎาคม 2549
แนวภาพยนตร์ หลอน ระทึกขวัญ
สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
บริษัทดำเนินงานสร้าง บาแรมยู
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัชตนประเสริฐ
ควบคุมการสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว,สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์,บัณฑิต ทองดี
ผู้ดำเนินการสร้าง ศิตา วอสเบียน
กำกับภาพยนตร์ พัชนนท์ ธรรมจิรา
เรื่องและบทภาพยนตร์ ปิยรส สุนทรวิภาค
ผู้กำกับภาพ ธีระวัฒน์ รุจินธรรม
ลำดับภาพ สุทธิพร ทับทิม
ออกแบบเสียง Vanilla Sky
ดนตรีประกอบ Lullaby
บันทึกเสียง ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา
ฟิล์มแลบส์ สยามพัฒนาฟิล์ม
ผู้กำกับศิลป์ / ออกแบบงานสร้าง ถิรนันท์ จันทคัต
ออกแบบเครื่องแต่งกาย ชาติชาย ไชยยนตร์
นำแสดงโดย “พิม” พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์,
“อั๋น” วิทยา วสุไกรไพศาล,
“เมย์” กุณฑีรา สัตตบงกช
คุณเคยรู้จักเด็ก หรือมีลูกที่มีอาการอย่างนี้บ้างไหม ??
ร้องไห้เป็นประจำทุกวันและเวลาเดียวกัน
ไม่หยุดและรุนแรง ติดต่อกันเป็นเวลานาน
ระวัง...นั่นคือสัญญาณของความน่ากลัว
เตรียมผวา!!!... กับสิ่งที่จะตามมาหลอก...หลอน
เรื่องย่อ
เมื่อ แพรพลอย (พิมพ์พรรณ ชลายคุปต์) เออีสาวกับ ป้องภพ (วิทยา วสุไกรไพศาล) ผู้กำกับหนังโฆษณาหนุ่มไฟแรง ได้ตัดสินใจแต่งงานกันหลังจากที่แพรตั้งท้องโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคู่จึงตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตและขยับขยายครอบครัวใหม่ด้วยการย้ายบ้านไปอาศัยอยู่กับแม่และน้าสาวของป้องภพแถบชานเมือง แต่การเริ่มต้นไม่ดีเท่าที่ควรเพราะป้องภพทำแต่งานไม่มีเวลามาสนใจแพรซึ่งกำลังตั้งท้องแก่ขึ้นทุกที ความกดดันต่างๆ จากฝ่ายชายทำให้แพรต้องหันหน้าไปปรึกษาและหาอะไรทำเพื่อลดความเครียดด้วยการวาดภาพประกอบให้กับหนังสือที่ จีน (กุณฑีรา สัตตบงกช) เพื่อนสนิท ดูแลอยู่
คืนนึงแพรเห็นบ้านน้าเบญซึ่งปลูกอยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังใหญ่ของแม่ป้องภพมีไฟลุกไหม้ จึงเข้าไปดูและพยายามหาทางช่วยน้าเบญออกมา ในขณะที่แพรเองก็เจ็บท้องและกำลังจะคลอดลูกพอดี
หลังจากการคลอดลูกกลับมาไม่นาน น้องปั้น (ลูก) ก็กลับส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรงและน่ากลัว หมอตั้งข้อสงสัยว่าน้องปั้นน่าจะเป็น โรคโคลิค ซึ่งเด็กที่เป็นโรคนี้จะร้องไห้อย่างรุนแรงและตรงเวลาเป็นประจำทุกวันโดยไม่สามารถหาสาเหตุและวิธีรักษาได้ แต่โดยปรกติโรคนี้จะหายไปเองเมื่อเด็กอายุ 3 ถึง 6 เดือน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปน้องปั้นก็ยังไม่หายจากโรคโคลิค ปั้นยังคงร้องไห้อย่างรุนแรงทุกวัน และดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวและจีนซึ่งเข้ามาช่วยดูแลน้องปั้นต่างก็พบกับเรื่องราวประหลาด ๆ มากมาย
“ทำไมโรคนี้จึงไม่หายไปจากเด็กคนนี้ ทำไมเรื่องต่างๆ จึงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เค้าเริ่มร้องไห้” อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ร่วมพิสูจน์ความจริงที่มาพร้อมความหลอนนี้ได้ใน THE COLIC..เด็กเห็นผี
เกร็ดงานสร้าง
โคลิค ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากโรคที่มีอยู่จริงของเด็กวัยแรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 3-6 เดือน โรคที่รู้จักและทำการศึกษากันมานมนานสำหรับพ่อแม่และวงการแพทย์ทั้งไทยและต่างประเทศ โรคโคลิค หรือที่เรียกว่าโรคร้อง 100 วันมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของแต่ละวัน และจะร้องไห้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจถึง 2-3 ชั่วโมง ปัจจุบันทางการแพทย์ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคชนิดนี้ได้ว่าเกิดจากอะไร เป็นโรคที่ทำความลำบากใจให้กับผู้ที่เป็นพ่อแม่ไปทั่วโลก จนมีการก่อตั้งชมรม สมาคมเพื่อการรักษาบำบัดโรคให้กับบุตรหลานที่เป็นโรคและสำหรับบำบัดจิตใจให้กับพ่อแม่อีกด้วย
จากประสบการณ์การเผชิญหน้ากับโรคโคลิคของผู้เขียนบท ถูกตั้งคำถามและตีความออกมาในรูปแบบภาพยนตร์ที่ชวนขนลุก สาเหตุที่ยังเงื่อนงำของโรคถูกโยงใยเข้ากับครอบครัวสมัยใหม่ในปัจจุบัน ที่ขาดความพร้อมในการใช้ชีวิตคู่ ในขณะเดียวกันก็ถูกรังควานจากสิ่งเร้นลับที่มองไม่เห็นอยู่ตลอดเวลา ผู้กำกับ
“เหลิม” พัชนนท์ ธรรมจิรา ผู้คลุกคลีอยู่เบื้องหลังภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องในฐานะครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ ได้ถ่ายทอดรูปแบบความน่ากลัวออกมาด้วยมุมมองภาพที่น่าสนใจ การจัดเรียงจังหวะและลำดับการเล่าเรื่องที่คนดูได้ร่วมลุ้นระทึกไปกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้อยู่ตลอดเวลา ด้วยประสบการณ์การทำงานด้านภาพยนตร์ของผู้กำกับจากการเข้าประกวดภาพยนตร์สั้นจนสามารถกวาดรางวัลจากมูลนิธิหนังไทยหลายเรื่องเช่นรางวัลรองชนะเลิศปี 2541รางวัลช้างเผือกเรื่อง “วัด” และ รางวัลชมเชยปี 2541 รางวัลช้างเผือกเรื่อง “หมด” ทำให้ “เหลิม” พัชนนท์ ธรรมจิราเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง
“ก่อนหน้ามากำกับภาพยนตร์ ผมได้มีโอกาสคลุกคลีอยู่กับการทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังภาพยนตร์เรื่องต่างๆ อยู่ในส่วนของการโปรโมทภาพยนตร์ไทย รับผิดชอบในการทำโปสเตอร์ ทำตัวอย่างหนัง ทำรายการพิเศษเบื้องหลังภายใต้บริษัทปั่นกัมปะนี จากการที่เราคลุกคลีเกี่ยวกับการโปรโมท ผมก็จะได้เห็นหนังหลากหลายสไตล์ของหลายๆ ผู้กำกับหนังไทยหลายแบบ ความคิดในตอนนั้นเวลาเราดูหนังบางเรื่องเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนั้นยังขาดตรงนู้นตรงนี้ พอมาถึงวันนี้ได้ทำเอง... สนุกเลยครับ เข้าใจเลยว่าทำไมหนังบางเรื่องถึงทำได้แค่นั้น หนังบางเรื่องเป็นได้แค่นี้ เพราะว่าหนังเป็นอะไรที่ยาก บางทีเราไม่รู้หรอกว่าวันนี้ออกกองไปเราจะเจออะไร ปัญหาจะมีกี่อย่างกี่แบบที่จะต้องให้แก้ งานกำกับหนังเป็นอะไรที่ยาก พอมาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกว่าผู้กำกับหนังทุกคนทั่วฟ้าเมืองไทยและหนังทุกเรื่องที่ผ่านมาเป็นหนังที่ดี...ผมเชื่อว่าทุกคนเก่ง
ที่ผมเริ่มต้นจากการทำหนังแนวนี้ จริงๆ แล้วโดยส่วนตัวของผมเองคิดว่าหนังแนวไหนก็น่าจะทำได้ มันเป็นเรื่องของโอกาสที่มันมาถึงแล้ว คือถ้าเกิดสมมุติว่าเรามัวแต่รอเลือกของที่ถูกใจ ผมว่ามันก็ไม่มีวันนี้ ก็เลยคิดว่าอันไหนก็ได้ที่เป็นโอกาสผมก็ฉวยไว้ให้หมด ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่หนังแนวนี้ มันอาจจะเป็นหนังตลกเป็นหนัง
ดราม่าร้องไห้กันเยอะแยะ ผมก็เลือก ผมก็ทำหมดครับ ถือว่ามันเป็นโอกาสที่ดี เพียงแต่ว่าในโอกาสที่ดีเราต้องตั้งใจทำกับมันอย่างจริงจัง ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นแนวไหน ขอให้มีโอกาสก็ทำหมดครับ
ความยากของหนังเรื่องนี้มันน่าจะเป็นการกำกับคนดู เป็นเรื่องของจังหวะ ช๊อต จะเร้าอารมณ์คนดูยังไงเมื่อไหร่ จะสร้างคนดูรู้สึกกลัวหรือว่ารู้สึกตกใจในช่วงเวลาเหมาะสมที่เราต้องการ ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่ยาก เพราะเราต้องดีไซด์ช๊อตแล้วก็กะไทม์มิ่งของแต่ละช๊อต เพราะว่าเวลาเราตัดต่อมันจะได้ลงตัว มันเป็นเรื่องของการที่เราต้องทำให้คนดูรู้สึกไปตามนั้น ลักษณะการทำงานของผมก็คือ ถ้าทำหนังตลกก็อยากให้คนหัวเราะ ทำหนังดราม่าก็อยากให้คนร้องไห้ ทำหนังผีก็อยากให้คนรู้สึกกลัว รู้สึกตื่นเต้น ซึ่งมันเป็นรูปแบบของหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว เราอยากให้คนดูกลัวแล้วก็ตื่นเต้นไปกับตัวหนัง สนุกไปกับความน่ากลัวของมัน ความตื่นเต้นของมันเท่านั้นน่าจะพอครับ”
นอกจากนี้โคลิคยังร่วมด้วยการจับมือกันโปรดิวซ์ของสองผู้กำกับใหญ่เจ้าของหนังที่กวาดรายได้ไปมากกว่า 100 ล้านบาทอย่าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว จากผลงานการกำกับเรื่อง องค์บาก ต้มยำกุ้ง ช๊อคโกแลต และ บัณฑิต ทองดี จากผลงานการกับเรื่อง มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม เฮี้ยน รวมทั้งโปรเจคท์หนังเรื่องใหม่ที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ “มนุษย์เหล็กไหล”
“ หนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจมากครับ ผมสนใจมาตั้งแต่ตอนที่ได้ยินไอเดียนี้แล้วก่อนที่จะได้บทมา มันเป็นหนังที่มีความพัวพันกับอะไรที่มันมีจริงๆ เป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ถึงแม้ว่ามันจะมีข้อสันนิฐานหรือวิธีช่วยเหลือก็ตาม คนเขียนบทเค้าก็ดัดแปลงได้น่าสนใจเอาความเชื่อกับวิทยาศาสตร์มาผูกไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยเนื้อหาของเรื่องมันมีอะไรให้น่าค้นหาอยู่แล้วบวกกับความสามารถของตัวผู้กำกับเอง เป็นคนที่มีมุมมองอะไรใหม่ๆ จับจังหวะบทได้ดี ทำให้เรื่องดำเนินไปด้วยความตื่นเต้นตลอดเรื่อง ที่เราเลือกเหลิมมากำกับเรื่องนี้ก็เพราะว่า เราเห็นการทำงานและไอเดียที่นำเสนอของเค้ามาโดยตลอด จนวันนึงเรารู้สึกว่าเหลิมต้องมากำกับหนังบ้างแล้วล่ะเหลิมเค้าเป็นคนที่มุมมองด้านหนังที่ค่อนข้างจะดี เป็นคนที่จบทางด้านภาพยนตร์มาแล้วก็กำกับหนังสั้นได้รางวัลเยอะมาก แต่ไม่มีโอกาสได้ทำหนังแล้วเค้าก็บอกว่าเค้าอยากทำเค้ามั่นใจว่าเค้าทำได้ หลังจากคุยกันก็รู้ว่าเค้าเป็นคนที่มีไอเดียในเรื่องการทำหนังที่ใช้ได้ที่น่าจับตามอง พอคนเรามันมีความอยากมาก มันเหมือนมีพลังพิเศษบางอย่างถ้าเราให้เค้าทำงานนี้มันจะเป็นความตั้งใจแบบพิเศษๆ แล้วเค้าเป็นคนทันสมัยพอที่จะพลิกนหนังแนวนี้ให้มีอะไรใหม่ให้มีความแตกต่างเพิ่มมากขึ้นได้อีก”
คาแรกเตอร์
แพร รับบทโดย (พิม) พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์
เออีสาวที่มีความสามารถ ขยัน และกำลังจะไปได้ด้วยดีกับหน้าที่การงาน แต่ต้องหยุดงานที่ตัวเองรักเอาไว้เพราะตั้งท้องกับป้องภพผู้กำกับหนุ่มที่คบหากันอยู่ แพรจึงตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดด้วยตนเองเพราะทดแทนสิ่งที่ตัวเองขาดไปจากครอบครัวเมื่อตอนยังเด็ก แต่ป้องภพกลับทำให้ครอบครัวที่แพรคาดหวังไว้เกือบจะล้มไม่เป็นท่าเพราะมัวแต่ทำงานไม่กลับบ้านเหมือนคนปรกติเค้า แพรจึงมีแต่จีนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่คอยให้คำปรึกษาอยู่เสมอๆ หลังจากคลอดลูกแพรยิ่งถูกกดดันหนักเข้าไปอีกเพราะลูกเป็นโรคโคลิคแพรพยายามหาทางรักษาในขณะเดียวกันก็ค้นพบความแปลกประหลาดบางอย่างที่เกิดขึ้นซึ่งแพรคิดว่าการร้องไห้โคลิคของลูกตัวเองเกิดมาจากอะไรบางอย่างที่ลี้ลับเกินกว่าที่แพรคาดคิดเอาไว้
“พิมยังไม่เคยเล่นหนังแนวนี้เลย แล้วก็ยังไม่เคยที่จะต้องมารับบทหนักๆ อย่างนี้ บทนี้เป็นบทที่ยาก เพราะว่าต้องเล่นเป็นคนที่มีลูก แล้วลูกก็โดนสิ่งที่มองไม่เห็นทำร้าย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเล่นกับจินตนาการที่มันค่อนข้างเยอะ แล้วเราไม่เคยเป็นแม่มาก่อนการแสดงออกในด้านของอารมณ์ที่แม่มีต่อลูกมันเลยยากมากสำหรับพิม มันหลากหลายอารมณ์พิมจะต้องรู้สึกรักลูกใจแทบขาดต้องต่อสู้กับอะไรก็ไม่รู้ที่จะเข้ามาทำร้ายลูกเรา พิมต้องศึกษาด้วยว่าการเลี้ยงลูกเค้าต้องทำอะไรกันบ้าง ค้นหาว่าความรู้สึกของคนเป็นแม่นั้นเป็นยังไง
สำหรับเรื่องนี้พิมเชื่อนะว่าโลกเรามันยังมีอะไรอีกมากมายที่การแพทย์หรือวิทยาศาสตร์เองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แล้วพิมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในเมื่อโรคนี้มีมาตั้งนานแล้ว แต่ทำไมยังไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าเพราะอะไรเด็กเหล่านั้นเค้าถึงต้องร้องไห้เวลาเดียวกันทุกวัน พิมว่ามันยังคงเป็นเรื่องที่น่าค้นหาและเป็นเรื่องน่าชวนขนลุกไปพร้อมๆ กันนะคะ”
ประวัติของ “พิมพ์” พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์
พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ นักแสดงมากฝีมือที่ผ่านการรับรองด้วยรางวัลอันทรงเกียรติ รางวัลสุพรรณหงษ์ ครั้งที่ 13 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประจำปี2546 จากบทบาทของสำเนียนสาวเคราะห์ร้ายในภาพยนตร์เรื่อง คืนบาปพรหมพิราม
- ปี 45 ภาพยนตร์เรื่อง ขุนแผน
- ปี 46 ภาพยนตร์เรื่อง คืนบาปพรหมพิราม
- ปี 47 ภาพยนตร์เรื่อง ฟอร์มาลีนแมน รักคุณเท่าฟ้า
- ปี 49 ภาพยนตร์เรื่องโบอา งูยักษ์ และ โคลิค
ป้องภพ แสดงโดย (อั๋น) วิทยา วสุไกรไพศาล
ป้องภพ ผู้กำกับโฆษณาหนุ่มมาดเซอร์ เอาจริงเอาจังกับการทำงาน ไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้างมากนักมักมีมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่นจนบางครั้งทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น ขาดความมั่นคงทางอารมณ์ ฉุนเฉียวง่าย ติดกับการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ ป้องภพมีแม่ที่ใจดีและน้าเบญที่มักจะทำอะไรแปลกๆ เสมอ อาศัยอยู่ชานเมือง ป้องภพต้องย้ายจากคอนโดกลับมาอยู่บ้านพร้อมกับแพรหลังจากที่รู้ว่าแพรตั้งท้อง ซึ่งป้องก็ยังไม่สามารถที่จะเลิกใช้ชีวิตอิสระของตัวเองได้ทั้งที่กำลังจะเป็นพ่อคน
“ผมมีความเชื่ออย่างนึงว่าใครทำกรรมดีย่อมได้ดี ใครทำกรรมชั่วย่อมได้ชั่วครับ ส่วนเรื่องวิญญาณ ผี หรือปีศาจอันนี้ผมก็เชื่อว่ามันน่าจะมีอยู่ เพียงแต่ผมยังไม่เคยได้เจอกับมัน คลื่นเราอาจไม่ตรงกับคลื่นของเค้า ผมเลยไม่สามารถจะมองเห็นมันได้ ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ที่มีคนเคยเห็นสิ่งเหล่านั้น อาจจะเป็นเด็กก็ได้ผู้ใหญ่ก็ได้
สำหรับเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผม ตอนแรกก็เกร็งเหมือนกันไม่รู้ว่าจะต้องไปทิศทางไหน คาแรกเตอร์ของป้องไม่มีอะไรที่เหมือนผมเลย แล้วก็ต้องจินตนาการและต่อสู้กับสิ่งที่ผมมองไม่เห็น ซึ่งอะไรบางอย่างงนั้นมันไม่ได้ออกมาหลอกเราซึ่งๆ หน้า แต่มันกำลังหลอนเราอยู่ต่างหาก”
ประวัติ “อั๋น” วิทยา วสุไกรไพศาล
พระเอกใหม่หน้าตาคมเข้ม มาดเซอร์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทจาก University of Denver (University College) Colorado USA สาขา computer ก้าวเข้าสู่วงการครั้งแรกจากการเป็นพระเอกโฆษณาหลายยี่ห้อเช่น ชาขาวเพียวริคุ, เชฟโรเลตซาฟิร่า, บัตรเครดิตธนาคารกรุงศรีจีอี, กระดาษดับเบิ้ลเอ อีกทั้งเล่นมิวสิควีดีโอเกิดมาเพื่อช้ำของดัง พันกร, ผู้ชายเฮงซวยของอ่ำ อมรินทร์ นิติพล,มิวสิควีดีโอวงไอวี่และมาช่า วัฒนาพานิช และละครเวทีเรื่องอลหม่านหลังบ้านทรายทอง ล่าสุดได้รับตำแหน่งหนุ่มคลีโอประจำปี 2548 เป็นคนรักสงบ ชอบอ่านหนังสือธรรมะ
จีน แสดงโดย (เมย์) กุณฑีรา สัตตบงกช
จีน บ.ก หนังสือหัวนอกและเจ้าของร้านกาแฟ ทันสมัย มั่นใจในตัวเองสูง รักเพื่อน จีนเป็นเพื่อนสนิทกับแพรและป้องมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ด้วยกัน ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทด้านจิตวิทยาอยู่ เมื่อแพรตั้งท้องและออกจากงาน จีนจึงชักชวนให้แพรทำของจุกจิกมาวางขายที่ร้านและช่วยเขียนภาพประกอบให้กับหนังสือที่ตนเองทำอยู่ จีนคอยเป็นที่ปรึกษาและเป็นกำลังใจให้กับแพรอยู่เสมอ
“เมย์เชื่อว่าเรื่องเร้นลับเหล่านี้มีอยู่จริง ไม่อย่างงั้นเรื่องพวกนี้จะถูกพูดกันมายาวนานตั้งแต่ครั้งโบราณได้ยังไง มันต้องมีคนที่เค้าเคยเจอมาแล้วบ้าง และเมย์คิดว่าปัจจุบันสิ่งนี้ก็ยังต้องมีอยู่และก็อาจวนเวียนอยู่รอบตัวเรา เพียงแต่เรายังจูนกันไม่ติด ถ้าเมย์ไม่มาเล่นหนังเรื่องนี้ เมย์ก็คงยังไม่รู้จักโรคโคลิคและคงคิดไปต่างๆ นานาหาเหตุผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้
เมย์ยังไม่เคยเล่นหนังแนวนี้ แต่เท่าที่ได้อ่านจากบทเมย์คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ใครที่ชอบดูหนังแนวนี้ไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้ ขนาดเมย์เองเป็นคนไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้แต่เมย์ก็ยังอยากดู อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป”
ประวัติ “เมย์” กุณฑีรา สัตตบงกช
พิธีกรและนักแสดงสาวสวยการันตีด้วยตำแหน่งรองนางสาวไทยประจำปี 2543
- ภาพยนตร์แอ๊คชั่น-คอเมดี้เรื่อง เจ็ดประจัญบานภาค 1
- ภาพยนตร์เรื่อง ธิดาช้าง
- ละครเรื่องพี่น้องสองเลือด
- พิธีกรรายการอำเภอใจ
- พิธีกรรายการตอกไข่สไปร์เกริล
- พิธีกรรายการ oops! Tv
- พิธีกรรายการ get กึ๋น
- พิธีกรรายการ มุมมองท่องเที่ยวไทย
- พิธีกรรายการ อร่อยยกนิ้ว
- พิธีกรรายการ life varaity
ประวัติผู้กำกับ
พัชนนท์ ธรรมจิรา
ปี 2514 เด็กชาย เฉลิมพันธุ์ ธรรมจิรา ( ชื่อเดิม ) ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบใหญ่ ในวัยเด็กด้วยความที่บ้านครอบครัวใหญ่มีพี่น้องถึง 4 คน ธรรมดาของบ้านที่มีลูกเยอะ ลูกบางคนก็อาจคิดไปได้ว่าพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ซึ่งไม่ใช่ใครอื่น....ผมเองละครับ จากที่เล่ามาเบื้องต้นนั้นก็เพื่อจะบอกว่า ไอ้การที่ผมชอบคิดไปว่าพ่อแม่ไม่รักเนี่ย กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีวันนี้ วันที่ได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ทำไม...ยังไง ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ
ในยุคที่ผมเป็นเด็กนั้น ละครเรื่อง บ้านทรายทองกำลังเป็นที่นิยม นางเอกถูกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา ผมจำได้ทุกภาพทุกฉากที่นางเอกถูกกลั่นแกล้ง และทุกครั้งที่ผมถูกพ่อแม่ดุ ผมจะวิ่งไปหลบที่ใต้เตียงและเริ่มคิดเป็นเรื่องเป็นฉากๆ เหมือนภาพที่เคยเห็นในละครทีวี เชื่อเถอะครับผมคิดจนเป็นภาพเป็นเสียง เอาให้เกิดอารมณ์ร้องไห้ออกมาให้ได้ และก็ได้ผลน้ำตาร่วงเป็นสายหลังจากนั้นมาผมก็มักจะเป็นอย่างนี้อยู่บ่อยๆ นั่นหล่ะครับบทเริ่มต้นของคุณสมบัติของผู้กำกับภาพยนตร์
หลังจากนั้นผมก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนทุกคนทั่วไป เรียนหนังสือเหมือนคนอื่น เรียนมาเรื่อยๆ ซ้ำชั้นบ้างผ่านบ้างแล้วแต่อารมณ์ ไม่อยากเรียนก็ลาออกหนีออกจากบ้าน อาศัยอยู่ตามบ้านเพื่อน เกาะเพื่อนกินว่าอย่างนั้น ระหว่างนี้เพื่อนๆ เขาเรียนหนังสือกัน ผมก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เข้าโรงหนังทุกวัน ดูจนเรียกว่าเข้าสายเลือดดูมันทุกประเภทหนังไม่เลือก มันเลยแทบจะรู้จักโครงสร้างของหนังแต่ละประเภทอย่างชัดเจน
ช่วงนั้นดูหนังอย่างเดียว ทำงานบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไปรับจ้างเป็นเด็กพร็อพตามกองโฆษณา จนเวลาล่วงเลย เพื่อนๆ พากันเรียนจบมหาวิทยาลัย ส่วนตัวผมไม่จบอะไรเลย..... มีบางครั้งในวงเหล้าเวลาที่เพื่อนๆ คุยกันถึงงานที่ต้องผลิตส่งอาจารย์ ด้วยความที่พ่อแม่ให้สมองมาเราก็เลยรู้จักที่จะคิด พอคิดก็ลองเสนอเพื่อน ก็มักจะได้คำตอบกลับมาว่า “มึงไม่เรียนมึงไม่รู้หรอก....” ทุกวันนี้ผมนึกขอบคุณเพื่อนคนนั้นอยู่ตลอดที่พูดอย่างนั้นผมกลับมาเรียนจนจบ ทำงาน และกำลังจะทำหนังให้เพื่อนคนนั้นได้ดู
ประวัติและผลงานที่ผ่านมา ของ พัชนนท์ ธรรมจิรา
จบการศึกษา ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์บัณฑิต สาขาภาพยนตร์และวีดีทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต
รางวัลรองชนะเลิศ จากมูลนิธิหนังไทย ปี 2541 รางวัลช้างเผือก เรื่อง “วัด”
รางวัลชมเชย จากมูลนิธิหนังไทย ปี 2541 รางวัลช้างเผือก เรื่อง “หมด”
ผลงานที่ผ่านมา
ฝ่ายศิลป์อิสระ งานโฆษณา ( แบกของนะครับ )
พนักงานร้านเช่า วีดีโอ ซึเทย่า ( สวัสดีครับ..เชิญครับ )
ผู้ช่วยกองถ่าย ภาพยนตร์ ฮ่องกง ( กวาดขยะกองถ่าย )
พนักงานตัดต่อ บริษัท เม็กเกอร์เฮด ( เรียนรู้ mv. นักร้อง )
ครีเอทีฟ บริษัท เรดร็อกเก๊ต ( นั่งนิ่งๆ เลยครับ...1ปี แล้วบริษัทก็ปิด )
เปิดห้องตัดต่อส่วนตัว ( แต่ไม่รุ่ง )
ครีเอทีฟ บริษัท ด๊อกเตอร์เฮด ( โรงเรียนโปรโมต )
ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ บ.ปั่นกัมปะนี จำกัด (ปัจจุบัน)
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ